นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ลงนามในประกาศจังหวัดเชียงใหม่ เรื่อง “ห้ามเผาทุกชนิด” ใครฝ่าฝืนกฎหมาย เผาป่า ทำลายธรรมชาติ ก่อให้เกิดฝุ่นพิษ PM2.5 ทำประชาชนเดือดร้อน ต้องระวางโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี!
เผาป่า = ติดคุก! ห้ามเผาทุกชนิด ลดปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5
ช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. ของทุกปี จะเกิดจุดความร้อนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดปัญหาพื้นที่เผาใหม้ ไฟป่า และฝุ่น PM2.5 แม้กำหนดแผนการบริหารเชื้อเพลิงแล้ว แต่ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ยังคงมีมากขึ้น
จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การเผาทุกชนิดจะเป็นการก่อให้เกิดความสูญเสียต่อทรัพยากรป่าไม้ และคุณภาพอากาศโดยรวม รวมทั้งส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน จึงมีความจำเป็นต้องเข้มงวด ห้ามเผาทุกชนิด ยกเว้นพื้นที่ตามแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิง
ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย แก้ไขปัญหาไฟป่า และหมอกควันของจังหวัดเชียงใหม่ จึงอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550
ประกาศห้ามมิให้บุคคลหนึ่งบุคคลใด เผาป่า หรือเข้าไปกระทำการใด ๆ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติทุกแห่งในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือมีเหตุอันควร จำนวน 25 ป่า ครอบคลุมพื้นที่ 25 อำเภอโดยเด็ดขาด ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 30 เมษายน 2564
ทั้งนี้ หากราษฎรรายใดมีความประสงค์จะเข้าพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อดำเนินกิจการใด ๆ ที่ไม่ขัดต่อกฎหมายความสงบเรียบร้อย หรือไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ไฟ และหมอกควัน ต้องแสดงตนลงทะเบียนไว้เป็นหลักฐานต่อกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือหน่วยงานป่าไม้ในท้องที่แล้วแต่กรณี
ส่วนกรณีที่ตรวจพบผู้เข้าไปในป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต มีอุปกรณ์ และมีพฤติกรรมพร้อมที่ทำให้เกิดไฟป่า หรือทำให้เสื่อมสภาพต่อป่าสงวนแห่งชาติ ผู้ใดฝ่าฝืนมีความผิด มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
รายงานข่าวแจ้งว่า นอกจากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ที่ลงนามออกประกาศจังหวัดเชียงใหม่ เรื่อง ห้ามเผาทุกชนิด แล้ว
เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 64 นายกมล นวลใย ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรบำไม้ ที่ 1 (เชียงใหม่) ก็ได้ลงนามประกาศพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุม และรักษาป่าสงวนแห่งชาติ เรื่องห้ามมิให้บุคคลหนึ่บุคคลใด เข้าไปกระทำการใด ๆ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ด้วยเช่นกัน
ดูประกาศอ้างอิงจากผู้ว่าฯเชียงใหม่ —> ที่นี่
เผาป่า หยุดได้ ถ้าช่วยกัน! พบเห็นการลักลอบเผาป่า แจ้งเบาะแสหน่วยงานที่รับผิดชอบได้ทันที
1.ในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตป่าสงวนแห่งชาติ และเขตป่าไม้ ให้แจ้งศูนย์บัญชาการป้องกัน แก้ปัญหาไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี 2564 หมายเลขโทรศัพท์ 0 5311 2808
2.นอกพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตป่าสงวนแห่งชาติ และเขตป่าไม้ ตามข้อ 1 ข้างต้น ให้แจ้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าพนักงานท้องถิ่น หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ หรือตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ สายด่วน 191
3.ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ให้แจ้งศูนย์บัญชาการป้องกัน แก้ไขปัญหาไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี 2564 หมายเลขโทรศัพท์ 0 5311 2808
4.ในพื้นที่ริมทางหลวง และริมทางหลวงท้องถิ่น ให้แจ้งหน่วยงานที่รับผิดขอบเขตทางหลวงนั้น หรือแจ้งสายด่วนทางหลวง 1568 และสายด่วนทางหลวงชนบท 1146
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.-30 เม.ย.2564
ฝุ่นพิษจิ๋ว PM 2.5 มีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน อย่างไรบ้าง?
รู้หรือไม่ การก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำลายป่า เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดฝุ่นพิษจิ๋ว PM2.5 จนทำให้จังหวัดเชียงใหม่ ติดอันดับ 1 ของโลกมาแล้ว ในเรื่องคุณภาพอากาศย่ำแย่ กระทบต่อสุขภาพประชาชนเป็นอย่างมาก ตามมาดูกันว่าฝุ่นพิษจิ๋ว PM2.5 นี้ ทำร้ายสุขภาพเรายังไงได้บ้าง
เช็กค่าฝุ่นพิษ PM2.5 ทั่วโลก ได้ที่นี่ —> iqair.com
ฝุ่นPM2.5 คืออะไร? ศึกษาเพิ่มเติมที่นี่ —> http://bit.ly/3tHz2iP
• ทำร้ายระบบประสาท และสมอง
มีสติปัญญาด้อยลง สมองเสื่อมเร็วกว่าปกติ ทำให้สมองส่วนเนื้อขาว มีการฝ่อเหี่ยวมากกว่าคนปกติ สมาธิสั้น ซึมเศร้า
• ทำร้ายปอด
ฝุ่น PM 2.5 มีขนาดเล็กมาพอมีแทรกตัวผ่านด้านต่าง ๆ มาจนถึงปอด หาก PM2.5 สะสมอยู่ในร่างกายนาน จะเกิดเป็นโรคถุงลมโป่งพอง โรคหลอดลมปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหลอดลมอักเสบ โรคปอดอักเสบ โรคหอบหืด โรคมะเร็งระบบทางเดินหายใจ
- “โรคหอบหืด” รู้ทันอาการ เซฟชีวิตคุณได้!
- “ถุงลมโป่งพอง” โรคร้ายบนซองบุหรี่
- ไอเรื้อรัง มีเสลด และเลือด อาจเสี่ยงเป็น “โรคหลอดลมอักเสบ”
• ทำร้ายผิวหนัง
ใครที่แพ้ฝุ่นง่าย โรคภูมิแพ้ผิวหนังจะกำเริบ ทำให้ผิวหนังอักเสบ คัน สิวขึ้น ผมร่วง และเป็นโรคสะเก็ดเงินได้
- โรคสะเก็ดเงิน เกิดจากอะไร มีโอกาสหายขาดไหม ควรรักษา ดูแลยังไงดี?
- ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ดูแลรักษายังไงดี ?
• ทำร้ายดวงตา
ถ้าฝุ่นละออง PM2.5 เข้าตา จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองตา ตาแดง แสบตา น้ำตาไหล ตาไม่สามารถสู้แสงแดดได้ และอาจเป็นโรคเกี่ยวกับดวงตา เช่น ตาแดง ต้อเนื้อ ต้อลม และตากุ้งยิงได้
• ทำร้ายจมูก และปาก
แสบจมูก น้ำมูกไหล หายใจลำบาก ไอ จาม ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด
• ทำร้ายหัวใจ
อาการหนักของคนที่สูดดมเอาฝุ่นPM2.5 เข้าไปต่อเนื่อง จะทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หัวใจล้มเหลว และอาจเสียชีวิตได้ในที่สุด
• ทำร้ายเด็กแรกเกิด
ละอองฝุ่นพิษ สามารถเข้าสู่ทารกผ่านทางกระแสเลือดในขณะที่ยังอยู่ในครรภ์มารดา ทำให้ทารกที่คลอดออกมาอาจมีน้ำหนักน้อยกว่าปกติ และมีผลต่อการพัฒนาสมองได้ อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดภาวะความผิดปกติของปอด อาการหอบหืด ส่งผลต่อการเจริญเติบโต และการสร้างระบบภูมิคุ้มกัน รวมถึงอาจเป็นสาเหตุของการโรคมะเร็งในเด็กได้
ป้องกันฝุ่นด้วย การสวมใส่หน้ากากอนามัย หรือ หน้ากากN95
การสวมใส่หน้ากากอนามัย สามารถป้องกัน และลดปริมาณฝุ่นละอองเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจได้โดยหน้ากากอนามัยN95 จะเป็นหน้ากากที่เหมาะสมที่สุด ในการป้องกันฝุ่น PM2.5 เพราะเป็นหน้ากากชนิดพิเศษที่สามารถป้องกันฝุ่นขนาด 0.3 ไมครอนได้
ทั้งนี้การสวมใส่หน้ากากอนามัยแบบทั่วไป ถึงแม้จะมีความหนาน้อยกว่าหน้ากาก N95 แต่ก็สามารถป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก ๆ ได้ดีเช่นกัน และหายใจสะดวกกว่าด้วย
สุดท้ายนี้ GedGoodLife ขอเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์หยุดแผ้วถาง เผาป่า ทำลายป่า เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดปริมาณฝุ่นพิษ PM2.5 และเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่า เขตชีวชาติในป่า ให้คงอยู่ตราบนานเท่านาน…
อ้างอิงเนื้อหา :
1. mgronline 2. thaipbs 3. gedgoodlife