ขอบตาดำคล้ำ เป็นหมีแพนด้า เป็นอาการที่พบได้ทั่วไปในคนที่ชอบอดหลับอดนอน หรือนอนดึก ไม่ว่าจะเพื่อเร่งทำงาน หรือนั่งดูซีรีส์โปรดก็ตาม แต่หากคุณมีอาการใต้ตาคล้ำอยู่เสมอ หรือมีขอบตาดำเรื้อรัง นั่นอาจจะแปลว่า คุณกำลังเป็นภูมิแพ้อยู่ก็ได้นะ!
ขอบตาดำคล้ำ มีสาเหตุจากอะไรบ้าง?
ขอบตาดำคล้ำ – Dark Circle เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน ฮอร์โมน อาการเจ็บป่วย หรือหลายสาเหตุรวมกัน โดยปัจจัยตัวอย่าง ที่อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดขอบตาดำ คือ
- อายุ เมื่ออายุมากขึ้น ถุงใต้ตาบริเวณหนังตาก็จะเริ่มหย่อนยาน และทำให้เกิดเป็นเงาบริเวณขอบตา รวมไปถึงการที่ผิวหนัง ผลิตไขมัน และคอลลาเจนลดลง ทำให้ผิวหนังบางลง จนเห็นเส้นเลือดใต้ผิวหนังได้ชัดเจน และรอยคล้ำบริเวณขอบตา ก็ชัดเจนขึ้นตามไปด้วย
- ความเครียด และพักผ่อนน้อย ความเครียดสะสม หรือความเครียดเรื้อรัง อาจส่งผลให้คุณมีปัญหาในการนอนหลับ จนทำให้ผิวซีด และดวงตาบุ๋มลึกมากขึ้น จนสามารถเห็นรอยคล้ำใต้ตาได้ชัดเจน
- อาการเจ็บป่วยต่าง ๆ เช่น อาการภูมิแพ้ เพราะหากเกิดอาการภูมิแพ้ขึ้นตา จะทำให้ระคายเคืองดวงตา และเผลอไปขยี้ตาได้ ส่งผลให้ขอบตาดำ หรือเมื่อเกิดการคัดจมูก อาการคัดจมูกอาจทำให้ เส้นเลือดบริเวณดวงตา และจมูกบวมขึ้น จนผิวบริเวณใต้ดวงตาดำคล้ำขึ้นได้เช่นกัน
- ภาวะขาดน้ำ เมื่อร่างกายไม่ได้รับน้ำเพียงพอตามที่ต้องการ ผิวก็จะไม่กระจ่างใส และส่งผลให้รอยดำคล้ำใต้ตาชัดเจนยิ่งขึ้น
- ตั้งครรภ์ เมื่ออยู่ในช่วงตั้งครรภ์ ฮอร์โมนในร่างกายจะเปลี่ยนแปลง และอาจส่งผลให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังขยายตัว จนเห็นเป็นรอยคล้ำใต้ตาได้
- การสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ จะทำให้ขอบตาดำคล้ำยิ่งขึ้น ส่วนการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น อาจทำให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังขยายตัว จนเห็นเป็นรอยคล้ำใต้ดวงตาได้
- แสงแดด แสงแดดอาจกระตุ้นให้ผิวหนังผลิตเม็ดสีเพิ่มมากขึ้น จนผิวบริเวณขอบตาดำคล้ำขึ้นได้
ภาวะขอบตาดำคล้ำจากภูมิแพ้ (Allergic shiner)
หมอกอล์ฟ (นายแพทย์ สิทธา ลิขิตนุกูล) กล่าวไว้ว่า “ขอบตาดำคล้ำจากภูมิแพ้ เกิดจากร่างกายปล่อยสารฮีสตามีนออกมามาก เมื่อสารนี้ออกมาเยอะ ร่างกายจึงต้องเอาหลอดเลือดไปเลี้ยงเยอะ และหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงเป็นหลอดเลือดดำ จึงทำให้เกิดขอบตาดำคล้ำนั่นเอง”
โรคภูมิแพ้จมูกอักเสบ ทำให้ขอบตาดำคล้ำได้อย่างไร?
ภาวะขอบตาดำเรื้อรัง สามารถเกิดได้จาก โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้อากาศ (Allergic rhinitis) เกิดจากร่างกายของเรา ไวต่อสารก่อภูมิแพ้ที่หายใจเข้าไป เช่น ไรฝุ่น แมว สุนัข แมลงสาบ เมื่อเราหายใจเอาสารกระตุ้นภูมิแพ้เหล่านี้เข้าไป ก็จะเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายปล่อยสารฮีสตามีนออกมาเยอะ จึงทำให้เกิดขอบตาดำคล้ำนั่นเอง
ผู้ป่วยที่มีอาการคัดจมูกเรื้อรัง น้ำมูกไหล คัดจมูก คัน จาม เยื่อบุจมูกที่เรียกว่าเทอร์บิเนตจะบวมขึ้น ทำให้เลือดดำไหลผ่านได้ยาก เลือดดำจึงไหลมาคั่งที่บริเวณขอบตาล่าง ทำให้ขอบตาเป็นสีดำคล้ำได้
ขอบตาดำคล้ำ ปล่อยไว้จะอันตรายหรือไม่?
หมอกอล์ฟ กล่าวต่อว่า “อาการขอบตาดำคล้ำจากภูมิแพ้ อาจจะดูไม่อันตราย เพราะแค่ทำให้บุคคลิกดูเหมือนคนนอนดึก แต่สิ่งที่อันตรายของเรื่องภูมิแพ้ ก็คือ ถ้าเป็นที่ระบบอื่น หรือเป็นหลายระบบร่วมกัน หรือมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ไซนัสอักเสบ หูน้ำหนวกอักเสบ ปวดข้อ ข้ออักเสบ สมาธิสั้น อ่อนเพลีย ซึมเศร้า ก็จะก่อให้เกิดอันตรายได้”
ขอบตาดำคล้ำ จากภูมิแพ้จมูกอักเสบ สามารถรักษาได้หรือไม่?
