ทุกวันนี้ ใคร ๆ ก็จะพูดถึงอาการของโควิด-19 แต่ยังมีอีก 3 โรค ที่คนเรามักจะป่วยกันเยอะเช่นกัน นั่นก็คือ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ และภูมิแพ้ นั่นเอง… ฉะนั้น อย่าได้ประมาทไป ตามมาเช็กอาการ 4 โรคยอดฮิต ไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า ว่าจะมีอาการอะไรบ้าง…
โรคโควิด-19
โควิด-19 คือโรคติดต่อซึ่งเกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ไวรัส และโรคอุบัติใหม่นี้ไม่เป็นที่รู้จักเลย ก่อนที่จะมีการระบาดในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีนในเดือนธันวาคมปี 2019 ขณะนี้โรคโควิด 19 มีการระบาดใหญ่ไปทั่ว ส่งผลกระทบแก่หลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย
อาการของโรคโควิด-19 (COVID-19)
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก – WHO ได้ระบุ อาการโควิด-19 ไว้อย่างละเอียดดังนี้
- มีไข้
- ไอแห้ง
- อ่อนเพลีย
- ปวดเมื่อยเนื้อตัว
- เจ็บคอ
- ท้องเสีย
- ตาแดง
- ปวดศีรษะ
- สูญเสียความสามารถในการดมกลิ่น และรับรส
- มีผื่นบนผิวหนัง หรือนิ้วมือนิ้วเท้าเปลี่ยนสี
- หายใจลำบาก หรือหายใจถี่
- เจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอก
- สูญเสียความสามารถในการพูดและเคลื่อนไหว
อ่านเพิ่มเติมเรื่อง โควิด-19 :
- รอบรู้ สู้โควิด-19! ถาม-ตอบ ประเด็นร้อน Covid-19 : ตอบโดย WHO , Thai FDA
- “ตอบประเด็นร้อน COVID-19” โดย ศ.นพ. ยง ภู่วรวรรณ
- “ธรรมะสอนใจ” กับ “Social Distancing” สู้วิกฤตไวรัสร้าย COVID-19
โรคไข้หวัด
ไข้หวัด หรือ ไข้หวัดทั่วไป (Common Cold) คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสบริเวณ ทางเดินหายใจส่วนบน เช่นจมูก คอ ไซนัส และกล่องเสียง โดยเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดไข้หวัด มีสายพันธุ์ย่อย ๆ มากกว่า 200 ชนิด เลยทีเดียว
ทั้งนี้ไวรัสที่ก่อให้เกิดไข้หวัดได้มากที่สุด คือ ไรโนไวรัส (Rhinovirus – คำว่า Rhino แปลว่า จมูก ไรโนไวรัส เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดโรคกับจมูก) เป็นเชื้อไวรัสที่พบมากที่สุดในมนุษย์ และเป็นสาเหตุสำคัญของไข้หวัด โดยเชื้อไวรัสชนิดนี้ มีความหลากหลายทางสายพันธุ์มาก
อาการของโรคไข้หวัดทั่วไป (Common Cold)
เมื่อเริ่มมีอาการไข้หวัด ความรุนแรงของอาการจะมีมากในช่วง 2-3 วันแรก ก่อนจะค่อย ๆ ทุเลาลง โดยอาการของไข้หวัด จะมีดังต่อไปนี้
– มีไข้ต่ำ ๆ ครั่นเนื้อครั่นตัวเป็นพัก ๆ ปวดศีรษะเล็กน้อย (ในเด็กอาจมีไข้สูงเฉียบพลัน ในผู้ใหญ่อาจไม่มีไข้ก็ได้) อาการไข้มักเป็นอยู่ 2 – 4 วัน แล้วก็จะหายไปเอง
– น้ำมูกไหล มักเป็นน้ำมูกใส ๆ ไม่ข้น
* ในรายที่ติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ผู้ป่วยจะมีไข้เกิน 4 วัน หรือมีน้ำมูกเข้มข้นเหลือง หรือเขียวเกิน 24 ชั่วโมง หรือไอมีเสมหะสีเหลือง หรือเขียวทุกครั้ง
– คัดจมูก หายใจได้ไม่สะดวกเนื่องจากจมูกบวม
– ไอแห้ง ๆ หรือไอมีเสมหะเล็กน้อย ลักษณะใส หรือขาว ๆ จามบ่อยครั้ง แม้ไข้หวัดจะดีขึ้นแล้วแต่ผู้ป่วยอาจมีอาการไออยู่ต่อไปอีกประมาณ 2 สัปดาห์ ก่อนที่จะหายเป็นปกติ
– เสียงแหบ
– ปวดศีรษะ หรือปวดหู หากมีอาการปวดหูมาก ๆ อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อที่หู
– ปวดกล้ามเนื้อเล็กน้อย
– มีอาการระคายเคืองที่ดวงตา หรือมีตาแดง ขี้ตา
อ่านเพิ่มเติมเรื่องโรคไข้หวัด :
- โรคไข้หวัด โรคยอดฮิตตลอดทั้งปี! สาเหตุ อาการ วิธีรักษา และการป้องกัน
- เป็นหวัด ควรกินยาอะไรดี? แล้วอะไรคือสาเหตุของไข้หวัด? เรื่องควรรู้ก่อนซื้อยา
- หวัดจากเชื้อ ไวรัส VS แบคทีเรีย แตกต่างกันยังไง? แบบไหนรุนแรงกว่ากัน!
