10 เคล็ดลับ วิธีการเก็บรักษาวิตามิน ไม่ให้เสื่อมสภาพ

28 มิ.ย. 24

 

วิตามินรวม อาหารเสริมต่าง ๆ ถึงแม้จะมีวันหมดอายุบอกอย่างชัดเจน แต่หากเก็บรักษา ดูแลวิตามินไม่ดี ก็มีโอกาสที่วิตามินจะเปลี่ยนแปลงสภาพ หมดอายุ เสื่อมคุณภาพไปก่อนกำหนด จะมี “วิธีการเก็บรักษาวิตามิน” อย่างไรให้ไม่ไม่เสื่อมสภาพก่อนกำหนด เพราะหากวิตามินเสื่อมแล้ว แต่ยังฝืนกินไปเพราะเสียดายอาจจะเป็นผลเสีย มากกว่าผลดีกับร่างกาย

สาเหตุที่ทำให้วิตามินเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ

ความชื้น ความชื้นมีผลเสียต่อวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินที่ละลายน้ำได้ เช่น วิตามินบี และวิตามินซี เพราะความชื้นจะทำให้คุณภาพของวิตามินลดลงจากการสัมผัส หรือโดนความชื้นจากน้ำ และความชื้นยังทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดีด้วย

ดังนั้นจึงควรระมัดระวังเรื่องความชื้น ถึงแม้จะมั่นใจว่าภาชนะเราปิดมิดชิด แต่เก็บวิตามินในที่อากาศชื้น นั่นยิ่งเป็นผลเสีย เพราะความชื้นที่เข้าไปในขวดเวลาเราเปิดขวดก็จะติดอยู่ในขวดภาชนะ ไม่สามารถระเหย ออกมาได้

อุณหภูมิ ควรเก็บตามอุณหภูมิที่ฉลากวิตามินแนะนำ แต่ที่สำคัญคือ เก็บในห้องหรือที่มีอุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลง แตกต่างกันมากนัก เพราะหากอุณหภูมิเดี๋ยวร้อนจัด เย็นจัดที่ต่างกันมาก จะทำให้เกิดความชื้นขึ้นในภาชนะได้ ซึ่งความชื้นจะทำให้วิตามินเสื่อมสภาพได้เร็วกว่าปกติ

แสงแดด เมื่อแสงแดดสัมผัสกับขวดวิตามิน โดยเฉพาะขวดแก้วนาน ๆ จะทำให้ความร้อนในขวดแก้วเพิ่มสูงขึ้น เหมือนปรากฎการณ์เรือนกระจก ส่งผลให้ความชื้น และอุณหภูมิเพิ่มขึ้นตามด้วย ไม่เป็นผลดีกับวิตามินแน่นอน

แบคทีเรีย ต้องระวังไม่ให้แบคทีเรียปนเปื้อน ซึ่งแบคทีเรียที่จะเกิดขึ้น เจริญเติบโตในวิตามิน ก็มาจากสาเหตุข้างต้น คือ ความชื้น อุณหภูมิ แสงแดด

วิธีการเก็บรักษาวิตามิน

10 วิธีการเก็บรักษาวิตามิน ให้อยู่ได้นาน ไม่เสื่อมสภาพ

1. เก็บไว้ในอุณหภูมิห้อง โดยทั่วไป การเก็บรักษาวิตามินไม่ควรเก็บไว้ในบริเวณที่ร้อนจัด หรือเย็นจัด คือให้เก็บในอุณหภูมิห้องปกติ คือ ให้ดูที่ฉลากถ้าไม่ได้บอกว่าเก็บในตู้เย็น ก็ไม่ควรเก็บในตู้เย็น เพราะการเก็บในตู้เย็นอาจจะทำให้วิตามินมีความชื้นได้และเสื่อมสภาพได้ง่าย

2. วิตามินบางชนิดเก็บในตู้เย็นได้ ส่วนใหญ่วิตามินไม่จำเป็นต้องเก็บในตู้เย็น เพราะตู้เย็นอาจจะมีความชื้นมากเกินไป ทำให้วิตามินเสื่อมสภาพได้ แต่ในวิตามินบางชนิดโดยเฉพาะวิตามินแบบน้ำ วิตามินสำหรับเด็ก อาจจะเก็บในตู้เย็นได้ ทั้งนี้ให้อ่านที่ฉลากเป็นหลัก ถ้าที่ฉลากบอกให้เก็บในตู้เย็นก็ควรเก็บในตู้เย็น

3. ไม่เก็บวิตามินไว้ในห้องครัว ในห้องครัวเป็นห้องที่มีทั้งความชื้นจากอ่างล้างจาน ความร้อนจากเตา เครื่องครัวต่าง ๆ ดังนั้นไม่ควรเก็บวิตามินไว้ในห้องครัว เพราะจะเร่งให้วิตามินเสื่อมสภาพเร็วขึ้น

