รู้หรือไม่?! พื้นที่ที่คิดว่าปลอดภัยที่สุดสำหรับเรา อาจจะไม่ได้ไกลตัวอย่างที่คิด เพราะสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ รอเราอยู่ที่บ้านนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็น ไรฝุ่น เชื้อรา แมลง หรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยงแสนน่ารัก เช่น หมา แมว เป็นต้น ฉะนั้นอย่ามองข้ามความสะอาดภายในบ้านเชียวนะ! วันนี้ GedGoodLife จึงขอแนะนำ “วิธีทำความสะอาดบ้าน ให้ห่างไกลจากภูมิแพ้” มาฝากกัน ตามมาดูกันเลย
– ภูมิแพ้ คืออะไร มีสาเหตุ อาการอะไรบ้าง หายขาดได้หรือไม่? พร้อมวิธีรักษาภูมิแพ้
– เมื่อมีอาการ แพ้ฝุ่น ควรกินยาแก้แพ้อย่างไรดี?
โรคภูมิแพ้ เกิดจากร่างกายมีปฏิกิริยาต่อสารก่อภูมิแพ้ที่เข้าไปในร่างกาย ทำให้มีอาการแพ้ ไอ จาม คัดจมูก น้ำมูก น้ำตาไหล คันรอบดวงตา ระคายเคืองทั่วใบหน้า มีผดผื่นคันแดงตามผิวหนัง ผิวหนังลอกอักเสบ หรืออาจแพ้รุนแรงถึงขั้นท้องร่วง แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก
สาเหตุของภูมิแพ้
- พันธุกรรม ภูมิแพ้ อาจเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ถ้ามีพ่อและแม่ที่เป็นโรคภูมิแพ้ ก็มีโอกาสที่ลูก ๆ จะมีอาการภูมิแพ้ได้เช่นกัน
- สภาพแวดล้อม อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญคือ สภาพแวดล้อม หรือจากสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ ที่ทำให้ร่างกายเกิดอาการแพ้ เช่น ฝุ่นละออง ไรฝุ่น แบคทีเรีย ขนสัตว์ ละอองเกสร เชื้อรา
สารก่อภูมิแพ้ในบ้าน คืออะไร?
สารก่อภูมิแพ้ (Allergen) คือ สารที่เมื่อร่างกายบางคนได้รับแล้ว อาจโดยการสัมผัสกับผิวหนัง หาย ใจ ได้กลิ่น หรือเข้าสู่ร่างกาย สารเหล่านี้จะไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกาย ก่อให้ร่างกายเกิดอาการของโรคภูมิแพ้
สารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในบ้าน มีอะไรบ้าง?
– เชื้อรา สามารถพบได้ทั้งในบ้าน และนอกบ้าน เชื้อราในบ้านมักพบที่บริเวณมืด ๆ มีความชื้น เช่นห้องน้ำ ห้องครัว เมื่อหายใจเอาสปอร์ของราเข้าไป ก็จะเกิดอาการคัดจมูก เนื่องจากสปอร์มีขนาดเล็กมาก มันอาจจะเล็ดรอดเข้าในปอดทำให้เกิดโรคหอบหืด
– ไรฝุ่น เป็นแมลงขนาดเล็ก ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ปะปนอยู่กับฝุ่นตามพื้นบ้าน ห้องนอน ที่นอน หมอน พรม เฟอร์นิเจอร์ในบ้าน ไรฝุ่น ชอบอาศัยในที่อับชื้น และอบอุ่น มูลของไรฝุ่นสามารถฟุ้งกระจายได้ง่าย และลอยเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของเราในขณะนอนหลับ เป็นสาเหตุสำคัญของโรคทางเดินหายใจ ภูมิแพ้
– แมลง เศษแมลงในบ้านรวมทั้งแมลงสาบ อาจเข้าร่างกายคนโดยการสูดหายใจเข้าไป ซึ่งมักก่อโรคภูมิแพ้ของระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหืด จมูกอักเสบจากภูมิแพ้
– สัตว์เลี้ยง หลายคนคิดว่าแพ้เศษขนจาก ขนสัตว์เลี้ยง เช่น ขนสุนัข ขนแมว แต่สารสำคัญที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ คือ โปรตีนที่อยู่ในเศษขี้ไคล น้ำลายและฉี่ ซึ่งสัตว์เลี้ยงหลายชนิดมีโปรตีนเหล่านี้ ทำให้หลายคนมีอาการภูมิแพ้หลังจากจับ หรือ เล่นกับสัตว์เลี้ยง
ละอองเกสรจากหญ้า และวัชพืช บ้านที่มีสวน ปลูกต้นไม้ไว้ อาจจะเป็นหนึ่งในสารก่อภูมิแพ้ได้ หากแพ้ละอองเกสรจากพืช เพราะโดยปกติละอองเกสรจะลอยอยู่ในอากาศนอกบ้าน แล้วถูกลมพัดมาติดตามมุ้งลวดหน้าต่าง หรือเข้ามาในบ้าน
