แดดเมืองไทยในช่วงหน้าร้อน เห็นแล้วก็จะเป็นลม เพราะมันร้อนระอุทะลุปรอทเหลือเกิน! อากาศที่ร้อนนอกจากจะทำให้ผิวคล้ำลง ยังแฝงมาด้วยโรคที่เกิดจากความร้อน นั่นก็คือ “ฮีทสโตรก หรือ โรคลมแดด” วันนี้ GED good life จึงขอฝากความรู้ถึงสาเหตุ อาการ วิธีปฐมพยาบาล และเคล็ดลับในการหลีกเลี่ยงโรคลมแดดมาฝากทุกคนในหน้าร้อนนี้
- 6 โรคผิวหนังหน้าร้อน ที่คนไทยต้องระวัง! พร้อม 10 วิธีดูแลผิวหนังโดยกรมการแพทย์
- อากาศร้อนจัดให้ระวังป่วย ไข้หวัดแดด เช็ก! 5 อาการต้องสงสัย
- 12 วิธีคลายร้อน รับซัมเมอร์สุดHOT !! รู้แล้วต้องแชร์ ให้หายร้อนไปพร้อมกัน
ฮีทสโตรก คืออะไร?
ฮีทสโตรก (Heatstroke) หรือ “โรคลมแดด” คือภาวะที่อุณหภูมิในร่างกายสูงเกิน 40.5 องศาเซลเซียส ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายได้รับความร้อนมากเกินไป และไม่สามารถระบายความร้อนออกได้ทันท่วงที เกิดได้จากการออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาในภาวะอากาศร้อนจัด หรืออยู่กลางแดดร้อนเป็นเวลานาน สามารถเกิดขึ้นได้แม้กับผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง
ผู้ป่วยฮีทสโตรกจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน แต่หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจเกิดอันตรายต่อสมอง หัวใจ ไต และกล้ามเนื้อได้อย่างรวดเร็ว ความเสียหายจะเลวร้ายลงเมื่อการรักษานานขึ้นล่าช้า เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง หรือเสียชีวิต
อาการสำคัญของ ฮีทสโตรก หรือ โรคลมแดด
- อุณหภูมิร่างกายสูงเกินกว่า 40.5 องศาเซลเซียส ถือเป็นสัญญาณหลักของโรคลมแดด
- ระบบประสาทส่วนกลางทำงานผิดปกติ มีอาการสับสน กระสับกระส่าย พูดอ้อแอ้ หงุดหงิด เพ้อ ชัก และโคม่า ล้วนเป็นผลมาจากโรคลมแดด
- ผู้ป่วยที่เป็น heatstroke ระยะต้น ๆ มักมีเหงื่อออกมาก แต่ในที่สุดก็จะถึงภาวะไร้เหงื่อซึ่งเกิดจากการพร่องปริมาตรของสารน้ำ และต่อมเหงื่อทำงานผิดปกติ
- อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ เนื่องจากความเครียดจากความร้อนจะสร้างภาระอย่างมากต่อหัวใจของคุณเพื่อช่วยให้ร่างกายเย็นลง
- ผิวหนัง และหน้าเปลี่ยนเป็นสีออกแดง
- หายใจเร็ว
- คลื่นไส้ อาเจียน
- กระหายน้ำมาก
- ปัสสาวะสีเข้มผิดปกติ
- การทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ล้มเหลว
ภาวะแทรกซ้อนจากฮีทสโตรก
ผู้ประสบภาวะ heatstroke มักมีความดันในหลอดเลือดดำส่วนกลางสูงขึ้น และความต้านทานของหลอดเลือดส่วนปลายต่ำ อย่างไรก็ตามอาจพบภาวะหัวใจวาย, ปอดบวมน้ำ, และการทรุดลงของระบบหัวใจ และหลอดเลือดได้
อยู่แค่ในออฟฟิศก็เสี่ยงเป็นฮีทสโตรกได้!
