น้ำหนักเกิน หรืออ้วนเกินไป เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงสำหรับคนในยุคนี้ เพราะ โรคที่มาพร้อมความอ้วนมันอันตรายยิ่งนัก! วันนี้ GEDgoodlife จะชวนลดอ้วน ลดโรค ได้ผลจริงด้วย 12 วิธีลดน้ำหนัก โดยไม่ต้องออกกำลังกาย! น่าสนใจใช่ไหมล่ะ มาติดตามกันเลย…
12 วิธีลดน้ำหนัก โดยไม่ต้องออกกำลังกาย
วิธีนี้ลดน้ำหนัก โดยไม่ต้องออกกำลังกาย เป็นวิธีที่เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาไปฟิตเนส กลับมาบ้านก็เหนื่อย หมดแรงจะออกกำลังกาย หรืออาจมีโรคประจำตัวที่คุณหมอแนะนำไม่ให้ออกกำลังกายมากนัก เมื่อคุณเริ่มทำตาม 12 วิธีลดน้ำหนักนี้แล้ว ก็อย่าลืมหมั่นชั่งน้ำหนัก และส่องกระจกเป็นประจำ จะได้เป็นกำลังใจไปเรื่อย ๆ ว่าน้ำหนักเราค่อย ๆ ลดลง พร้อมสุขภาพที่ดีกว่าแล้ว!
วิธีที่ 1 : ดื่มน้ำอุ่น
เชื่อหรือไม่! “น้ำอุ่น” สามารถทำให้หุ่นของคุณกลับมา สเลนเดอร์ ได้อีกครั้ง! นี่ไม่ใช่เรื่องเวอร์จนเกินไป เพราะมีงานวิจัยรองรับว่า น้ำอุ่นสามารถเผาผลาญแคลอรี ได้ดีทีเดียว และการดื่มน้ำอุ่น ยังช่วยให้สุขภาพแข็งแรงได้อีกด้วย
น้ำอุ่นจะช่วยลดอ้วนได้อย่างไร อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ -> อย. แนะนำ น้ำอุ่นช่วยลดอ้วนได้ ร่างกายเผาผลาญดีขึ้น! พร้อม 9 ประโยชน์ดี ๆ จากน้ำอุ่น
วิธีที่ 2 : ลด ละ เลี่ยง “น้ำตาล”
น้ำตาล คือ จอมวายร้ายทำให้หุ่นเราอ้วนขึ้น ๆ แถมยังส่งผลร้ายต่อสุขภาพในระยะยาวได้ด้วย เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง เป็นต้น โดยแหล่งของน้ำตาลที่คนไทยเรานิยมบริโภคมากที่สุด คือ เครื่องดื่มประเภทต่าง ๆ เช่น ชานมไข่มุก น้ำอัดลม กาแฟ น้ำหวาน น้ำปั่นต่าง ๆ เป็นต้น ลองงดเครื่องดื่มเหล่านี้ และไม่ปรุงน้ำตาลในอาหาร ก็จะพบว่าน้ำหนักของเราเริ่มลดลงเรื่อย ๆ พร้อมกับสุขภาพดีดี
วิธีที่ 3 : กินโปรตีนช่วยเผาผลาญพลังงาน
ศ.นพ.สุรัตน์ โคมินทร์ อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านโภชนบำบัดต่อมไร้ท่อและเบาหวาน บอกว่า โปรตีนที่อยู่ในกล้ามเนื้อมีหน้าที่ช่วยเผาผลาญพลังงานของร่างกายให้ดีขึ้น ร่างกายนำโปรตีนไปใช้เสริมสร้างอวัยวะต่าง ๆ เสริมสุขภาพ และภูมิต้านทานให้แข็งแรง แนะนำให้บริโภค ปลาน้ำจืด เช่นปลาช่อน ปลาสวาย ปลานิล ซึ่งเป็นโปรตีนคุณภาพสูงจึงทำให้อิ่มเร็วขึ้น และย่อยง่าย
วิธีที่ 4 : ลดน้ำหนักด้วยโปรแกรม IF
เทคนิคลดน้ำหนักด้วย IF หรือ Intermittent Fasting เป็นวิธีการลดน้ำหนักโดยการควบคุมแคลอรี และจำกัดเวลาในการทานอาหาร เช่น การอดอาหารเป็นเวลา 16 ชั่วโมง และกินได้ในเวลา 8 ชั่วโมงเท่านั้น (16/8) โดยช่วงเวลาที่นิยมอดอาหารมากที่สุด และทำตามได้ง่าย ก็คือ ช่วงเวลา 20.00 น. – 12.00 น.
