โรคกรดไหลย้อน เรียกว่าเป็นภัยเงียบของเหล่ามนุษย์เงินเดือน ที่ชอบใช้ชีวิตเร่งรีบเลยก็ว่าได้ เพราะกรดไหลย้อน เกิดจากการปล่อยละเลยในการดูแลตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องการรับประทานอาหาร ดังนั้นเราจึงมีวิธีการดูแลตัวเองเบื้องต้น เพื่อป้องกันไม่ให้กรดไหลย้อนเกิดขึ้นกับตัวคุณเอง รวมไปถึงใครที่เป็นกรดไหลย้อนแล้ว ก็สามารถทำตาม 15 วิธี ด้านล่างนี้ กรดไหลย้อนหายชัวร์ อย่างแน่นอน!
– โรคกรดไหลย้อน กับ โรคกระเพาะอาหาร แตกต่างกันอย่างไร?
– 15 คำถามเรื่องกรดไหลย้อน สาเหตุ อาการ วิธีรักษา มีคำตอบที่ GED : Ask Expert
– หมอแนะนำ เคล็ดลับดูแลระบบย่อยอาหาร ช่วยขับถ่ายคล่อง ห่างไกลโรคร้าย!
โรคกรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease – GERD) – เกิดจากกรด หรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ไหลย้อนขึ้นมายังหลอดอาหาร เมื่อเป็นแล้วจะรู้สึกว่าตัวเองมีอาการเรอเปรี้ยว แสบคอ ขมคอ จุกเสียด คล้ายอาหารไม่ย่อย แน่นหน้าอกบริเวณใต้ลิ้นปี่
บางคนเป็นกรดไหลย้อนมานาน จะมีกลิ่นปาก และเสียวฟัน หากไม่รีบรักษา ปล่อยไว้นานวันเข้า กรดไหลย้อนจะพัฒนากลายเป็นกรดไหลย้อนเรื้อรัง หลอดอาหารเป็นแผล ซึ่งยากต่อการรักษา และอาจเกิดโรคแทรกซ้อน ลุกลามเป็นมะเร็งหลอดอาหารได้เลยทีเดียว
ทำตาม 15 วิธีนี้ กรดไหลย้อนหายชัวร์ !
1. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง และอาหารแปรรูป
เมื่อเป็นกรดไหลย้อนแล้ว อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างแรกเลย คือ อาหารที่มีไขมันสูง และอาหารแปรรูป เช่น เนื้อสัตว์ติดมัน, ไส้กรอก, ชีส, เบเกอรี่, ช็อกโกแลต ฯลฯ เนื่องจากจะอาหารที่มีไขมันสูง และอาหารแปรรูปย่อยยาก มีส่วนทำให้อาหารค้างอยู่ในกระเพาะนาน เมื่ออาหารค้างอยู่ในกระเพาะนาน ก็จะเกิดการรวมกับกรดในกระเพาะอาหาร กระตุ้นให้เกิดเป็นกรดไหลย้อนได้
2. หลีกเลี่ยงอาหารอาหารรสจัด
อาหารรสจัด ไม่ว่าจะเป็นเปรี้ยว หวาน เผ็ด เค็ม ล้วนมีส่วนทำให้หูรูดหลอดอาหารระคายเคือง ส่งผลให้กรดไหลย้อนเกิดขึ้นได้ง่าย
3. หลีกเลี่ยงอาหารที่หมักดอง
อาหารหมักดอง เช่น ผลไม้ดอง, ผลไม้แช่อิ่ม, หน่อไม้ดอง, ปลาร้า ฯลฯ จะไปกระตุ้นให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร ส่งผลให้เกิดกรดไหลย้อน อาการกรดเกินในกระเพาะเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงทำให้รู้สึกจุกเสียด แน่นกลางอก เรอเปรี้ยวอีกด้วย
4. หลีกเลี่ยงผักผลไม้ที่มีกรด และแก๊สสูง
ผักผลไม้ที่มีกรด และแก๊สสูง เช่น กะหล่ำปลี, หัวหอม, ส้ม, กระเทียม, สะระแหน่ ฯลฯ รวมไปถึงผักดิบทุกชนิด มีส่วนกระตุ้นให้กรดเกิดในกระเพาะอาหารเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ดังนั้นหากจะรับประทานผักก็ควรทำให้สุกจะดีกว่า
5. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีแก๊สมาก
เครื่องดื่มที่มีแก๊สมาก เช่น ถั่ว, โซดา, น้ำอัดลม, เครื่องดื่มชูกำลัง เมื่อดื่มเข้าไปแล้ว จะไปกระตุ้นให้เกิดน้ำย่อยในกระเพาะอาหารมากขึ้น เมื่อน้ำย่อยในกระเพาะอาหารมากขึ้น ก็จะไหลย้อนกลับขึ้นมายังหลอดอาหาร เกิดเป็นกรดไหลย้อนได้นั่นเอง
6. ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะเป็นสุรา, ไวน์, เบียร์ แม้แต่เครื่องดื่มค็อกเทล คือตัวการสำคัญในการทำให้กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารคลายตัวง่าย ทำให้กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นไปยังหลอดอาหารได้ง่ายขึ้น ดังนั้นถ้าอยากหายจากกรดไหลย้อน ก็ควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
7. ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน
เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เช่น ชา, กาแฟ, น้ำอัดลม มีส่วนทำให้กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารคลายตัวง่ายเหมือนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมพนักงานออฟฟิศถึงเป็นกรดไหลย้อนกันมาก ดังนั้นเป็นไปได้ควรงดดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนจะดีกว่า แต่หากใครที่ติดกาแฟ ติดคาเฟอีนแล้วเลิกไม่ได้จริงๆ เราแนะนำให้ดื่มเฉพาะตอนเช้าวันละ 1 แก้วเท่านั้นพอ
8. ไม่เคี้ยวหมากฝรั่ง
หลายคนอาจคาดไม่ถึงว่า หมากฝรั่งทำให้คุณเป็นกรดไหลย้อนได้ แต่นี่คือเรื่องจริง เพราะการเคี้ยวหมากฝรั่งมีส่วนเพิ่มน้ำลายในช่องปากมากขึ้น ทำให้เราต้องกลืนน้ำลายบ่อย กลืนลมลงกระเพาะอาหารมากกว่าปกติ ทำให้กรดไหลย้อนเกิดขึ้นง่ายนั่นเอง
9. ไม่สูบบุหรี่
ถ้าอยากหายจากกรดไหลย้อน เราแนะนำให้เลิกสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่จะทำให้กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารแย่ลง อีกทั้งการสูบบุหรี่ยังเป็นการเพิ่มปริมาณน้ำลายอีกด้วย
10. รับประทานอาหารในปริมาณที่พอดี
ปริมาณอาหารแต่ละมื้อ ส่งผลต่ออาการกรดไหลย้อนด้วยเช่นกัน เราแนะนำให้รับประทานอาหารในประมาณที่พอดี เพื่อป้องกันการกระตุ้นกรดเกินและน้ำย่อยที่มากเกินไป
11. ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
การควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ช่วยป้องกันการเกิดกรดไหลย้อนได้ เพราะหากใครที่มีน้ำหนักตัวมาก ก็ยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดกรดไหลย้อนได้ง่ายนั่นเอง
12. ไม่นอนทันทีหลังรับประทานอาหาร
หากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ห้ามนอนทันที เพราะจะทำให้กรดหรือน้ำย่อยไหลย้อนขึ้นไปยังหลอดอาหารได้ และเสี่ยงต่อการเป็นกรดไหลย้อนตอนนอนเรื้อรังด้วย สำหรับการรับประทานมื้อเย็น ควรทานก่อนเข้านอนประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง
13. พักผ่อนให้เพียงพอ
หากเป็นกรดไหลย้อน ควรพักผ่อนให้เพียงพอและหลีกเลี่ยงการนอนดึก เพราะจะทำให้ระบบภายในแปรปรวนได้ ที่สำคัญอย่าเครียดมากจนเกินไป เพราะจะทำให้กระเพาะหลั่งกรดมากขึ้น กรดไหลย้อนก็จะไม่หายไปสักที
14. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยทำให้สุขภาพดีทั้งภายใน และภายนอก และเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายไปในตัว ไม่ให้เกิดโรคอื่น ๆ ได้ง่ายอีกด้วย
15. รับประทานยาลดกรด
กรดไหลย้อน รักษาเบื้องต้นได้ด้วยตัวเอง ด้วยการหาซื้อยาลดกรดตามร้านขายยาทั่วไป เช่น เครมิลชนิดเม็ด เบลสิค เวอราเจล เป็นต้น ที่นอกจากการบรรเทาอาการกรดไหลย้อน เนื่องจากกรดเกินในกระเพาะอาหารแล้ว ยังมีประสิทธิภาพบรรเทาอาการแผลในกระเพาะอาหาร อาการท้องอืด จุกเสียด แน่นได้อีกด้วย ดังนั้นหากใครที่เป็นกรดไหลย้อน หรืออาการกรดไหลย้อนกำเริบบ่อย ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ และเภสัชกรก่อนการรับประทาน
ทั้ง 15 วิธี ที่เรานำมาฝากนี้ สามารถทำตามได้ไม่ยาก แนะนำให้ทุกท่านที่เป็นกรดไหลย้อนลองปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตตัวเอง ด้วยการนำ 15 วิธีนี้ไปทดลองใช้ดู รับรองเลยว่า กรดไหลย้อนหายชัวร์
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไข้หวัด อาการไอ ปวดท้อง ภูมิแพ้ ได้ฟรี! ตลอด 24 ชั่วโมง ถามเลย ที่นี่
ติดตามGedGoodLife ช่องทางอื่น ๆ ได้ที่…
Facebook : GEDGoodLife
Nutroplex : nutroplexclub
Twitter : @gedgoodlife
Line : @gedgoodlife
Youtube : GEDGoodLife ชีวิตดีดี