หนุ่มสาวที่นั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศเย็นฉ่ำก็มีความเสี่ยงไม่แพ้กัน เนื่องจากร่างกายคุ้นชินกับอากาศเย็นของห้องแอร์ เมื่อออกมาเจอแดดแรง ๆ หรืออุณหภูมิที่สูงขึ้นทันทีทันใดในช่วงพักกลางวัน อาจทำให้เกิดอาการช็อกได้ เพราะร่างกายปรับอุณหภูมิไม่ทัน
กลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังโรคลมแดด
- เด็กเล็ก
- ผู้สูงอายุ (อายุเกิน 65 ปี)
- ทหารที่ต้องฝึกหนัก
- นักกีฬาที่ต้องเล่นกีฬาในที่ที่อุณหภูมิร้อนจัด
- ผู้ที่ทานยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิตบางประเภท ยาขับปัสสาวะ ยาระบาย เป็นต้น
ถ้าทราบว่าตนเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อโรคลมแดด เช่น มีโรคประจำตัว สูงอายุ ทานยาที่มีความเสี่ยง ควรสังเกตอาการตนเองอยู่เสมอ และควรบันทึกเบอร์ฉุกเฉิน เบอร์คนใกล้ชิดเพื่อติดต่อได้อย่างทันท่วงที
วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
เป้าหมายของการปฐมพยาบาลเบื้องต้น คือการลดอุณหภูมิแกนอย่างรวดเร็วให้ลงมาที่ 40 oC ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการใช้วิธีทางกายภาพ
- ย้ายผู้ป่วยมานอนราบในที่ร่ม ถอดเสื้อผ้าออก ยกเท้าสูง เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
- ใช้ผ้าชุบน้ำเย็น หรือน้ำแข็งประคบตามซอกตัว คอ รักแร้ เชิงกราน ศีรษะ ร่วมกับใช้พัดลมช่วยเป่า หรือเทน้ำเย็นราดลงบนตัว หรือเปิดแอร์เพื่อลดอุณหภูมิของร่างกายให้ต่ำลงโดยเร็วที่สุด
- รีบนำส่งโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา
- ในผู้ที่มีอาการไม่มาก ควรให้ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ
ผู้ป่วยฮีทสโตรกจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจเกิดอันตรายต่อสมอง หัวใจ ไต และกล้ามเนื้อได้อย่างรวดเร็ว ความเสียหายจะเลวร้ายลงเมื่อการรักษานานขึ้นล่าช้า เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง หรือเสียชีวิต
ข้อควรระวัง! อย่าปกคลุมตัวผู้ป่วยด้วยผ้าแล้วทำให้เปียก เนื่องจากจะขัดขวางการระเหยของน้ำจากผิวหนัง
ฮีทสโตรก ป้องกันได้อย่างไร?
• ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ ควรดื่มน้ำให้ได้ 2 ลิตรต่อวัน หากทำงานในที่ร่ม ควรดื่มอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว โดยสามารถสังเกตว่าดื่มน้ำเพียงแล้ว หรือยังได้จากสีของปัสสาวะ ถ้าสีเหลืองจาง ๆ แสดงว่าได้รับน้ำเพียงพอแล้ว แต่ถ้าปัสสาวะสีเข้มขึ้นและปัสสาวะออกน้อย แสดงว่าได้รับน้ำไม่เพียงพอ
• สวมใส่เสื้อผ้าเบา บาง มีสีอ่อน และระบายความร้อนได้ดี
• ก่อนออกจากบ้านควรใช้ครีมกันแดด ที่มีค่า SPF15 ขึ้นไป
• หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดด ในวันที่อากาศร้อนจัด
• ในเด็กเล็ก และคนชราควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ต้องจัดให้อยู่ในห้องที่อากาศระบายได้ดี อย่าปล่อยให้เด็ก หรือคนชราอยู่ในรถที่ปิดสนิทตามลำพัง
• ห้ามทิ้งเด็กไว้ในรถเด็ดขาด เพราะอุณหภูมิในรถสามารถขึ้นไปได้อย่างรวดเร็วถึง 50 องศาเซลเซียส ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
• ควรหลีกเลี่ยงการทำงานหนัก หรือการออกกำลังกายหนักในระยะแรก จนกว่าร่างกายจะชินกับอุณหภูมิที่ร้อนขึ้น
อ้างอิง : 1. mayoclinic 2. รพ. กรุงเทพ 3. ศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี