อาการไอ ค่อกๆ แค่กๆ และมีไข้หวัดร่วมด้วย ถือเป็นโรคยอดฮิตในวัยเด็กกันเลยทีเดียว! แต่คุณพ่อคุณแม่รู้หรือไม่ว่า อาการไอในเด็ก สามารถรักษาได้ด้วย “น้ำผึ้ง” โดยไม่ต้องพึ่งยา และแม้แต่คุณหมอยังแนะนำ! งั้นตามมาดูกันเลยว่า ทำไมน้ำผึ้งถึงรักษาอาการไอได้ พร้อม 10 ประโยชน์ของน้ำผึ้ง ที่ต้องร้องว้าววว
ทำความรู้จักกับ น้ำผึ้ง
น้ำผึ้ง คือ น้ำหวานที่ผึ้งเก็บมาจากต่อมน้ำหวานของดอกไม้ชนิดต่าง ๆ น้ำผึ้งที่ได้มาตรฐาน ต้องมีน้ำอยู่ไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์ มีส่วนผสมของน้ำตาลกลูโคส และฟรุกโตส ไม่แยกสี ไม่แยกชั้น
น้ำผึ้ง ประกอบด้วยน้ำตาลย่อยง่ายถึง 70% เช่น น้ำตาลฟลุกโตส กลูโคส มอลโทส ซึ่งเป็นน้ำตาลบริสุทธิ์ และปราศจากเชื้ัอโรค เพราะจุลินทรีย์ไม่สามารถอาศัยอยู่ในน้ำผึ้งได้ นอกจากนี้ยังมีโปรตีน แร่ธาตุ กรด และสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญอีกหลายชนิด ที่เชื่อว่ามีฤทธิ์รักษา อาการไอ ได้
ประโยชน์ของน้ำผึ้ง ช่วยรักษาอาการไอในเด็กได้
อาการไอ เป็นกลไกปกป้องตัวเองจากสิ่งแปลกปลอมของร่างกาย เพื่อกำจัดเสมหะ หรือสิ่งคัดหลั่งที่ติดเชื้อโรค เมื่อเป็นหวัด เด็ก ๆ มักมีอาการไอตอนกลางคืนอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาว หรือช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย สร้างความกังวลให้กับพ่อแม่ไม่น้อย
ส่วนน้ำผึ้ง โดยเฉพาะน้ำผึ้งชนิดสีเข้มนั้น มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีรสหวาน ทำให้ชุ่มคอ ลดอาการระคายเคืองในคอ ทำให้ลื่นคอ และรู้สึกผ่อนคลายในลำคอ จึงทำให้สามารถช่วยลด อาการไอในเด็ก ได้
นายแพทย์เอียน เอ็ม. พอล (Dr. Ian M. Paul) แพทย์ผู้ชำนาญการ กุมารเวชศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยรัฐเพนน์ซิลวาเนีย ฮาร์ชเลย์ สหรัฐฯ ได้ทำการศึกษาการรักษาอาการไอในเด็ก 105 คน พบว่า
เด็ก ๆ กลุ่มที่ได้รับน้ำผึ้ง มีอาการไอตอนกลางคืนทุเลาลง แถมยังนอนหลับได้ดีกว่าเดิมอีกด้วย ทั้งนี้ผลการศึกษายังพบว่า น้ำผึ้งสามารถรักษาอาการไอ ได้ผลดีกว่ายาแก้ไอ (เดกซโทรเมโธแฟน / dextromethophan) และยาหลอก (placebo)
แต่มีข้อห้ามคือ ห้ามใช้น้ำผึ้งในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี เนื่องจากเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปีมีภูมิต้านทานโรคต่ำมาก จึงอาจเกิดอาหารเป็นพิษถึงตายได้
นายแพทย์เอียน เอ็ม. พอล และคณะ ได้ระบุว่า ความหวานของน้ำผึ้ง สามารถบรรเทาอาการระคายเคืองคอได้ และในน้ำผึ้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยสมานแผล มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคได้
