ทำงานใช้เสียงมาทั้งวัน แล้วไหนจะต้องเม้าท์เรื่องละครหลังข่าวกับเพื่อน ๆ อีก เลยมีอาการยอดฮิตติดกระแสอยู่ทุกวันนี้ก็คือ “พูดเยอะ เจ็บคอ” นั่นเอง! แต่ถ้าเจ็บคอเบาๆก็คงไม่เป็นไร ถ้าเจ็บมากจน “คออักเสบ” มีอาการติดเชื้อแล้วละก็… คงต้องอดเม้าท์แน่ ๆ เลย งั้นมาดูความสาหัสของอาการนี้กันว่า เมื่อเป็นแล้วเนี่ย จะต้องทำยังไงถึงจะกลับมาหายดี
สาเหตุของ คออักเสบ
คออักเสบ (Pharyngitis) ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสประมาณ 70-80% ตามมาด้วยการติดเชื้อจากแบคทีเรีย ประมาณ 15-20% และมีอีกประมาณ 5% ที่เกิดจากการติดเชื้อรา ซึ่งมักพบในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันโรคต่ำ เช่น ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ป่วยเอดส์ เป็นต้น
เชื้อที่ทำให้เกิดอาการคออักเสบ จะอยู่ในน้ำลาย และเสมหะของผู้ป่วย ทำให้สามารถติดต่อได้โดยการหายใจ สูดเอาฝอยละอองเสมหะที่ผู้ป่วยไอ หรือจามออกมา หรือสัมผัสมือผู้ป่วย สิ่งของเครื่องใช้ หรือสภาพแวดล้อมที่ปนเปื้อนเชื้อเหมือนกับเวลา เป็นหวัด ปวดหัว
อาการของคออักเสบ
บริเวณที่เป็นคออักเสบ จะอยู่ระหว่างหลังโพรงจมูกกับกล่องเสียง โดยเชื้อที่ทำให้เกิดอาการอักเสบนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น
1. คออักเสบจากเชื้อไวรัส: ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บคอเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่จะไม่เจ็บตอนกลืน ผนังคอหอยอาจมีอาการแดงเล็กน้อย หรือไม่ชัดเจน ร่วมกับการเป็นหวัด นํ้ามูกไหล ไอ เสียงแหบ มีไข้ต่ำ ๆ ปวดศีรษะเล็กน้อย ตาแดง บางรายอาจมีอาการท้องเดินหรือถ่ายเหลวร่วมด้วย
2. คออักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย: ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บคอมาก จนกลืนนํ้า และอาหารลำบาก ผนังคอหอย หรือเพดานอ่อนมีอาการแดงจัด และบวม มีจุดหนองที่คอหอย มักไม่มีนํ้ามูกไหล ไอ หรือตาแดง แบบการอักเสบจากไวรัส แต่จะมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร อาจพบต่อมนํ้าเหลืองโตได้ บางรายอาจมีอาการปวดท้องหรืออาเจียนร่วมด้วย
การรักษาคออักเสบ
เมื่อป่วยเป็นคออักเสบ ผู้ป่วยควรดูแลตัวเองในเบื้องต้น ดังนี้
• หยุดงาน หรือหยุดเรียน จนกว่าไข้จะลดลง อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
• แยกของใช้ส่วนตัว โดยเฉพาะแก้วน้ำ ช้อน จาน ชามออกจากผู้อื่น เวลาไอหรือจาม ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากและจมูกเสมอ
• พักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว โดยควรเป็นน้ำอุณหภูมิปกติหรือน้ำอุ่น อาจผสมน้ำมะนาวอุ่นๆ จิบก็ได้ หากมีอาการเจ็บมาก อาจจิบน้ำเย็นหรือเครื่องดื่มเย็น หรืออมก้อนน้ำแข็งเพื่อช่วยลดอาการเจ็บคอ
• กินอาหารอ่อน ๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก น้ำซุป นม น้ำหวาน โดยกินครั้งละน้อยๆ แต่กินให้บ่อยขึ้น
• กลั้วคอด้วยน้ำเกลือวันละ 2-3 ครั้ง เพื่อรักษาความสะอาดของช่องปาก และเพื่อให้ช่องปากชุ่มชื้น
• งดใช้เสียง งดสูบบุหรี่ และงดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
• ถ้ามีไข้สูง ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวเพื่อลดไข้ และกินยาพาราเซตามอล เมื่อมีไข้ หรือเจ็บคอมาก ไม่ควรใช้ยาแอสไพริน เพราะอาจเกิดการแพ้ยา และเกิดโรคเรย์ซินโดรมได้
• อมยาบรรเทาอาการเจ็บคอ
• เพิ่มความชื้นในอากาศ ด้วยเครื่องเพิ่มความชื้นเพื่อลดอาการเจ็บคอ
• ถ้ามีอาการน้ำมูก หรือเสมหะเป็นสีเหลืองเขียว ปวดหู หูอื้อ มีไข้สูง หายใจหอบเหนื่อย หรือมีอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ มีอาการคออักเสบนานเกิน 7 วัน หรือเมื่ออาการไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 วัน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
วิธีป้องกันคออักเสบ
• หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่เป็นหวัด หรือคออักเสบ โดยเฉพาะเมื่อผู้ป่วยกำลังไอ หรือจาม ลดการสัมผัส หรือใช้ของร่วมกับผู้ป่วย หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรล้างมือให้สะอาดหลังสัมผัส และอย่าเอามือไปสัมผัสหรือถูกับจมูก
• ใส่หน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการเข้าไปในที่ ๆ มีคนแออัด โดยเฉพาะช่วงที่มีโรคติดเชื้อต่างๆ ระบาด
• รักษาสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอยู่เสมอ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
• ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อต่าง ๆ ตั้งแต่เด็ก เช่น วัคซีนโรคไอกรน โรคหัด โรคคอตีบ ในผู้ใหญ่ ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข
ติดตามGedGoodLife ช่องทางอื่น ๆ ได้ที่…
Facebook : GEDGoodLife
Nutroplex : nutroplexclub
Twitter : @gedgoodlife
Line : @gedgoodlife
Youtube : GEDGoodLife ชีวิตดีดี