4. เก็บวิตามินในห้องนอน วิธีการเก็บรักษาวิตามิน ถ้าจะหาว่าห้องไหนที่เหมาะสมกับการเก็บวิตามิน ห้องนอนน่าจะเป็นห้องที่เหมาะ เพราะเป็นห้องที่ค่อนข้างแห้ง และเย็น แต่ต้องระวังไม่เก็บไว้ใกล้กลับหน้าต่าง หรือที่มีแสงแดดส่องถึง

5. ไม่เอายา อาหาร วิตามินอื่นมาใส่ขวดวิตามิน ถ้ากินยาในขวดจนหมด ไม่ควรเอาขวดไปใช้ใส่ยา หรือวิตามินอื่น ๆ เพราะอาจจะหลงลืม กินผิดกินถูก สลับกันได้ และถึงแม้จะเป็นยาชนิดเดียวกัน ก็อาจจะสับสนเรื่องวันหมดอายุที่อยู่ที่ข้างขวดได้

6. เลือกวิตามินแบบขวดแก้ว ขวดสีชา ควรเลือกซื้อวิตามินที่เป็นแบบขวดแก้ว ขวดสีชา เพราะขวดแก้วมีความคงทนต่อสารเคมีต่าง ๆ ของวิตามินได้ดีกว่าขวดที่เป็นพลาสติก ส่วนขวดแบบสีชา ยังช่วยป้องกันแสงแดดได้ดีอีกด้วย

7. กินเสร็จปิดฝาให้สนิท หลังจากเปิดกินวิตามินแล้ว ควรปิดฝาให้สนิท เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกปนเปื้อน เช่น เชื้อโรค ความชื้น

8. เช็กสี เช็กกลิ่นวิตามินไว้ก่อน โดยเฉพาะ วิตามินเด็ก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวิตามินแบบน้ำ ที่แต่งกลิ่น แต่งรส ตอนซื้อมาใหม่ ๆ แม่อาจจะลองดมกลิ่น ชิมรสชาติดูก่อน ว่าเนื้อสัมผัส สี กลิ่น เป็นอย่างไร และคอยหมั่นสังเกตเวลาให้ลูกกินวิตามินว่า สี กลิ่นของวิตามินยังเหมือนเดิมไหม หรือ วิตามินแบบเม็ด แบบเคี้ยว ก็ควรดูว่าสภาพเม็ดเปลี่ยนไปไหม มีน้ำเยิ้ม เหนียว เม็ดบิดเบี้ยวผิดรูป บวมพอง สีซีด สีจางลงไหม หากวิตามินผิดปกติไปจากตอนแรกที่ซื้อ ไม่ควรให้ลูกกินต่อ เพราะวิตามินเด็ก อาจเสื่อมสภาพแล้ว

9. เก็บให้พ้นจากมือเด็ก วิตามินเด็ก บางชนิดอาจทำมาสำหรับเด็กให้มีรสชาติอร่อย กินง่าย เหมือนขนม เช่น วิตามินรวมรสผลไม้ วิตามินแบบเคี้ยว ซึ่งเด็ก ๆ อาจจะเอาออกมาเปิดกินเองซึ่งนอกจากอาจจะทำให้ปนเปื้อนได้ และยังอันตรายกับเด็ก หากได้รับวิตามินที่เกินขนาด หรือมากเกินความต้องการ จึงควรเก็บวิตามินไว้ในที่พ้นมือเด็ก เช่น ใส่ในตู้ที่ปิดล็อคได้ หรือ ที่สูงที่เด็ก ๆ เอื้อมหยิบไม่ถึง

10. เก็บให้พ้นแสงแดด ความร้อน ไม่วางไว้ในบ้านที่อุณหภูมิร้อนเกินไป หรือแสงแดดส่องถึง เช่น บนตู้เย็น บนไมโครเวฟ ริมหน้าต่าง

หากทำได้ตามคำแนะนำเหล่านี้ เชื่อว่าจะเก็บรักษาวิตามินให้อยู่ได้นานขึ้น ที่สำคัญคือ หากเริ่มกินวิตามินแล้ว ควรกินอย่างสม่ำเสมอให้หมด เพราะหากเปิดแล้วทิ้งไว้นาน กิน ๆ หยุด ๆ ก็ทำให้วิตามินหมดอายุ เหลือทิ้งได้เช่นกัน

 

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไข้หวัด อาการไอ ปวดท้อง ภูมิแพ้  ได้ฟรี! ตลอด 24 ชั่วโมง ถามเลย ที่นี่

ติดตาม GedGoodLife ช่องทางอื่น ๆ ได้ที่…

Facebook : GEDGoodLife
Nutroplex : nutroplexclub
Twitter      : @gedgoodlife
Line          : @gedgoodlife
Youtube   : GEDGoodLife ชีวิตดีดี
TikTok      : @gedgoodlife

บทความที่เกี่ยวข้อง

askexpert

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save