วิธีที่ 4 : ลดน้ำหนักด้วยโปรแกรมคีโต
โปรแกรมลดน้ำหนักคีโต (ketogenic diet / Keto diet) เป็นวิธีที่ลดน้ำหนักได้ไวมาก เพียงไม่กี่สัปดาห์ ก็สามารถลดน้ำหนักได้มากกว่า 5-10 กิโลกรัม (ขึ้นอยู่กับร่างกาย และวินัยของแต่ละคนด้วย) ผู้ที่จะเข้าโปรแกรมนี้ได้ จำเป็นต้องมีวินัยสูง และอาจต้องเรียนรู้วิธีทำอาหารแบบชาวคีโตด้วยตนเอง
อยากรู้เพิ่มเติมเรื่อง Keto อย่างละเอียด คลิกอ่านได้ที่นี่เลย -> คีโตเจนิค คืออะไร? เริ่มกินยังไง? ควรเลี่ยงอะไรบ้าง?
วิธีที่ 5 : ใช้สูตร 2:1:1
สูตร 2:1:1 คือ การแบ่งสัดส่วนอาหารมื้อหลักใน 1 จาน อย่างเหมาะสม สามารถทำให้ห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง แถมยังช่วยให้ลดพุง ลดโรค อีกด้วย
- ผัก 2 ส่วน ผักสด หรือผักสุกทุกชนิด โดยเลือกประเภทของผัก ให้หลากหลาย
- ข้าว 1 ส่วน ควรเลือกข้าวที่ไม่ขัดสี เข่น ข้าวกล้อง หรือข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีท และธัญพืช เช่น ลูกเดือย
- เนื้อสัตว์ 1 ส่วน ควรเลือกเนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำ เช่น เนื้อไก่ไม่ติดหนัง ปลา หรือไข่ ถั่วเหลือง เต้าหู้ โปรตีนเกษตร
วิธีที่ 6 : หลีกเลี่ยงมันสัตว์ หนังสัตว์
หลักการลดน้ำหนัก คือต้องลดไขมันที่มีอยู่ในร่างกาย ไม่ใช่ลดกล้ามเนื้อ การกินไขมันจึงเป็นเหตุให้อ้วนได้ง่ายที่สุด พยายามหลีกเลี่ยงมันสัตว์ หนังสัตว์ เครื่องใน ไข่แดง เพราะเป็นสารอาหารที่ให้พลังงานมาก แม้แต่ข้าวหรือขนมปัง ถ้ากินมากเกินไป เมื่อถูกดูดซึมเข้าไปในร่างกายก็จะถูกเปลี่ยนไปเป็นไขมัน
วิธีที่ 7 : ฝึกควบคุมอารมณ์
สสส. ได้แนะนำไว้ว่า การควบคุมอารมณ์ความรู้สึก มีส่วนสำคัญในการลดน้ำหนักให้ประสบความสำเร็จ โดยใช้หลัก 3 ส. ดังนี้
- สกัด สิ่งกระตุ้นที่ทำให้หิว – พยายามหลีกเลี่ยงการไปสถานที่ที่มีอาหารชวนกินหลากหลาย เพื่อหลีกเลี่ยงอารมณ์อยากชิมอาหาร
- สะกด ใจไม่ให้บริโภคเกิน – พยายามสะกดอารมณ์ไม่ให้กินมากเกินไป ต้องมีสติไว้เสมอว่าหากกินมากไป จะทำให้เราอ้วนขึ้น
- สะกิด ให้คนรอบข้างช่วยเหลือ – ทำความเข้าใจกับครอบครัวและคนรอบข้าง เพื่อคอยช่วยเหลือและเป็นกำลังใจขณะลดน้ำหนัก
วิธีที่ 8 : นอนให้เร็ว และนอนให้เพียงพอ
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัย ชิคาโก ได้ระบุว่า คนที่นอนอย่างน้อย 8.5 ชั่วโมงต่อวัน สามารถลดไขมันได้มากกว่าคนที่นอนเพียง 5.5 ชั่วโมงต่อวัน ถึง 2 เท่า! วิธีนี้ค่อนข้างง่าย แต่อาจทำยากสำหรับคนนอนดึก ฉะนั้น ถ้าอยากผอม ก็ต้องเข้านอนให้ไว (เข้านอนไว ทำให้กินน้อยลงอีกด้วย) นอนให้เพียงพอ เพื่อบรรลุเป้าหมายลดน้ำหนักให้สมดั่งใจต้องการ
วิธีที่ 9 : ลด ละ เลิก บุฟเฟ่ต์!
