ข.ขยับ ภ.ภูมิแพ้ก็หาย! เพียงแค่เราออกกำลังกายเป็นประจำ ก็จะช่วยให้อาการภูมิแพ้ดีขึ้นได้อย่างมหัศจรรย์ วันนี้ GedGoodLife จึงขอแนะนำ “วิธีออกกำลังกาย พิชิตภูมิแพ้” ตามคำแนะนำของหมอ หากใครที่กำลังเผชิญกับโรคภูมิแพ้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมูกไหล ไอ จาม เป็นประจำทุกวัน ต้องไม่พลาด!
- 9 วิธีป้องกันหวัดและภูมิแพ้ ไร้หวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล ฉบับชาวออฟฟิศ
- 4 โรคภูมิแพ้ ยอดฮิตของคนไทย! สาเหตุ อาการ วิธีรักษา
- โรคภูมิแพ้ คืออะไร? สาเหตุ อาการ วิธีรักษา โดยหมอกอล์ฟ นพ.สิทธา ลิขิตนุกูล
การออกกำลังกายช่วยให้ภูมิแพ้ ดีขึ้นได้อย่างไร?
รศ. นพ. ปารยะ อาศนะเสน สาขาวิชาโรคจมูกและโรคภูมิแพ้ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้อธิบายไว้ว่า “การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ความไวของเยื่อบุจมูกและ/หรือ หลอดลมลดลง ทำให้ความจำเป็นในการใช้ยา ลดน้อยลง และทำให้มีภูมิต้านทานต่อหวัด ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้อาการภูมิแพ้ แย่ลง โดยจะเป็นหวัดยาก หรือเป็นแล้วหายง่าย”
วิธีออกกำลังกาย พิชิตภูมิแพ้ : แอโรบิกช่วยได้!
รศ. นพ. ปารยะ กล่าวว่า ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ ควรเลือกออกกำลังกายแบบแอโรบิกอย่างสม่ำเสมอ เพราะ แอโรบิก คือการออกกำลังกายที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น หายใจเร็วขึ้นต่อเนื่องกันอย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3 วัน
การออกกำลังกายแบบแอโรบิก มีดังนี้
- วิ่ง
- เดินเร็ว
- ขึ้นลงบันได
- ว่ายน้ำ
- ขี่จักรยานฝืด (แบบปรับน้ำหนักได้ เช่น ในฟิตเนส)
- เตะฟุตบอล
- เล่นเทนนิส
- แบดมินตัน
- บาสเกตบอล
นอกจากนี้ ดร.ซาร่า กอตต์ฟรายด์ ผู้เขียน หนังสือขายดีติดอันดับของ The New York Times อย่าง “The Hormone Cure” ยังแนะนำการออกกำลังกายทางเลือก เช่น โยคะ ชี่กง ไทเก๊ก ที่ช่วยเยียวยาโรคภูมิแพ้ว่า “การออกกำลังกายทางเลือก เช่น โยคะ ช่วยให้ปอดทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังช่วยส่งออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย และช่วยเปิดระบบทางเดินหายใจ จึงทำให้การหายใจคล่องขึ้น”
เป็นภูมิแพ้ ออกกำลังกายยาก ควรทำอย่างไร?
