สมุนไพร ภูมิปัญญาการรักษาโรคจากธรรมชาติ ที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ ด้วยสภาพอากาศที่แปรเปลี่ยนอยู่บ่อย ๆ อาจทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำลง ส่งผลให้เกิดอาการหวัด ไข้ขึ้น ทำให้เราเจ็บป่วยได้ง่าย ๆ วันนี้ GedGoodLife จึงขอเสนอ 8 สมุนไพรต้านหวัด ต้านไวรัส แก้ปวด ลดไข้ และยังช่วยต้านโควิด-19 ได้อีกด้วย!
โรคไข้หวัดคืออะไร ?
ไข้หวัด คือโรคที่เป็นได้ตลอดทั้งปี เกิดขึ้นได้ทุกฤดูกาล แต่ต้องระวังตัวเองเป็นพิเศษในฤดูฝน และฤดูหนาว หรือช่วงที่อากาศเปลี่ยนบ่อย ๆ
โรคไข้หวัดเกิดจากเชื้อไวรัสได้หลากหลายชนิด ซึ่งมีมากกว่า 200 ชนิด มีปัจจัยการเกิดโรคแตกต่างกันไป ทั้งยังเป็นโรคที่ติดต่อกันได้ง่ายโดยการอยู่ใกล้ชิดกัน สูดดมไวรัสทางอากาศ หรืออาจติดเชื้อผ่านการสัมผัสสิ่งของเครื่องใช้ เป็นโรคที่พบได้ทุกช่วงวัย
อาการหวัดจะเริ่มแสดงอาการหลังได้รับเชื้อ 10-12 ชั่วโมง และจะแสดงอาการมากที่สุดเมื่อรับเชื้อไป 36-72 ชั่วโมงแล้ว
- โรคไข้หวัด โรคยอดฮิตตลอดทั้งปี! สาเหตุ อาการ วิธีรักษา และการป้องกัน
- หวัดจากเชื้อ ไวรัส VS แบคทีเรีย แตกต่างกันยังไง? แบบไหนรุนแรงกว่ากัน!
8 สมุนไพรต้านหวัด ต้านไวรัส แก้ปวด ลดไข้
เราได้รวบรวม สมุนไพรต้านหวัด พร้อมข้อมูลอ้างอิงจากแหล่งต่าง ๆ ที่เชื่อถือได้ เช่น กรมการแพทย์, โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร, สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร เพื่อให้แน่ใจว่า สมุนไพรทั้ง 8 อย่างนี้ แก้หวัดได้ เห็นผลจริง!
1. ฟ้าทะลายโจร (Green chiretta)
เมื่อนึกถึงสมุนไพรต้านหวัด ให้นึกถึง “ฟ้าทะลายโจร” มาเป็นอันดับแรก เพราะ ฟ้าทะลายโจรเป็นยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติของประเทศไทย มีข้อบ่งใช้ในการบรรเทาอาการของ โรคหวัด (common cold) และปัจจุบันยังมีการทดลองกับผู้ป่วยโควิด-19 อีกด้วย
ฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรที่มีรสขม อยู่ในกลุ่มยาที่มีฤทธิ์เย็น มีสารสำคัญคือ แอนโดกราโฟไลด์ และ ดีออกซีแอนโดรกราไฟไลด์ ที่ช่วยบรรเทาอาการหวัด และมีฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ดีขึ้น
กินฟ้าทะลายโจรอย่างไรให้ได้ผล? เพจกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้ย้ำวิธีใช้ฟ้าทะลายโจรให้ได้ผลไว้ว่า “ต้องกินทันทีเมื่อเริ่มมีอาการ ไอ แสบคอ เจ็บคอ”
โดยทางเพจกรมการแพทย์ ได้แนะนำให้ประชาชนรับประทานยาฟ้าทะลายโจร ชนิดแคปซูล ขนาด 500 มิลลิกรัม ครั้งละ 3 แคปซูล หรือตามปริมาณของขนาดแคปซูลที่ใช้บรรจุ ทั้งนี้ต้องได้รับปริมาณยาครั้งละ 1,500 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง รวม 6,000 มิลลิกรัมต่อวัน
2. กระเทียม (Garlic)
ข้อมูลจาก กรมการแพทย์แผนไทย ได้กล่าวไว้ว่า กระเทียมมีรสร้อน เป็นยาแก้ไข้ แก้โรคผิวหนังเป็นยาขับลมในลําไส้
สารอัลลิซิน (allicin) ในกระเทียมช่วยต้านหวัดได้ เพราะมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านไวรัส ต้านออกซิเดชั่น และต้านการอักเสบ เหมาะที่จะทานเป็นอาหารกระตุ้นภูมิคุ้มกันเบื้องต้นได้ มีงานวิจัยระบุว่า กระเทียมอาจป้องกันการเกิดโรคหวัดได้ ทำให้ฟื้นตัวจากโรคหวัดได้ดีขึ้น หรือ ป่วยน้อยลงนั่นเอง
สรรพคุณอื่น ๆ ของกระเทียม ตำรายาไทยใช้หัวกระเทียมเป็นยาขับลม แก้ลมจุกเสียด แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ธาตุพิการ อาหารไม่ย่อย ขับเสมหะ ขับเหงื่อ ลดไขมัน และอื่น ๆ อีกมากมาย
ข้อควรระวัง! ถึงกระเทียมจะมีสรรพคุณมาก แต่ก็มีข้อควรระวัง คือ กระเทียมทำให้ลมหายใจ และร่างกายมีกลิ่น ในบางรายอาจมีอาการแพ้จากการใช้กระเทียมได้ด้วย จึงควรรับประทานแต่พอเหมาะ กรมการแพทย์แผนไทย แนะนำให้ทาน กระเทียมสด 2.5 กรัม/วัน
3. ขมิ้น (Turmeric)
ขมิ้นเป็นสมุนไพรที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ช่วยให้ร่างกายทำความสะอาดทางเดินหายใจ ลดอาการคัดจมูก และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติต่อต้านแบคทีเรียสูงซึ่งมีส่วนช่วยในการลดอาการหวัดและไข้หวัดใหญ่
ดร.ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการแพทย์แผนไทย และสมุนไพร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า
“จากการศึกษาในหลอดทดลอง พบว่า ขมิ้นช่วยลดการอักเสบของปอดที่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ และช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ทั้งนี้จากการจำลองภาพสามมิติในคอมพิวเตอร์ พบว่า สารสำคัญของขมิ้นชัน และ demethoxycurcumine สามารถแย่งจับกับตำแหน่งของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ 2019 (โควิด-19) ที่จะเข้าสู่เซลล์ปอด และตำแหน่งที่มีผลยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสได้”
4. หอมแดง (Shallot)
หอมแดงมีสารอาหารมากกว่า 10 ชนิด ช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทานเชื้อหวัดได้ จากการทดลองของ สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้นำหอมแดงแห้งมาทดลองรักษาเด็กแรกเกิดจนถึงเด็กอายุ 3 ปี จำนวน 20 คน ผลการทดลองพบว่าหอมแดงสามารถรักษาอาการหวัดได้ดี และยังไม่พบผลข้างเคียงในการใช้หอมแดงรักษาอาการหวัดอีกด้วย
อ่านเพิ่มเติม > หอมแดง ประโยชน์ดีดี คู่ครัวไทย ช่วยเสริมภูมิ ต้านCOVID-19 ด้วยนะ!
5. ขิง (Ginger)
จากการศึกษาพบว่าขิงมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และต้านจุลชีพ ช่วยเพิ่มการทำงานของภูมิคุ้มกัน และต่อสู้กับความเสียหายของเซลล์ เป็นยาขับปัสสาวะ หรือสารประกอบที่ช่วยให้เหงื่อออก ซึ่งทำให้มีประสิทธิภาพในการลดไข้ และบรรเทาอาการหวัด แก้ปวด และไข้หวัดใหญ่ได้อีกด้วย
ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร บอกว่า “ขิงช่วยกำจัดพิษโดยการเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ช่วยขับเสมหะ โดยการใช้ขิงสดคั้นเอาแต่น้ำประมาณครึ่งถ้วยผสมน้ำผึ้ง 30 กรัม (6 ช้อน) อุ่นให้ร้อนก่อนรับประทาน”
6. ตะไคร้ (Cymbopogon citratus)
ตะไคร้สามารถใช้รักษาอาการปวดท้อง ปวดศีรษะ เป็นไข้ และอาการไอทั่วไปได้ ตะไคร้ประกอบด้วยวิตามินซี และซาโปนินต้านจุลชีพ ซึ่งช่วยต่อต้านแบคทีเรีย เป็นสมุนไพรมีฤทธิ์เพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
7. พริกไทยดำ (Black Pepper)
ในประเทศจีนที่พริกไทยดำรู้จักกันในชื่อ ‘หูเจียว’ เป็นสมุนไพรที่นิยมใช้ในการ บรรเทาเสมหะ และอาการหวัด เต็มไปด้วยคุณสมบัติในการต้านเชื้อแบคทีเรีย และต้านการอักเสบ ซึ่งช่วยป้องกันการติดเชื้อ ทั้งยังช่วยบรรเทาความรู้สึกไม่สบาย
พริกไทยดำยังใช้เป็นองค์ประกอบสำคัญในยาแผนโบราณของจีน และอินเดีย ใช้แก้หวัด ปวดท้อง ท้องเสีย ปวดประจำเดือน คลื่นไส้ อาหารไม่ย่อย
พริกไทยดำยังอุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ และยังเป็นยาปฏิชีวนะที่ดีเยี่ยม!