คนไทยเราในยุคนี้ เป็น buffet lovers กันเยอะมาก! บุฟเฟต์ร้านไหนดัง ร้านไหนอร่อย รีวิวดี ต้องตามไปกิน หลายคนกินบุฟเฟต์ทุกอาทิตย์ น้ำหนักก็เพิ่มขึ้น ๆ จนกลายเป็นโรคอ้วนโดยที่ไม่ทันรู้ตัว ฉะนั้น ให้ลองปรับมาเป็นกินเดือนละครั้ง หรือ สองเดือนครั้ง จะดีกว่า ถ้าคิดจะลดน้ำหนักจริง ๆ จัง ๆ ต้องตัดใจให้ได้!
วิธีที่ 10 : ไม่กินขนมขบเคี้ยว
หากใครที่ชอบดูบอล ดูซีรีย์ หรือดูหนังเป็นประจำ มักจะมีขนมขบเคี้ยววางไว้ข้างตัวเสมอ ขนมเหล่านี้ถ้าสังเกตบนถุงจะเห็นว่า ให้พลังงานมาก โซเดียมสูง แต่คุณค่าทางอาหารต่ำ ฉะนั้น ถ้าตั้งใจจะลดน้ำหนักจริง ๆ ให้ลองเปลี่ยนจากขนมขบเคี้ยว มาเป็น ผลไม้น้ำตาลน้อย จะดีกว่า เช่น อะโวคาโด สตรอว์เบอร์รี แตงโมเหลือง แคนตาลูป เป็นต้น
วิธีที่ 11 : “ตัดของทอด” ออกไปจากชีวิตให้มากที่สุด!
ของทอดมีแคลอรี่ และไขมันทรานส์สูง เนื่องจากการทอดอาหารในน้ำมันจะทำให้อาหารสูญเสียน้ำ และดูดซับไขมันเข้าไปแทน แถมยังทำให้เกิดภาวะอ้วนได้ง่ายอีกด้วย แต่หากชอบกินอะไรที่กรุบกรอบ อาจเลี่ยงจากทอดน้ำมัน เป็น ทอดไร้น้ำมัน ที่ปลอดภัยต่อสุขภาพมากกว่า
วิธีที่ 12 : ตั้งใจทำให้ได้!
จะเห็นได้ว่าการลดน้ำหนักแบบไม่ออกกำลังกายนั้น มีความสำคัญอยู่ 2 อย่างคือ 1. การควบคุมอาหาร 2. มีวินัย ฉะนั้นแล้ว ถ้าเรารู้ทุกวิธีว่าจะลดยังไง แต่ใจไม่ทำตาม ก็คงไม่รู้จักกับคำว่า ผอม เสียที จริงไหม? ใจจึงสำคัญที่สุด ต้องตั้งใจทำให้ได้ อดทน อดกลั้น มีวินัยให้มากที่สุด ลองหาตัวอย่างของคนเคยอ้วนมาดู เพื่อเป็นกำลังใจในการลดน้ำหนักต่อไป ก็สามารถช่วยให้เกิดความฮึกเหิมที่จะลดน้ำหนักให้ได้เช่นกัน
อ้างอิง : 1. bangkokbiznews 2 . สสส. 1 /2/3 3. womenshealthmag
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไข้หวัด อาการไอ ปวดท้อง ภูมิแพ้ ได้ฟรี! ตลอด 24 ชั่วโมง ถามเลย ที่นี่
ติดตาม GedGoodLife ช่องทางอื่น ๆ ได้ที่…
Facebook : GEDGoodLife
Nutroplex : nutroplexclub
Twitter : @gedgoodlife
Line : @gedgoodlife
Youtube : GEDGoodLife ชีวิตดีดี
TikTok : @gedgoodlife