เมื่อมีอาการปวดท้อง อย่าละเลย ให้รีบสังเกตตัวเองว่าปวดมากน้อยแค่ไหน ปวดมานานหรือไม่ เพราะ อาจบ่งบอกถึงโรคร้ายภายในบริเวณท้องได้ แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า… ปวดท้องตรงนี้ ป่วยโรคไหน? วันนี้ Ged Good Life มีคำตอบมาฝากแล้ว ใครที่ปวดท้องบ่อย ๆ ต้องอ่าน!
สาเหตุของอาการปวดท้อง
ปวดท้อง อาจแค่ปวดไม่มากเดี๋ยวเดียวก็หาย หรือปวดมาก และรุนแรงมาก อาการปวดมักจะไม่จำเพาะเจาะจง อาจจะสัมพันธ์กับอวัยวะในช่องท้องโดยตรง เช่น กระเพาะปัสสาวะ รังไข่ อาการปวดท้องทั่วไป เกิดจากอวัยวะในระบบทางเดินอาหารผิดปกติ เช่น ไส้ติ่งอักเสบ ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ เป็นต้น ลักษณะของอาการปวดท้องตำแหน่งที่ปวด ความรุนแรงของอาการปวดท้อง และช่วงเวลาที่เกิด
ปวดท้องตรงนี้ ป่วยโรคไหน?
1. ปวดชายโครงขวา เป็นจุดของตับ และถุงน้ำดี หากกดแล้วเจอก้อนแข็ง ๆ บวกกับอาการตัวเหลือง ตาเหลือง หมายถึง ความบกพร่องของตับ หรือถุงน้ำดี หากปวดมากควรพบแพทย์
2. ปวดใต้ลิ้นปี่ หรือกลางตัวเรา ตรงซี่โครงซี่ล่างสุด (กลางตัว) กระเพาะอาหาร ตับอ่อน ตับ และกระดูกลิ้นปี่
- ลองสังเกตตัวเองหากปวดเป็นประจำเวลาหิว หรืออิ่ม อาจเกี่ยวกับโรคกระเพาะ หากปวดรุนแรงร่วมกับคลื่นไส้อาเจียน อาจเป็นตับอ่อนอักเสบ
- หากคลำเจอก้อนเนื้อขนาดใหญ่ และค่อนข้างแข็ง อาจหมายถึงตับโต
- หากคลำได้ก้อนสามเหลี่ยมแบนเล็ก ๆ อาจเป็นกระดูกลิ้นปี่ ควรพบแพทย์
3. ปวดชายโครงขวา จะตรงกับตำแหน่งของม้าม ไม่ต้องรีรอ ไปปรึกษาแพทย์ทันที
4. ปวดบั้นเอวขวา ตรงตำแหน่งของท่อไต ไต ลำไส้ใหญ่
- อาการปวดมาก : ลำไส้ใหญ่อักเสบ
- อาการปวดร้าวถึงต้นขา : เริ่มต้นเป็นนิ่วในท่อไต
- อาการปวดร่วมกับปวดหลัง มีไข้ หนาวสั่น ปัสสาวะขุ่น : กรวยไตอักเสบ ควรรีบไปพบแพทย์
- เมื่อคลำเจอก้อนเนื้อ : ควรรีบไปพบแพทย์
5. ปวดรอบสะดือตรงกับตำแหน่งลำไส้เล็ก หากกดแล้วปวดมาก คืออาการไส้ติ่ง ปวดมากจนทนไม่ได้ควรพบแพทย์ หากปวดแบบมีลมในท้องด้วย อาจแค่กระเพาะลำไส้ทำงานผิดปกติ
6. ปวดบั้นเอวซ้าย เป็นตำแหน่งท่อไต ไต ลำไส้ใหญ่
- ปวดมาก : ลำไส้ใหญ่อักเสบ
- ปวดร้าวถึงต้นขา : อาจเป็นนิ่วในท่อไต
- ปวดร่วมกับปวดหลัง มีไข้ หนาวสั่นด้วย ปัสสาวะขุ่น : กรวยไตอักเสบ ให้รีบไปพบแพทย์
- คลำเจอก้อนเนื้อ : ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ ควรรีบพบแพทย์
7. ปวดท้องน้อยขวา เป็นตำแหน่ง ไส้ติ่ง ท่อไต และปีกมดลูก