หลายคนที่เป็นภูมิแพ้ และมีปัญหาเรื่องการออกกำลังกายลำบาก ออกทีไร เหนื่อย หอบ กว่าคนทั่วไปมาก สามารถแก้ได้ด้วยการใช้ยาขยายหลอดลม โดย รศ.น.พ.ปัญญา ไข่มุก ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกระดูกและข้อและวิทยาศาสตร์การกีฬา กล่าวไว้ว่า
“คนที่เป็นโรคภูมิแพ้ ที่ออกกำลังกายไม่ได้เลย ออกกำลังกายทีไรหายใจไม่ทัน รู้สึกเหนื่อยมาก ๆ ปัจจุบันทางการแพทย์มียาขยายหลอดลม ชนิดพ่นคอ พ่นจมูก ทำให้การหายใจดีขึ้น ลดอาการภูมิแพ้ ควรฉีดเมื่อตนเองพร้อมออกกำลังกาย 20- 30 นาที แล้วจึงไปออกกำลังกาย ถ้าทำเป็นประจำ ก็จะทำให้เป็นคนที่ออกกำลังกายได้ดีขึ้น และยั่งยืน”
วิธีเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกกำลังกาย
1. ปรึกษาแพทย์ก่อนออกกำลังกาย
ถ้าหากคุณเป็นภูมิแพ้ขั้นรุนแรง หรือแพ้เหงื่อ แพ้ภูมิตัวเองได้ง่าย ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวเพื่อเลือกออกกำลังกายที่เหมาะสม
2. เลือกสถานที่ออกกำลังกาย
ที่มีสารก่อภูมิแพ้อย่าง ฝุ่นควัน เกสรดอกไม้ PM2.5 เช่น ในโรงยิม หรือสวนสาธารณะชานเมือง
3. เลือกออกกำลังกายช่วงเช้า
ไม่ควรเกิน 9.00 น. เพราะอุณหภูมิไม่สูงเกินไป แถมได้รับวิตามินดีจากแสงแดด ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงอีกด้วย
4. กินยา หรือพ่นยาตามแพทย์สั่ง
เพื่อป้องกันอาการภูมิแพ้ และหอบหืดขณะออกกำลังกาย
5. ควรอบอุ่นร่างกาย และผ่อนคลาย
ทั้งก่อน และหลังออกกำลังกายเป็นเวลาประมาณ 10 นาที เช่นการวอร์มเดินย่ำเท้ากับที่ ก่อนจะออกวิ่ง และนั่งพักสักพักหลังออกกำลังเสร็จ
6. ขณะออกกำลังกายพยายามหายใจทางจมูก
เพราะโพรงจมูกสามารถปรับอุณหภูมิ และกรองสารก่อภูมิแพ้ได้ตามธรรมชาติ
ข้อห้าม ข้อควรระวัง และวิธีการประเมินการออกกำลังกายด้วยตนเอง
ถึงแม้ว่าการออกกำลังกายจะช่วยให้ภูมิแพ้ดีขึ้นได้ แต่ก็มีบางกรณีที่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย ดังนี้
2 ข้อห้าม ที่คนเป็นภูมิแพ้ควรเลี่ยงออกกำลังกาย
- หากมีอาการหอบหืดรุนแรง หรือแพ้รุนแรง ควรเลี่ยงการออกกำลังกาย เพราะจะกระตุ้นให้เกิดโรคกำเริบได้
- ห่างจากการฉีดวัคซีนภูมิแพ้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง เนื่องจากจะกระตุ้นการดูดซึมทำให้แพ้ทั่วร่างกายได้
คำเตือน / ข้อควรระวังขณะออกกำลังกาย
กองกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะนำว่าให้หยุดออกกำลังกาย และปรึกษาแพทย์ทันที ที่เริ่มเกิดอาการเหล่านี้ คือ
- มีอาการหนังตา ริมฝีปากบวม มีอาการทางระบบทางเดินอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน กล่องเสียงบวม ทำให้พูดไม่มีเสียง และหายใจลำบาก ความดันโลหิตต่ำ
- มีอาการโรคภูมิแพ้รุนแรง เช่น หอบ หืด จากกล้ามเนื้อหลอดลมตีบกำเริบ หรือแพ้ทั่วร่างกาย คือ อ่อนเพลีย ตัวอุ่น คันตามตัว ผิวมีสีแดง เกิดลมพิษ หายใจเสียงหวีด
- อ่อนเพลีย ปวดมากขึ้น
วิธีการประเมินการออกกำลังกายด้วยตนเอง
- มีอาการแพ้น้อยลง เช่น หอบ หืดกำเริบลดลง
- พักผ่อนได้มากขึ้น ร่างกายแข็งแรงขึ้น
อ้างอิง : 1. คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล 2. goodlifeupdate 3. smeไทย ลดพุงลดโรค 4. กองออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