8. ยูคาลิปตัส (Eucalyptus)
พืชพื้นถิ่นของทวีปออสเตรเลีย มีกลิ่นหอมเย็นเป็นเอกลักษณ์ ยูคาลิปตัสเป็นสมุนไพรที่เชื่อกันว่ามีสรรพคุณทางการแพทย์ มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย บรรเทาอาการหวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ ปวดศีรษะ ทำให้หายใจโล่ง ช่วยให้รู้สึกสดชื่นขึ้น ช่วยแก้อาการเจ็บคอ และยังช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานในร่างกาย
กรมแพทย์แผนไทย เผยสูตร สมุนไพรต้านหวัด “ตำรับมหาพิกัดตรีผลา” บรรเทาอาการไอ ป้องกันโรค ‘โควิด-19’
นพ.สรรพงศ์ ฤทธิรักษา รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า…
“ตำรับยาสมุนไพรที่ช่วยปรับสมดุลร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ห่างไกลจากการเกิดโรค คือ “ตำรับตรีผลา” ตรี แปลว่า สาม, ผลา แปลว่า ผลไม้, และตรีผลา แปลว่า ผลไม้สามอย่าง ซึ่งประกอบด้วย สมอพิเภก สมอไทย และมะขามป้อม ซึ่งตรีผลาเป็นตำรับยาที่ช่วยดูแลสุขภาพในช่วงฤดูร้อน
แต่ถ้าจะมุ่งเน้นแก้โรคทางเสมหะ เช่น แก้โรคหวัด บรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ จะต้องใช้เป็น “ตำรับมหาพิกัดตรีผลา” คือ
- ต้องใช้มะขามป้อม 12 ส่วน หรือใช้ประมาณ 45 กรัม
- ลูกสมอพิเภก 8 ส่วน หรือประมาณ 30 กรัม
- และลูกสมอไทย 4 ส่วน หรือประมาณ 15 กรัม (น้ำหนักสมุนไพรสามารถปรับได้ตามสัดส่วน) ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งสมุนไพรสด และสมุนไพรแห้ง แต่ควรใช้ให้เป็นประเภทเดียวกัน
วิธีทำ
1. นำสมุนไพรทั้งสามชนิดล้างน้ำให้สะอาด
2. หากเป็นสมุนไพรแห้งให้แช่ในน้ำเปล่า 3 ลิตร ประมาณ 3 ชั่วโมง ก่อนยกขึ้นตั้งไฟให้เดือด ใช้เวลาต้ม 30 นาที แต่หากเป็นสมุนไพรสดให้เติมน้ำ 3 ลิตร แล้วยกขึ้นตั้งไฟต้ม 30 นาทีเช่นกัน จากนั้นกรองเอาแต่น้ำ
3. แต่งรสชาติด้วยเกลือ หญ้าหวาน หรือน้ำผึ้งเพียงเล็กน้อย ดื่มอุ่น ๆ เช้า-เย็น ครั้งละ 100 มิลลิลิตร
“สำหรับสูตรสมุนไพรดังกล่าว ทางกรมฯได้มีการศึกษาแล้วว่า ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในแง่ของการป้องกันโรคหวัด ลดเสมหะ ทำให้ร่างกายแข็งแรง
ส่วนโรคโควิด-19 เป็นโรคใหม่ที่ยังไม่มีศึกษาว่า สูตรสมุนไพรไหนช่วยป้องกันได้โดยตรง แต่อย่างน้อยสูตรมหาพิกัดตรีผลา ก็จะช่วยเสริมสร้างร่างกาย ป้องกันพวกเชื้อไวรัส ซึ่งโควิด-19 ก็จัดอยู่ในกลุ่มไวรัส”
อ้างอิง :
1. healthline 2. prevention 3. dtam.moph 4. financialexpress 5. ndtv 6. dmh.go.th 7. bangkokbiznews 8. gnews 9. hfocus 10. thehealthychef
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไข้หวัด อาการไอ ปวดท้อง ภูมิแพ้ ได้ฟรี! ตลอด 24 ชั่วโมง ถามเลย ที่นี่