วิธีทำความสะอาดบ้าน ให้ห่างไกลจากภูมิแพ้
– เลือกเฟอร์นิเจอร์ไม่มีขา มีบานเปิด-ปิดได้ เพราะถ้าตู้ เตียง วางแนบสนิทกับพื้นจะช่วยลดปัญหาฝุ่นสะสมได้ แต่ถ้าอยากได้เฟอร์นิเจอร์ แบบขาลอย ควรมีขาสูงพอให้อุปกรณ์ดูดฝุ่น หรือไม้ม็อบยื่นเข้าไปทำความสะอาดใต้เฟอร์ฯ ได้ ตู้เก็บของหรือตู้โชว์ควรเป็นแบบที่มีบานปิด เพื่อป้องกันฝุ่นละอองเข้าไปจับตามสิ่งของที่วางบนชั้น
– เลี่ยงการใช้พรมจัดบ้าน พรม มักได้รับความนิยมในประเทศเมืองหนาว เพราะช่วยให้พื้นอบอุ่นขึ้นได้ แต่สำหรับเมืองร้อนแบบบ้านเราไม่จำเป็นต้องปูพรมในบ้าน เพราะนอกจากจะไม่เหมาะกับสภาพอากาศแล้ว พรม ยังเป็นที่สะสมฝุ่นละออง ไรฝุ่น และสารก่อภูมิแพ้อื่น ๆ ด้วย แต่ถ้าอยากแต่งห้องด้วยพรม อาจจะเลือกใช้ในพรมในห้องที่ติดแอร์ แล้วก็ต้องหมั่นซัก ดูดฝุ่น ทำความสะอาดเป็นประจำ
– ควรจัดบ้านให้แสงแดดส่องถึงในบ้าน – แสงแดดธรรมชาติจากภายนอก สามารถช่วยฆ่าเชื้อโรคได้บางส่วน แล้วยังช่วยให้บ้านไม่อับชื้น จึงควรมีหน้าต่างที่เปิดม่านให้แสงแดดส่องเข้ามาด้วย ไม่ควรจัดของ หรือเฟอร์นิเจอร์ให้บังหน้าต่าง และอาจจะเปิดหน้าต่างให้อากาศในห้องได้ถ่ายเท ได้ระบายบ้าง
– เลือกใช้ผ้าม่าน ปลอกโซฟาซักได้ – ผ้าม่าน และโซฟาเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่อาจจะลำบากในการทำความสะอาด หลายบ้านจึงไม่ยอมทำความสะอาด ซึ่งทำให้เป็นแหล่งสะสมของสารก่อภูมิแพ้ในบ้านได้ วิธีจัดบ้านให้ห่างไกลภูมิแพ้ คือควรเลือกโซฟาที่มีปลอกสามารถถอดออกมาซักได้ ส่วนผ้าม่านถ้าไม่อยากเอามาซัก อาจจะเลือกม่านแบบมูลี่ที่เช็ดทำความสะอาดได้ง่ายแทน
– เลือกที่นอนวัสดุสังเคราะห์ – ที่นอนควรจะเปลี่ยนเป็นที่นอนที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์ เพราะสามารถทำความสะอาดได้ง่าย ไม่ควรใช้นุ่น ฟองน้ำ ขนนก ผ้าขนสัตว์ ผ้าสำลี นุ่น อาจจะทำให้เกิดสะสมสารก่อภูมิแพ้ และฟุ้งกระจายในอากาศ ซึ่งเมื่อสูดดมเข้าไป อาจทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจได้
– ไม่สะสมของที่เก็บฝุ่น – สิ่งของที่มีขนฟู เช่น พรมปูพื้น ตุ๊กตา หรือพวกข้าวของที่มีขน ถือเป็นแหล่งเก็บฝุ่นชั้นดี ฉะนั้นควรหลีกเลี่ยง เพื่อป้องกันการกักเก็บฝุ่น หรืออาจจะเลือกเป็นแบบขนสั้นแทน เพราะจะช่วยลดการเก็บฝุ่นได้มากกว่า และสามารถทำความสะอาดได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
– จัดโซนสำหรับสัตว์เลี้ยง – ถ้าแพ้ขนแมว ขนสุนัข ขนสัตว์ ต้องจัดที่ให้อยู่เฉพาะ ไม่ปล่อยให้สัตว์เลี้ยงวิ่งเล่นไปทั่ว หรือมานอนด้วยในห้องนอน
– ซักที่นอน หมอน ม่าน อย่าให้ฝุ่นจับ – เครื่องนอน หมอน ผ้าห่ม เป็นแหล่งสะสมแบคทีเรีย เชื้อโรค เหงื่อ และเซลล์ผิวหนังที่หลุดล่วง ทำให้ไรฝุ่นเติบโตได้ดี จึงควรดูแลให้สะอาดปราศจากฝุ่นอยู่เสมอ ควรซักด้วยเครื่องซักผ้าโดยเลือกโหมดน้ำร้อน ด้วยน้ำที่มีอุณหภูมิอย่างน้อย 55 องศาเซลเซียส เป็นอุณหภูมิที่สามารถฆ่าไรฝุ่นได้
– ล้างแอร์เป็นประจำ – การให้ช่างมาล้างแอร์ปีละ 1-2 ครั้งนั้นคงไม่เพียงพอ แต่ควรล้างทำความสะอาดแผ่นกรอง หรือ ฟิลเตอร์เป็นประจำทุก 1-2 เดือน ซึ่งสามารถทำได้เอง ไม่ต้องเรียกช่าง ส่วนพัดลมที่มักมีฝุ่นเกาะตรงตะแกรง และใบพัดก็ควรล้างบ่อย ๆ
– ใช้เครื่องฟอกอากาศ หรือเครื่องกรองอากาศ – เครื่องรุ่นใหม่ ๆ จะมีระบบดักจับสิ่งแปลกปลอมในอากาศที่ละเอียดขึ้น สามารถช่วยให้ผู้ป่วยหอบ มีแพ้ละอองเกสรของหญ้า หรือต้นไม้อื่น ๆ มีอาการน้อยลงได้