โรคภูมิแพ้ เป็นโรคที่เกิดขึ้นได้ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ ซึ่งคนไทยนั้นโรคภูมิแพ้สูงขึ้นทุกปี ส่วนใครที่ยังไม่มีอาการภูมิแพ้ ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสป่วยเป็นโรคภูมิแพ้นะ มาดูกันว่า โรคภูมิแพ้ที่พบบ่อย ๆ มีอะไรบ้าง แล้วจะต้องเตรียมรับมือ ป้องกันอย่างไร
โรคภูมิแพ้ คืออะไร?
โรคภูมิแพ้ (Allergy) เป็นภาวะผิดปกติที่เกิดจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่ไวต่อสิ่งกระตุ้น เช่น ฝุ่น ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ ซากแมลงสาบ และขนแมว ขนสุนัข โดยสารก่อภูมิแพ้ (Allergen) เหล่านี้จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายกับร่างกายในคนปกติ แต่ในคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ ร่างกายจะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รุนแรงกว่า และทำให้ร่างกายเกิดอาการต่าง ๆ เช่น จาม น้ำมูกไหล คัดจมูก เยื่อบุตาขาวแดง คันตา น้ำตาไหล หอบ ไอ มีผื่นคันสีแดง
อาการแพ้ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มักไม่รุนแรง แต่บางครั้ง ปฏิกิริยาภูมิแพ้ที่รุนแรงแบบเฉียบพลัน ก็อาจทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะช็อก และมีอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน
“ภูมิแพ้” มีอาการแบบนี้
คนที่เป็นภูมิแพ้ แต่ละคนจะมีอาการแตกต่าง รุนแรงไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับชนิดของสารก่อภูมิแพ้ และ การตอบสนองของอวัยวะนั้น ๆ
– เกิดขึ้นบริเวณจมูก ทำให้เกิดจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ อาการจาม คันจมูก คัดจมูก คันเพดานปากหรือคอ น้ำมูกไหล
– หากเกิดขึ้นบริเวณหลอดลมจะมีอาการไอ แน่นหน้าอก หอบ หายใจขัด หรือหายใจเร็ว
– บริเวณผิวหนังทำให้มีอาการคัน มีผดผื่นตามตัว ผื่นมักแห้ง แดง มีสะเก็ด หรือมีน้ำเหลือง
หากเกิดกับระบบทางเดินอาหารทำให้เกิดการแพ้อาหาร มีอาการอาเจียน คลื่นไส้ ท้องเสีย ปากบวม ปวดท้อง ท้องอืด
– เกิดที่ระบบทางเดินหายใจ มีอาการ เหนื่อย หอบ หืด
3 อันดับ “โรคภูมิแพ้ที่พบบ่อย” ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
ปัจจุบันพบว่าผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ในระบบทางเดินหายใจมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยในผู้ใหญ่ ทุก 1 ใน 5 ราย หรือร้อยละ 20 จะป่วยเป็นภูมิแพ้ทางจมูก ส่วนในเด็กเล็กพบว่า 4 ใน 10 ราย หรือร้อยละ 40 จะป่วยเป็นภูมิแพ้ทางจมูก
อันดับ 1 : โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ร้อยละ 23-50
โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือ “แพ้อากาศ” (allergic rhinitis) เป็นโรคที่พบได้บ่อยในประเทศไทย เกิดจากร่างกายได้รับสารก่อภูมิแพ้เข้าไป เกิดการอักเสบของเยื่อบุจมูก ซึ่งเยื่อบุจมูกมีความไวต่อสิ่งกระตุ้นมากผิดปกติ
สารก่อภูมิแพ้ที่พบได้บ่อย คือ ไรฝุ่น แมลงสาบ รังแคแมว ขนสัตว์ ดอกไม้ ละอองเกสรหญ้า วัชพืช เชื้อรา
อาการ มีอาการคัน น้ำมูกไหล จาม และคัดจมูก