- หากปวดเกร็งเป็นระยะ ๆ แล้วร้าวมาที่ต้นขา : กรวยไตอักเสบ ควรพบแพทย์
- ปวดเสียดตลอดเวลา กดแล้วเจ็บมาก : ไส้ติ่งอักเสบ
- ปวดร่วมกับมีไข้สูง หนาวสั่น มีตกขาว : ปีกมดลูกอักเสบ
- คลำแล้วเจอก้อนเนื้อ : ก้อนไส้ติ่ง หรือรังไข่ผิดปกติ
8. ปวดท้องน้อย ตรงตำแหน่งกระเพาะปัสสาวะ และมดลูก
- ปวดเวลาถ่ายปัสสาวะ หรือถ่ายกะปริบกะปรอย : กระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือ นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
- ปวดเกร็งเวลามีประจำเดือน ผู้หญิงที่แต่งงาน ไม่มีลูกแล้วมีอาการปวดเรื้อรัง : อาการมดลูกผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์
9. ปวดท้องน้อยซ้าย ตำแหน่ง ปีกมดลูก และท่อไต
- ปวดเกร็งเป็นระยะ และร้าวมาที่ต้นขา : นิ่วในท่อไต
- ปวดร่วมกับมีไข้ หนาวสั่น ตกขาว : มดลูกอักเสบ
- ปวดร่วมกับถ่ายอุจจาระผิดปกติ : ลำไส้ใหญ่อักเสบ
- คลำพบก้อนร่วมกับอาการท้องผูกเป็นประจำ : เนื้องอกในลำไส้
อาการปวดท้อง ที่ควรไปพบแพทย์ทันที
- ปวดท้องโดยมีอาเจียนร่วมด้วย
- ปวดท้องเปลี่ยนรูปแบบ เช่น จากที่เคยปวดแสบกลายเป็นปวดบีบ ปวดเกร็ง ปวดรุนแรงขึ้น
- ปวดนานมากกว่า 6 ชั่วโมงแล้วอาการเป็นมากขึ้น
- ปวดจนกินอาหารไม่ได้ นอนไม่หลับ
- มีภาวะโลหิตจาง อาจเกิดจากการเสียเลือดในกระเพาะอาหาร
- ตาเหลือง
- ปวดที่บริเวณท้องน้อยด้านขวา
- มีไข้เรื้อรัง 37.5 – 38 องศาตลอดเวลา
- น้ำหนักลดเกินร้อยละ 10 ภายใน 1 – 2 เดือน
- รับประทานยาลดกรดด้วยตัวเองแล้ว 1 – 2 สัปดาห์แต่ไม่ดีขึ้น ยังปวดท้องอยู่หรือมีอาการอื่นเพิ่มเติม
คำแนะนำ
- กินยาตามแพทย์สั่ง
- เลือกกินอาหารที่ย่อยง่าย งดนม อาหารรสจัด น้ำผลไม้
- หากยังมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องน้อยด้านขวามากขึ้น หลังทานยาแก้ปวดไปแล้ว 2 ชม. ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
- ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจตามที่แพทย์นัดทุกครั้ง
อาการปวดท้อง ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แม้ว่าจะปวดนิดเดียว ก็ไม่ควรละเลย รักสุขภาพ รักตัวเอง ต้องคอยหมั่นสังเกตร่างกายของเราอยู่เสมอ หากเกิดอาการผิดปกติ ให้รีบไปพบแพทย์ ถ้าปล่อยเรื้อรังอาจจะสายเกินแก้ได้นะคะ
ติดตาม GedGoodLife ช่องทางอื่น ๆ ได้ที่…
Facebook : gedgoodlife
Nutroplex : nutroplexclub
Twitter : @gedgoodlife
Line : @gedgoodlife
Youtube : gedgoodlife ชีวิตดีดี
TikTok : @gedgoodlife