อาการแพ้อาหาร เป็นภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองไวเกินต่ออาหารบางชนิด ทำให้เกิดอาการตั้งแต่ ผื่นคัน ท้องเสีย บวมใบหน้า ไปจนถึง ภาวะช็อกจากภูมิแพ้ (Anaphylaxis) ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต การสังเกตอาการและรับมืออย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันอาการรุนแรง
อาการแพ้อาหาร คืออะไร
อาการแพ้อาหาร (Food Allergy) คือ ปฏิกิริยาของระบบภูมิคุ้มกัน ที่ตอบสนองต่อ โปรตีนในอาหารบางชนิดอย่างไวเกิน ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น ผื่นคัน บวม แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หรืออาเจียน อาการอาจเกิดขึ้นทันทีหรือภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังรับประทานอาหาร ในบางราย อาจเกิด ภาวะช็อกจากอาการภูมิแพ้ (Anaphylaxis) ซึ่งเป็นอาการรุนแรงและอันตรายถึงชีวิต จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
ภาวะแพ้อาหาร มีอาการอย่างไร
1. อาการทางผิวหนัง
-
- ผื่นลมพิษ ผื่นแดง คันตาตามตัว
- ผิวหนังบวม โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ริมฝีปาก หรือเปลือกตา
2. อาการทางระบบทางเดินหายใจ
-
- หายใจติดขัด หายใจมีเสียงหวีด คัดจมูก
- ไอ แน่นหน้าอก หรือในบางกรณีอาจเกิด หลอดลมบวม ทำให้หายใจลำบาก
3. อาการทางระบบไหลเวียนโลหิตและหัวใจ
-
- วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด ใจสั่น
- ความดันโลหิตลดลงรุนแรง อาจเกิด ภาวะช็อกจากภูมิแพ้ (Anaphylaxis) ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต
4. อาการทางระบบทางเดินอาหาร
-
- ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสีย
- อาการรุนแรงอาจทำให้ลำไส้อักเสบและร่างกายขาดน้ำ
อาการแพ้อาหาร มีกี่ชนิด
อาการแพ้อาหารสามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลัก ได้แก่ ชนิดเฉียบพลัน และ ชนิดไม่เฉียบพลัน ซึ่งแตกต่างกันในเรื่องของ ระยะเวลาเกิดอาการและความรุนแรง การทำความเข้าใจประเภทของอาการแพ้จะช่วยให้สามารถรับมือและป้องกันได้อย่างเหมาะสม
1. ขนิดเฉียบพลัน
-
- อาการเกิดขึ้นทันทีหรือภายใน ไม่กี่นาทีถึงไม่กี่ชั่วโมง หลังรับประทานอาหาร
- อาการรุนแรง เช่น ผื่นลมพิษ หายใจติดขัด หน้ามืด หรือภาวะช็อกจากภูมิแพ้ (Anaphylaxis) ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
2. ชนิดไม่เฉียบหลัน
-
- อาการเกิดขึ้น หลายชั่วโมง หรือเป็นวัน หลังรับประทานอาหาร
- มักทำให้เกิดอาการ ท้องเสีย ปวดท้อง ผื่นคัน หรืออาการอักเสบเรื้อรังในลำไส้ แต่ไม่รุนแรงเท่าชนิดเฉียบพลัน
แพ้อาหาร อันตรายมากน้อยแค่ไหน
ความรุนแรงของอาการแพ้อาหารแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางรายอาจมีเพียง ผื่นคัน หรือปวดท้องเล็กน้อย แต่บางรายอาจเกิด ภาวะช็อกจากภูมิแพ้ (Anaphylaxis) ซึ่งทำให้ หายใจลำบาก ความดันโลหิตลดลง และหมดสติ ซึ่งเป็นภาวะอันตรายถึงชีวิตและต้องได้รับการรักษาโดยด่วน หากสงสัยว่ามีอาการแพ้อาหาร ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นสาเหตุและพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสม
ภูมิแพ้อาหารแฝงกับอาการแพ้อาหาร ต่างกันอย่างไร
แม้ว่าภูมิแพ้อาหารแฝง (Food Intolerance) และ อาการแพ้อาหาร (Food Allergy) จะมีอาการคล้ายกัน แต่เกิดจากกลไกที่แตกต่างกัน โดยภูมิแพ้อาหารแฝงมักเกิดจากปฏิกิริยาทางระบบย่อยอาหาร ในขณะที่อาการแพ้อาหารเกิดจาก การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน
1. อาการแพ้อาหาร
อาการแพ้อาหารเกิดจาก ปฏิกิริยาของระบบภูมิคุ้มกันที่ไวเกิน ต่อสารก่อภูมิแพ้ในอาหาร
อาการเกิดขึ้นเร็วหลังรับประทาน เช่น ผื่นคัน หายใจลำบาก ลมพิษ หรือภาวะช็อกจากภูมิแพ้ (Anaphylaxis)
2. อาการของภูมิแพ้อาหารแฝง
เกิดจาก ระบบย่อยอาหารไม่สามารถย่อยอาหารบางชนิดได้ เช่น การแพ้แลคโตส (Lactose Intolerance)
อาการมักเกิดขึ้นช้า เช่น ท้องอืด ปวดท้อง ท้องเสีย หรือคลื่นไส้ และไม่ก่อให้เกิดภาวะอันตรายเฉียบพลัน
เช็กอาการแพ้อาหารได้อย่างไร
การตรวจสอบว่าแพ้อาหารหรือไม่ สามารถเริ่มจากการ สังเกตอาการหลังรับประทานอาหาร เช่น มี ผื่นคัน ลมพิษ หน้าบวม ท้องเสีย หรือหายใจลำบาก หากพบอาการผิดปกติ ควร จดบันทึกอาหารที่รับประทาน และ หลีกเลี่ยงอาหารที่สงสัยว่าเป็นสาเหตุ
หากต้องการ การวินิจฉัยที่ชัดเจน ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม เช่น
- การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Skin Prick Test)
- การตรวจเลือดหา IgE (IgE Test)
- การทดสอบการรับประทานอาหารภายใต้การดูแลของแพทย์ (Oral Food Challenge)
แพ้อาหาร กินยาแก้แพ้ได้ไหม
ยาแก้แพ้ (Antihistamines) สามารถช่วยบรรเทาอาการแพ้อาหารที่ไม่รุนแรง เช่น ผื่นคัน ลมพิษ หรือบวมเล็กน้อย แต่ ไม่สามารถรักษาหรือป้องกันอาการแพ้อาหารที่รุนแรงได้ หากสงสัยว่ามีอาการแพ้อาหาร ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำในการใช้ยาที่เหมาะสม
วิธีรับมือเมื่อมีอาการแพ้อาหาร
หากมี อาการแพ้อาหารเล็กน้อย เช่น ผื่นคัน ลมพิษ หรือปวดท้อง ควรหยุดรับประทานอาหารที่เป็นสาเหตุ ดื่มน้ำมาก ๆ และสามารถใช้ ยาแก้แพ้ (Antihistamines) เพื่อบรรเทาอาการได้
อาการแพ้อาหาร อาจมีตั้งแต่ ผื่นคันผิวหนัง ลมพิษ ปวดท้อง ไปจนถึง ภาวะช็อกจากภูมิแพ้ (Anaphylaxis) ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต วิธีดูแลและป้องกันที่ดีที่สุดคือ หลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้ ตรวจสอบส่วนผสมก่อนรับประทาน และพกยาแก้แพ้หรืออะดรีนาลีนสำหรับกรณีฉุกเฉิน หากมีอาการรุนแรง ควรรีบพบแพทย์ทันที