สำนักข่าว CNN ได้ทำการรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่ามากกว่า 100,000 คน จากทั่วโลก ด้วยข่าวการยกเลิกงานอีเว้นท์ และเที่ยวบิน การประกาศเตือนให้ระมัดระวังสุขอนามัยโดยเฉพาะการล้างมือ จึงกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้คนจะเกิดความกังวลใจเล็กน้อยเมื่อตนเองรู้สึกเริ่มระคายคอ หรือมีอาการไอเกิดขึ้น สำนักข่าว CNN ได้ทำการพูดคุยกับ Dr.Greg Poland ศาสตราจารย์ด้านการแพทย์ และโรคติดเชื้อแห่ง Mayo Clinic และผู้อำนวยการ Mayo Clinic’s Vaccine Research Group เกี่ยวกับความแตกต่างระหว่าง โรคภูมิแพ้ ไข้หวัดใหญ่ และ ไวรัสโคโรน่า
ความแตกต่างระหว่าง โรคภูมิแพ้ ไข้หวัดใหญ่ และ ไวรัสโคโรน่า
– รู้สึกเคืองตา น้ำมูกไหล คุณอาจมีอาการแพ้ หรือแค่ไม่สบายเล็กน้อย
Dr.Greg Poland กล่าวว่า “ภูมิแพ้อากาศจะมีผลต่อความผิดปกติของจมูก และตา โดยแนวโน้มจะเกิดขึ้นที่จมูก และบริเวณศีรษะมากที่สุด นอกเสียจากว่ามีอาการผื่นขึ้นมาก่อน”
– อาการของการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า และไข้หวัดใหญ่ มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นทั่วร่างกาย
อย่างที่กล่าวไปว่าอาการของทั้ง 2 โรคนี้ส่งผลกระทบต่อร่างกายทั้งหมด Dr.Greg Poland กล่าวว่า “ไข้หวัดใหญ่ และไวรัสโคโรน่า ส่งผลกระทบต่อระบบในร่างกาย และระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง คุณอาจจะไม่มีอาการน้ำมูกไหล แต่อาจมีอาการเจ็บคอ ไอ มีไข้ หรือหายใจถี่ได้ ดังนั้นจำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด รวมไปถึงคอยสังเกตอุณหภูมิของร่างกายตนเอง เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่โรคภูมิแพ้จะทำให้มีไข้ได้ และโรคภูมิแพ้จะไม่มีอาการหายใจถี่ร่วมด้วย นอกเสียจากคุณเป็นโรคหืดหอบมาก่อนนั่นเอง”
– โรคภูมิแพ้เกิดขึ้นได้ประจำ และมักจะไม่รุนแรง
Dr.Greg Poland กล่าวว่า “หากคุณมีอาการเดิมในช่วงเวลาเดียวกันทุกปี คุณอาจเป็นภูมิแพ้อากาศ ซึ่งในกรณีดังกล่าวการซื้อยารับประทานเอง และการระมัดระวังด้านสุขอนามัยจะช่วยทำให้อาการดีขึ้นได้”
– อาการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าและไข้หวัดใหญ่ สามารถทำให้คุณหมดสภาพได้
Dr.Greg Poland กล่าวว่า “ในกรณีที่คุณติดเชื้อไวรัสโคโรน่าไวรัสหรือไข้หวัดใหญ่แบบฉับพลัน คุณจะรู้สึกเหนื่อยและปวดเมื่อยร่างกายเป็นอย่างมาก จนทำให้รู้สึกว่าร่างกายต้องได้รับการพักผ่อน โดยคุณจะสังเกตเห็นความแตกต่าง และความผิดปกติบางอย่าง เพราะอาการภูมิแพ้จะทำให้แค่รู้สึกเหนื่อย แต่จะไม่รู้สึกปวดเมื่อยเมื่อยกล้ามเนื้อ และข้อต่าง ๆ”
– อาการของไข้หวัด หรือไข้หวัดใหญ่ชนิดไม่รุนแรงมักหายได้เอง
สำหรับอาการป่วยปกติ คุณจะเริ่มรู้สึกดีขึ้นภายในเวลาไม่กี่วัน เมื่อได้นอนพักผ่อน และได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม (ยกเว้นคุณเป็นผู้สูงอายุ หรือมีปัญหาด้านสุขภาพอื่น ๆ ร่วมด้วย ซึ่งกรณีที่เจ็บป่วยแบบไม่รุนแรงก็อาจใช้เวลารักษานานขึ้นกว่าเดิม)
– อาการของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า และไข้หวัดใหญ่จะแย่ลงเมื่อเวลาผ่านไป
ในกรณีที่คุณเป็นไข้หวัดใหญ่หรือติดเชื้อไวรัสโคโรน่า คุณจะมีอาการแย่ลง ทั้ง ๆ ที่คาดว่าน่าจะดีขึ้น ซึ่งเป็นที่แน่ชัดว่าต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์ โดย Dr.Greg Poland กล่าวว่า “หากคุณมีอาการหายใจลำบาก มีความเป็นไปได้ว่าคุณอาจติดเชื้อไวรัสโคโรน่า และผู้ที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สามารถพัฒนาเป็นโรคปอดอักเสบได้ ซึ่งลักษณะอาการจะคล้ายกัน ดังนั้นจำเป็นต้องไปพบแพทย์”
– อาการเริ่มแรกของโรคภูมิแพ้ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ และไวรัสโคโรน่าอาจมีความคล้ายคลึงกัน
Dr.Greg Poland กล่าวว่า “เป็นเรื่องที่น่าโชคร้าย เพราะอาการเริ่มต้นของผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ และไวรัสโคโรน่ามีความคล้ายคลึงกันมาก ดังนั้นผู้ป่วยบางรายที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า และไข้หวัดใหญ่ในระยะเริ่มแรกอาจมีอาการไม่รุนแรง จึงทำให้ไม่เป็นที่สงสัย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ต้องใส่ใจ และสังเกตอาการต่าง ๆ ว่าคุณจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าและไข้หวัดใหญ่หรือไม่”
Dr.Greg Poland กล่าวต่ออีกว่า “พวกเรากังวลกลุ่มผู้สูงอายุที่เป็นโรคหอบหืด หรือโรคปอดอื่น ๆ รวมไปถึงผู้ที่เป็นโรคหัวใจ เบาหวาน และสตรีมีครรภ์อีกด้วย”
– ปัจจัยที่มีผลต่อความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า
หากคุณสงสัยว่าตนเองติดเชื้อไวรัสโคโรน่า แพทย์จะทำการสอบถามข้อมูลบางอย่าง เช่น
- คุณเพิ่งกลับมาจากท่องเที่ยวหรือไม่? ถ้าใช่ ไปเที่ยวที่ไหน?