วิธีรักษา กินยาแก้แพ้ ใช้ยาสเตอรอยด์แบบพ่น กินหรือพ่นยาหดหลอดเลือด แต่ก่อนจะกินยา หรือใช้ยาควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนทุกครั้ง
อันดับ 2 : โรคหลอดลมอักเสบจากภูมิแพ้ หรือโรคหอบหืด ร้อยละ 10-15
โรคหืด หรือ หอบหืด (asthma) เกิดจากการอักเสบของหลอดลมเรื้อรัง ร่วมกับหลอดลมที่ไวต่อการกระตุ้นจากสารก่อภูมิแพ้ ทำให้เกิดอาการของโรคหืด
สารก่อภูมิแพ้ที่พบได้บ่อย ฝุ่น ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ มลพิษในอากาศ ควันบุหรี่ ไอระเหยน้ำมัน สารเคมี
อาการ ไอเรื้อรัง หายใจมีเสียงวี้ด เหนื่อยหอบ แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก
รักษาอย่างไร ใช้ยาในการรักษา ได้แก่ ยากิน ยาฉีด และยาสูดพ่น
อันดับ 3 : โรคผื่นผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ ร้อยละ 15
โรคผื่นผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ (atopic dermatitis) เป็นโรคภูมิแพ้ ที่สาเหตุไม่แน่ชัด แต่เชื่อว่าสาเหตุจากพันธุกรรม รวมทั้งระคายเคืองจากสารก่อภูมิแพ้ ทำให้เกิดอาการแพ้ขึ้นบริเวณผิวหนัง
สารก่อภูมิแพ้ที่พบได้บ่อย คือ ไรฝุ่น สารเคมี เหงื่อ และแมลง
อาการ มีผื่นแดง ผิวแห้งเป็นขุย มีอาการคันที่ผิวที่เกิดผื่นแพ้
รักษาอย่างไร กินยาแก้แพ้ ยาต้านฮิสตามีน ใช้ยาทา เช่น ยาทาสเตอรอยด์
อ่านบทความ ภูมิแพ้ผิวหนัง เพิ่มเติมได้ที่นี่ —> https://www.gedgoodlife.com/health/11703-atopic-dermatitis/
โรคภูมิแพ้ที่พบบ่อย เสี่ยงเกิดกับใครได้บ้าง?
– คนที่มีประวัติโรคภูมิแพ้ในครอบครัว หากพ่อหรือแม่เป็นโรคภูมิแพ้ ลูกมีโอกาสเกิดโรค 25-50%
– มีอาการบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ อาจเกิดขึ้นทั้งปี หรือเป็นเฉพาะฤดูกาล เช่น คัดจมูกตลอดเวลา ผิวแห้งและหยาบ คันตา กระพริบตาบ่อย มีน้ำมูกใส มีอาการไอเรื้อรัง
– เด็กที่ตัวเล็ก เด็กที่เป็นโรคภูมิแพ้มักจะมีขนาดตัวเล็กกว่าเด็กทั่วไป
คำแนะนำ : ดูแลตัวเองอย่างไร เมื่อป่วยภูมิแพ้
– พยายามหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ สังเกตว่าตัวเองแพ้อะไร พยายามเลี่ยง ไม่จับ ไม่สัมผัส ไม่กิน ไม่ไปอยู่ใกล้ ๆ
– รักษาความสะอาดมากที่สุด อาบน้ำ ดูแลความสะอาดร่างกายบ่อย ๆ ไม่ปล่อยให้ร่างกายสกปรก หรือ หมักหมมเหงื่อ
– ระวังเรื่องอากาศ พยายามทำบ้านให้อากาศถ่ายเท แต่ถ้าหากแพ้ฝุ่นละอองเกสรดอกไม้ ดอกหญ้า ฝุ่นนอกบ้าน ควรใช้เครื่องฟอกอากาศเพื่อช่วย กลางคืนไม่เปิดแอร์เย็นเกินไป ทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศสม่ำเสมอ
– ควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้มากขึ้น เช่น ควันบุหรี่ ควันธูป กลิ่นฉุน เครื่องดื่มผสมแอลกอฮอร์ การอดนอน
– ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ภูมิต้านทานดีขึ้น และยังช่วยลดความเครียด
– ใช้ยาแก้แพ้ หากหาทางป้องกันแล้ว แต่ก็ยังป่วยเป็นภูมิแพ้เป็นประจำ เพราะอาจแพ้สารหลายชนิด หรือแพ้สารชนิดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น ฝุ่นบ้าน ไรฝุ่น หรือเชื้อรา ควรใช้ยาแก้แพ้ หรือ ยารักษาภูมิแพ้ ด้วย แต่ก่อนเริ่มต้นใช้ยา ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสียก่อน
อ้างอิง :
http://www.rcot.org
http://www.prema.or.th