โรคไข้หวัดใหญ่
เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza Virus) โดยเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล สามารถจำแนกออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่ ชนิดเอ บี และซี ที่พบมากที่สุด คือ ไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ (H1N1) (H3N2) รองลงมาได้แก่ ชนิด บี และซี
อาการของโรคไข้หวัดใหญ่
– มีอาการไข้สูง ตัวร้อน หนาว
– ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อมาก โดยเฉพาะที่หลัง ต้นแขน ต้นขา
– ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย
– เบื่ออาหาร
– คัดจมูก มีน้ำมูกใส ๆ ไอแห้ง ๆ
– ในเด็กอาจพบอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วงได้
อ่านเพิ่มเติมเรื่องโรคไข้หวัดใหญ่ :
- CNN เผยความแตกต่างระหว่างโรคภูมิแพ้ ไข้หวัดใหญ่ และ ไวรัสโคโรน่า
- วิธีป้องกันตัวจาก โรคไข้หวัดใหญ่ ทำได้ยังไงนะ?
- ไข้หวัดใหญ่ อันตรายใกล้ตัวของคนไทย!
โรคภูมิแพ้
ภูมิแพ้ หรือที่บางคนก็เรียกว่า หวัดภูมิแพ้ เกิดจากร่างกายมีปฏิกิริยาต่อสิ่งที่แพ้ แล้วปล่อยสาร “ฮิสตามีน” ออกมา ซึ่งสารนี้จะทำให้เกิดอาการจาม คัดจมูกหายใจไม่ออก
ปัจจัยที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ มักได้แก่…
1. ฝุ่น ละอองเกสรต้นไม้ ดอกไม้ ขนสัตว์ รังแคสัตว์ อาหาร เป็นต้น
2. ความเย็น เช่น อากาศเย็น น้ำเย็น นุ่นในที่นอน หมอน และสารเคมี เป็นต้น
อาการของโรคภูมิแพ้
อาการของโรคภูมิแพ้ แบ่งออกเป็น 4 ระบบ ได้แก่
1. ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ มีอาการ คัดจมูก น้ำมูกใส จามบ่อย มีเสมหะลงคอ ไม่มีไข้ คันตา หายใจเสียงดังวี๊ดๆ อาการดังกล่าวอาจเป็นแค่บางฤดูกาล และมักเป็นหนักในช่วงอากาศเย็น เช่น เช้าหรือกลางคืน อาจเป็นนาน 2-3 ชั่วโมง
2. ภูมิแพ้ผิวหนัง มีอาการผื่นนูนแดง หรือแข็งเป็นขุย บางรายเกาจนเป็นแผล อาจเกิดได้ที่บริเวณ ข้อพับ แก้ม หรือตามลำตัว มักจะสัมพันธ์กับอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปกะทันหัน เช่น ร้อนแล้วมาเย็นทันที, สารเคมีที่สัมผัส, และความเครียด
3. ภูมิแพ้ทางเดินอาหาร
- แบบฉับพลัน ทานอาหารที่แพ้เข้าไปไม่เกิน 2 ชั่วโมง จะบวมริมฝีปาก คันคอ คัดจมูก เกิดลมพิษ หอบหืด ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน
- แบบแฝง ทานโปรตีนชนิดนั้นไปเรื่อย ๆ เช่น นม ไข่ จนเกินขีดภูมิต้านทานรับไหว ก็จะเกิดอาการรุนแรงมาในทันที อาจช็อคหมดสติ และเป็นสาเหตุของหลายโรค เช่น หวัดเรื้อรัง หูน้ำหนวกเรื้อรัง ไซนัสอักเสบ ข้ออักเสบ กล้ามเนื้ออักเสบ ซึมเศร้าเรื้อรัง สมาธิสั้น
4. ภูมิแพ้หลายระบบร่วมกัน
เป็นอาการแพ้ที่รุนแรง รวดเร็ว และมีอาการหลายระบบ ทำให้มีอาการคัน ปากบวม หน้าบวม รู้สึกแน่นในลำคอ จาม น้ำมูกไหล หายใจลำบาก ใครที่เป็นโรคหืด อาจไปกระตุ้นให้เป็นมากกว่าเดิมได้ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการท้องเสีย ปวดท้อง ความดันโลหิตลดต่ำลง หมดความรู้สึก และอาจอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
อ่านเพิ่มเติมเรื่องโรคภูมิแพ้ :
- คุณรู้จัก ภูมิแพ้ ดีแค่ไหน ? มาเช็คความเข้าใจกันเถอะ
- โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้อากาศ I สาเหตุ อาการ วิธีรักษา
- ภูมิแพ้ VS ไข้หวัด แตกต่างกันอย่างไร?
สรุปอาการ 4 โรคยอดฮิต ด้วยภาพอินโฟกราฟิก
จากข้อมูลข้างต้น จะสังเกตเห็นได้ว่า 4 โรคยอดฮิต นี้ จะมีอาการที่คล้ายกันอยู่บ้าง เช่น มีไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล เป็นต้น ส่วนวิธีดูแลรักษา ป้องกันตนเองจาก 4 โรคนี้ ก็คือ หมั่นออกกำลังกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง, นอนพักผ่อนมาก ๆ, สวมใส่หน้ากากอนามันเสมอ เมื่อต้องออกไปข้างนอก เป็นต้น
มาดูความแตกต่างให้ชัด ๆ จากภาพอินโฟกราฟิกด้านล่างนี้กันเลยว่า ทั้ง 4 โรคยอดฮิต นี้ มีความแตกต่างกันอย่างไร