ปริมาณน้ำผึ้งที่แนะนำสำหรับรักษาอาการไอ ในเด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป
นายแพทย์เอียน เอ็ม. พอล ได้แนะนำปริมาณการใช้น้ำผึ้งรักษาอาการไอในเด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป ไว้ดังนี้
- อายุ 2 ปี ทานน้ำผึ้ง ครึ่งช้อนชา
- อายุ 6-11 ปี ทานน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา
- อายุ 12 ปีขึ้นไป ทานน้ำผึ้ง 2 ช้อนชา
* ควรใช้ช้อนชาที่ได้มาตรฐานในการตวงน้ำผึ้ง
ประโยชน์ของน้ำผึ้ง
1. ช่วยลดอาการไอ
วารสาร Pediatrics ได้ตีพิมพ์งานวิจัยที่มีการระบุว่า น้ำผึ้งมีสรรพคุณเทียบเท่ากับยาปฏิชีวนะขนานเบา ซึ่งสามารถกำจัดเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดอาการไอได้ โดยเฉพาะ อาการไอในเด็ก และ ไอเรื้อรัง โดยให้กินน้ำผึ้ง 2 ช้อนชาแล้วดื่มน้ำอุ่นตาม อาการไอจะค่อย ๆ บรรเทาลง
นอกจากจะช่วยบรรเทาอาการไอแล้ว น้ำผึ้งยังช่วยให้เด็ก ๆ หลับง่าย และหลับลึกขึ้น รวมไปถึงป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้อีกด้วย
- ไอแบบไหนอันตราย อาการไอ แบบไหนต้องพาลูกไปหาหมอ
- ยาขับเสมหะ VS ยาละลายเสมหะ เมื่อลูกมีอาการไอ เลือกกินยาแบบไหน?
2. แก้เจ็บคอ
เนื่องจากน้ำผึ้งมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อไวรัสได้ จึงทำให้สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้ด้วยเช่นกัน โดยให้จิบน้ำผึ้งผสมน้ำอุ่น และบีบน้ำมะนาวผสมลงไปเล็กน้อย จิบบ่อย ๆ เรื่อย ๆ แค่นี้ก็ช่วยให้หายเจ็บคอได้แล้ว
3. แก้ท้องผูก
ในน้ำผึ้งยังมีโพรไบโอติกส์ ที่เป็นมิตรกับแบคทีเรียประเภทแลคโตบาซิลัสอยู่ด้วย การจิบน้ำผึ้งผสมน้ำอุ่นก่อนเข้านอน จึงเป็นการช่วยกระตุ้นการขับถ่ายในช่วงเช้าได้เป็นอย่างดี
- 12 ผลไม้ดี๊ดี มีไฟเบอร์สูง ฮีโร่แก้ท้องผูก ดีต่อระบบย่อยอาหาร
- 5 เคล็ดลับดูแลลำไส้ลูกง่าย ๆ หมดปัญหา เด็กท้องผูก
- ลูกท้องผูก กินอะไรให้ลูกขับถ่ายดี?
4. แก้อาการท้องเสีย
นอกจากจะแก้อาการท้องผูกได้แล้ว น้ำผึ้งยังช่วยแก้ท้องเสียได้ด้วย เนื่องจากน้ำผึ้งสามารถฆ่าเชื้อโรคในกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ โดยเฉพาะการติดเชื้อในกระเพาะอาหาร จนทำให้เกิดอาการท้องเสีย แค่จิบน้ำผึ้งผสมน้ำอุ่น 1 แก้ว จะช่วยบรรเทาอาการท้องเสียและปวดเสียดท้องได้แล้ว
5. รักษาโรคกระเพาะ
เนื่องจากน้ำผึ้งมีฤทธิ์สมานแผล จึงสามารถรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ของผู้ป่วยโรคกระเพาะได้ ผู้ป่วยโรคกระเพาะที่มีอาการในระยะเริ่มต้น ควรกินน้ำผึ้งวันละ 1 ช้อนชาเป็นประจำ
- กระเจี๊ยบเขียว อัศวินแก้ปวดท้อง โรคกระเพาะ พร้อมสรรพคุณอื่น ๆ อีกมากมาย!
- โรคกระเพาะอาหาร เกิดจากอะไร กินยาอะไรดี?
