ระยะนี้มีอุบัติการณ์โรคระบาดของระบบทางเดินหายใจมาอีกระรอก ทำให้หวั่นไหวว่าเมื่อไหร่เราจะมีอิสระทางลมหายใจกันสักที เมื่อเราพบว่า WHO ได้ประกาศเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่จะระบาดปี 2567 โดยปีนี้ชื่อสายพันธุ์ มีทั้ง Thailand ทั้ง Phuket โดยปกติแล้วไข้หวัดใหญ่ ในแต่ละปีอาจจะมีสายพันธุ์ใหม่ ๆ เพิ่มเติมขึ้นมา
ซึ่งในปี 2566 มี 2 กลุ่ม 4 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ A / H1N1, H3N2 และสายพันธุ์ B/ Yamagata, Victoria โดยในประเทศไทย สามารถพบการระบาดได้ทั้งปี แต่จะพบมากขึ้นในช่วงฤดูฝน และฤดูหนาว ซึ่งในปี 2566 นี้ พบผู้ป่วยมากกว่าปี 2565 ถึง 3 เท่า โดยล่าสุด มีจำนวนผู้ป่วยมากถึง 138,766 ราย อัตราป่วยเพิ่มสูงถึงกว่า 200 รายต่อประชาการแสนราย
และเหมือนถูกหวยซ้ำซ้อนเมื่อหนาวนี้เริ่มมีฝุ่น PM2.5 มาเยือน โดยจากสถิติพบว่ามีผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจกว่า 500 คน ในช่วงที่ฝุ่นเกิน 76 ไมครอน ติดต่อกันเกิน 3 วัน มีอาการตั้งแต่ แสบตา คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอ หอบ
ฝุ่น PM2.5 สามารถเดินทางเข้าสู่ปอดได้ในระดับเซลล์
ก่อนจะถึงการป้องกัน เราต้องเข้าใจก่อนว่า PM2.5 ประกอบด้วยสิ่งต่าง ๆ ผสมกัน เช่น ควัน เขม่า อนุภาคของเหลวหรือของแข็ง เชื้อรา แบคทีเรีย ละอองเกสร และสะเก็ดผิวหนังของสัตว์ ขึ้นกับสถานที่ เมื่อสูดดมเข้าไป มันสามารถเดินทางเข้าสู่ปอดได้ในระดับเซลล์ โดยฝุ่นจิ๋วนี้มาจากหลายแหล่ง ทั้งจาการเผาไหม้ ควันจากท่อไอเสีย การผลิตไฟฟ้า และการปล่อยควันจากโรงงานอุตสาหกรรม โดยในกรุงเทพมหานครมากกว่า 50% มาจากการขนส่งทางถนน
ผลกระทบของฝุ่น PM2.5
- ผลจาก PM2.5 ทำให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย
- ผลต่อระบบทางเดินหายใจคือ หลอดลมอักเสบ หอบหืด ถุงลมโป่งพอง โรคหัวใจกำเริบ
- อุบัติเหตุเส้นเลือดสมอง ไขมันเลือดสูงผิดปกติ คนที่เป็นเบาหวาน เกิดการดื้อต่ออินซูลินมากขึ้น
- เกิดโรคไขมันพอกตับเพิ่มขึ้นจนถึงโรคมะเร็ง
และจากการติดตามสุขภาพจิตกว่า 389,185 คน ในสหราชอาณาจักรตามพื้นที่ต่าง ๆ ที่มีข้อมูลว่าสัมผัสมลพิษ เป็นเวลากว่า 10 ปี ตั้งแต่ปี 2010 ถึง 2020 พบว่า เกิดผู้ป่วยซึมเศร้า 13,131 คน และอีกกว่า 15,835 คนเป็นโรควิตกกังวล จึงไม่แปลกใจที่งานวิจัยใหม่พบว่า PM 2.5 ไนโตรเจนไดออกไซด์ที่มาจากรถติด หรือจากมลพิษของโรงงาน ทำให้คนมีความเสี่ยงด้านสุขภาพจิต โรคซึมเศร้า และโรควิตกกังวลสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
วิธีรับมือกับฝุ่น PM2.5 และโรคระบาดของทางเดินหายใจ
- ติดตามรายงานสภาพอากาศ และระดับ PM2.5 อย่างสม่ำเสมอ