หากได้รับการวินิจฉัยแล้วว่า ภาวะขอบตาดำของคุณ มีสาเหตุหลักมาจากโรคภูมิแพ้จมูกอักเสบ คุณก็ควรรีบไปรักษาโรคภูมิแพ้เสียแต่เนิ่น ๆ เพราะหากทิ้งไว้นาน อาจทำให้มีขอบตาดำถาวร รวมถึงมีผลต่อสุขภาพในด้านอื่น ๆ ได้อีกด้วย โดยการรักษาโรคภูมิแพ้จมูกอักเสบ สามารถทำได้โดย
- ใช้ยารักษาภูมิแพ้ โดยเฉพาะ ยาพ่นจมูก (Intranasal corticosteroid)
- หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้
- เข้ารับการทดสอบผิวหนัง เพื่อค้นหาสารก่อภูมิแพ้
- พักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกาย
การป้องกันภาวะขอบตาดำ จากภูมิแพ้จมูกอักเสบ
- หลีกเลี่ยงสารภ่อภูมิแพ้ที่ทำให้เราแพ้ เป็นวิธีแก้ที่ดีที่สุด
- ใช้เครื่องกรองอากาศ หรือเครื่องปรับอากาศที่มีระบบช่วยกรองสารก่อภูมิแพ้
- ซักเครื่องนอนด้วยน้ำร้อนเป็นประจำ เพื่อกำจัดสารก่อภูมิแพ้ที่อาจจะอยู่ในที่นอน
- ใช้ครื่องเพิ่มความชื้น
- ล้างจมูกบ่อย ๆ เพื่อกำจัดสารก่อภูมิแพ้ รวมถึงน้ำมูก และสารคัดหลั่งอื่น ๆ ออกจากโพรงจมูก
- หยอดน้ำตาเทียม เพื่อล้างสารก่อภูมิแพ้ออกจากดวงตา
ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำในปริมาณที่เพียงพอ และหลีกเลี่ยงภาวะขาดน้ำ
ขอบตาดำคล้ำ ควรจัดการอย่างไรดี?
การรับมือกับปัญหาขอบตาดำ ใต้ตาคล้ำ จะขึ้นอยู่กับสาเหตุ และปัจจัยที่ทำให้เกิดรอยคล้ำรอบดวงตา โดยวิธีที่อาจช่วยแก้ปัญหาได้ มีดังนี้
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และไม่เครียดจนเกินไป
- ดื่มน้ำ ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
- หลีกเลี่ยงแสงแดด เพื่อไม่ให้แสงแดดกระตุ้นการสร้างเม็ดสีที่ผิวหนังมากเกินไป และอย่าลืมทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน
- จัดหมอนให้สูงขึ้น การจัดหมอนหนุนรองนอนให้สูงขึ้น หรือหาหมอนใบอื่นมาหนุุนเพิ่ม จะเป็นการยกศรีษะของคุณให้สูงขึ้นระหว่างนอนหลับ และช่วยลดปริมาณของเหลวที่สะสมอยู่บริเวณใต้ตาได้
- ประคบเย็น ใช้ผ้าแช่เย็น หรือแตงกวาหั่นแว่นแช่เย็น มาประคบบริเวณดวงตา และขอบตา โดยความเย็นที่ส่งผ่านมาจากแตงกว่า อาจช่วยแก้ปัญหาขอบตาดำได้
- เลิกดื่มแอลกอฮอล์ และไม่สูบบุหรี่ เพื่อไม่ให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังขยายตัวจนเห็นเป็นรอยคล้ำใต้ตา
- พบแพทย์ เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยที่ทำให้ขอบตาดำ เช่น อาการภูมิแพ้ หรือ เป็นหวัด
- บำรุงผิว / แต่งหน้า ใช้ครีมบำรุงผิวใต้ตาโดยเฉพาะ เพื่อช่วยลดรอยคล้ำใต้ตา และใช้เครื่องสำอางแต่งหน้า เช่น คอนซีลเลอร์ ปกปิดรอยคล้ำใต้ตา ระวัง! เรื่องการแพ้เครื่องสำอางด้วยนะ
- ศัลยกรรมเลเซอร์ การยิงเลเซอร์เพื่อกระชับผิวหนังที่หย่อนยาน จะช่วยกำจัดผิวหนังส่วนเกินของถุงใต้ตา และทำลายเม็ดสีบริเวณใต้ดวงตา ที่เป็นรอยดำคล้ำ แต่วิธีนี้จะมีค่าใช้จ่ายสูง เสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นและติดเชื้อ รวมถึงเจ็บปวดมาก
- ฉีดฟิลเลอร์ เพื่อช่วยปกปิดความคล้ำของเม็ดสี และเส้นเลือดใต้ผิวหน้า แต่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้ เช่น บวม ช้ำ หรือมีอาการแพ้ เป็นต้น
อ้างอิง :
1. facebook.com/Theallergicmarch 2. pobpad.com 3. medicalnewstoday.com
ติดตาม GedGoodLife ช่องทางอื่น ๆ ได้ที่…
Facebook : GEDGoodLife
Nutroplex : nutroplexclub
Twitter : @gedgoodlife
Line : @gedgoodlife
Youtube : GEDGoodLife ชีวิตดีดี
TikTok : @gedgoodlife