6. แก้อาการนอนไม่หลับ
นักโภชนาการจากนิตยสาร Seattle Sutton’s Healthy Eating ได้แนะนำให้ผู้ที่มีอาการนอนไม่หลับ กินน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ก่อนเข้านอน 30 นาที เนื่องจากน้ำผึ้งได้ให้ความหวานกับร่างกาย ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายผลิตอินซูลิน และหลั่งเซโรโทนิน ฮอร์โมนแห่งความสุขออกมา จากนั้น เซโรโทนินก็จะเปลี่ยนตัวเองเป็นเมลาโทนิน ฮอร์โมนที่พาให้รู้สึกง่วง และทำให้อยากนอนหลับนั่นเอง
7. บรรเทาอาการภูมิแพ้
อย่างที่บอกไปตอนต้นแล้วว่า น้ำผึ้งมีฤทธิ์คล้ายกับยาแก้อักเสบ หรือสารต้านการอักเสบ อีกทั้งยังมีอนุมูลละอองเกสรขนาดเล็กอยู่มาก ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับสิ่งนี้เข้าไป ก็จะช่วยกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานมากขึ้น ส่งผลให้ร่างกายหลั่งสารฮีสตามีนน้อยลง และช่วยบรรเทาอาการของโรคภูมิแพ้อากาศลงได้ในที่สุด
8. รักษาเชื้อรา
ในน้ำผึ้งมีเอนไซม์ที่ตัวผึ้งปล่อยออกมา ซึ่งเอนไซม์ที่ว่านี้ มีฤทธิ์คล้ายไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ จึงสามารถรักษาเชื้อรา หรืออาการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดต่าง ๆ ได้
9. ใช้ล้างแผล รักษาแผล
ฤทธิ์คล้ายยาต้านการอักเสบของน้ำผึ้งนั้น ยังมีคุณสมบัติคล้ายไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์อ่อน ๆ ด้วย ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการกระจายตัวของแบคทีเรีย เราจึงสามารถนำน้ำผึ้งมารักษาแผลได้ โดยให้ผสมน้ำผึ้ง 1 ส่วน ต่อน้ำ 9 ส่วนเข้าด้วยกัน แล้วนำมาล้างแผลตามปกติ
เรื่องนี้ได้รับการยืนยันแล้ว จากการศึกษาวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร British Journal of Surgery ซึ่งเป็นบันทึกสถิติของผู้ป่วย ที่ได้รับการรักษาแผลด้วยน้ำผึ้งจนหายดี และยังไม่มีอาการแผลไหม้ หรือรู้สึกแสบแผลอีกด้วย
10. สร้างพลังงานให้ร่างกาย
น้ำผึ้งเพียง 1 ช้อนโต๊ะ ก็มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตอยู่ถึง 17 กรัมแล้ว อีกทั้งยังเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ที่อุดมไปด้วยกลูโคส และฟรุกโตสจากธรรมชาติ ร่างกายจึงสามารถดูดซึมพลังงานเหล่านี้เข้าเส้นเลือดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้หายอ่อนเพลีย หรืออาการเหนื่อยล้าหลังออกกำลังหนัก ๆ ได้เป็นอย่างดี
จะเห็นได้ว่า ประโยชน์ของน้ำผึ้ง สามารถช่วยบรรเทา รักษาได้หลายโรค แต่เราก็ควรกินน้ำผึ้งอย่างระมัดระวังเช่นกัน โดยห้ามให้เด็กอายุต่ำกว่า 1 ปีกินน้ำผึ้งเด็ดขาด เนื่องจากในน้ำผึ้งมีเอนไซม์ที่มาจากน้ำลายของผึ้ง ซึ่งเด็กอาจมีภูมิต้านทานไม่มากพอ จนทำให้อาเจียน ท้องเสีย หรือเกิดการติดเชื้อได้
นอกจากนี้ ยังไม่ควรกินน้ำผึ้งเกินวันละ 10 ช้อนชาด้วย เพราะถึงอย่างไร น้ำผึ้งก็เป็นน้ำตาลชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดได้ จึงควรกินอย่งระมัดระวัง ในปริมาณที่ไม่มากจนเกินไป โดยเฉพาะในผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานอยู่แล้ว
อ้างอิง :
1. reuters 2. gotoknow 3. cnn 4. สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไข้หวัด อาการไอ ปวดท้อง ภูมิแพ้ ได้ฟรี! ตลอด 24 ชั่วโมง ถามเลย ที่นี่
ติดตามGedGoodLife ช่องทางอื่น ๆ ได้ที่…
Facebook : GEDGoodLife
Nutroplex : nutroplexclub
Twitter : @gedgoodlife
Line : @gedgoodlife
Youtube : GEDGoodLife ชีวิตดีดี