- ควรใช้เครื่องฟอกอากาศในบ้าน หรืออาคาร ที่สามารถกรองฝุ่น PM2.5 ได้
- สวมหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ หรือสวมหน้ากาก N95 เมื่อต้องออกจากบ้าน หรืออาคาร
- สวมแว่นกันลม กันฝุ่น สวมเสื้อแขนยาวมิดชิด
- ล้างมือสม่ำเสมอ
- ลดเวลาการอยู่นอกบ้าน/อาคารโดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อ PM2.5 สูง เช่น เด็ก หญิงตั้งครรภ์ คนชรา ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคภูมิแพ้ โรคปอด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไตเรื้อรัง
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้ง
กินสารอาหารที่ช่วยลดกระบวนการอักเสบ
กลุ่ม วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 และกรดโฟลิก ที่มีมากใน ข้าวกล้อง ผักสีเขียวเข้ม ผักสีส้ม ที่มีเบต้าแคโรทีน เช่น บรอกโคลี แครอท ฟักทอง ส่วนวิตามินบี 12 มีอยู่ในเนื้อสัตว์ เนื้อแดง เนื่องจากฝุ่นละอองขนาดเล็กนี้จะส่งผลต่อโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันที่มีสารโฮโมซิสเทอีนในเลือดสูง การได้รับวิตามินบี 6 วิตามินบี 12 และโฟเลต สามารถลดโฮโมซิสเตอีนในเลือดได้
กลุ่มวิตามิน E และ Healthy fat กรดไขมันจำเป็น น้ำมันมะกอก น้ำมันงาม้อน อะโวคาโดพบได้ในปลาหลายชนิด รวมทั้งอะโวคาโด วอลนัท เมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดธัญพืช ถั่ว ไข่แดมีการศึกษาทางคลินิกในผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในแหล่งที่มีฝุ่น PM 2.5 สูง การกินน้ำมันปลา 2 กรัม/วัน ช่วยลดผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นละอองขนาดเล็กนี้
กลุ่มวิตามิน C ซัลโฟราเฟน และ เคอซิติน อยู่ในบรอกโคลี และผักกะหล่ำดอกต่าง ๆ ผลไม้สด มะขามป้อม ตรีผลา ส้ม สตรอว์เบอร์รี แอปเปิ้ล แตงโม มะละกอ ทับทิม ผักสีเขียวเข้ม ใบบัวบก ผักโขม หัวหอม เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถช่วยลดความเสียหายทางพันธุกรรมของ DNA เมื่อสัมผัสกับอนุมูลอิสระที่จะทำลายเซลล์ และมีการศึกษาพบว่าการได้รับวิตามินซีจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน และลดอาการแพ้ต่อระบบต่าง ๆ เช่น ระบบทางเดินหายใจ อาการคันตา อาการคัน แสบร้อน อาการคัน และแสบร้อน
นอกจากนี้ให้ ลดการกินอาหารปิ้ง ย่าง ทอด สารใส่สี ใส่กลิ่น ผงชูรสซึ่งเร่งปฏิกิริยาอักเสบในร่างกาย รวมถึงการนอนดึก และความเครียดก็เป็นปัจจัยกระตุ้นให้การอักเสบรุนแรงขึ้นได้เช่นกัน เมื่อรู้อย่างนี้ อย่าลืมป้องกันกันนะคะ
บทความโดย พญ. กอบกาญจน์ ชุณหสวัสดิกุล
แพทย์เวชศาสตร์ป้องกันผู้มีประสบการณ์ด้าน Integrative Medicine กว่า 20 ปี