- สมาชิกในบ้าน เพื่อนร่วมงาน หรือเพื่อนร่วมชั้นเรียน เพิ่งกลับจากท่องเที่ยวหรือไม่? แล้วพวกเขาไปเที่ยวที่ไหนมา?
- มีสมาชิกในบ้านมาจากพื้นที่ที่มีการระบาดของไวรัสโคโรน่าหรือไม่?
- คุณเคยไปล่องเรือสำราญหรือไม่?
- คุณอาศัยอยู่ใกล้พื้นที่ที่มีการระบาดของไวรัสโคโรน่าหรือไม่?
Dr.Greg Poland กล่าวว่า “คุณเปรียบเสมือนนักสืบที่ต้องพยายามยอมรับ และรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ หากมีใครที่ยังไม่ได้ออกจากใจกลางเมืองแคนซัสแล้วคิดว่าติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ฉันคงจะพูดว่าให้ทานยาพาราเซตามอล ดื่มน้ำให้มาก และพักผ่อนให้เพียงพอ”
อาจจะฟังดูแล้วเป็นคำพูดที่ดูรุนแรง แต่วิธีการทดสอบ การรักษา และการรับมือกับไวรัสในปัจจุบันยังไม่ได้รับการรับรอง และมีความคลุมเครืออยู่
“หากคุณรู้สึกกังวลให้โทรหาแพทย์ประจำตัวพร้อมเล่าอาการของคุณให้แพทย์ฟัง ซึ่งแพทย์จะช่วยวินิจฉัยอาการของคุณ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่สามารถทดสอบการติดเชื้อได้ และคุณไม่สามารถทดสอบซ้ำได้อีก” Dr.Greg Poland กล่าว
นี่เป็นโอกาสที่คุณจะได้คิดอย่างมีรอบคอบก่อนตัดสินใจเข้ารับการวินิจฉัย
“คุณจะต้องทำตามขั้นตอนต่อไป หากคุณมีความสงสัยมากขึ้น” Dr.Greg Poland กล่าว
ถ้าไม่ใช่ไวรัสโคโรน่าก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ร้ายแรง
Dr.Greg Poland กล่าวว่า “ในช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมามีรายงานว่า ชาวอเมริกันจำนวน 30 ล้านคนติดเชื้อไวรัส ผู้ป่วยประมาณ 300,000 – 500,000 ราย มีอาการหนักจนต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลและพบผู้เสียชีวิตมากถึง 30,000 คน ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ พวกเรารู้สึกสงสัยว่ามันเป็นแค่ไข้หวัดใหญ่จึงไม่ได้จริงจังกับตัวเลขเหล่านี้ ในทางตรงกันข้ามไวรัสโคโรน่านั้นคร่าชีวิตผู้คนไปประมาณ 3,300 รายในช่วงเวลาเดียวกัน”
ถูกต้อง! ไวรัสโคโรน่าอาจมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่า แต่ Dr.Greg Poland ได้ชี้ให้เห็นว่า เมื่อมีผู้คนจำนวนมากที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่ามากขึ้น โอกาสการแพร่เชื้อก็จะเพิ่มมากขึ้นด้วย
แม้อัตราผู้เสียชีวิตจะมีความแตกต่างทางด้านสถิติ โดยไข้หวัดใหญ่นั้นแพร่เชื้อได้มาก และดูเหมือนว่ามีแนวโน้มที่จะกลายเป็นปัญหาสำหรับประชาชนทั่วไปมากขึ้น
“เมื่อมีผู้ติดเชื้อ 30 ล้านคน มันง่ายมากที่จะติดเชื้อในอีก 10 ล้านคนต่อไป” Dr.Greg Poland กล่าว
ในขณะที่ใช้ความระมัดระวังเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรน่า คุณอาจจะมีชีวิตอยู่กับความไม่มั่นใจ เมื่อมันกลายเป็นเรื่องที่น่าวิตกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ ดังนั้นขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่าคุณจะใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง คำนึงถึงประวัติทางการแพทย์ของคุณ เฝ้าติดตามอาการผิดปกติต่างๆ และคิดให้รอบคอบ ถึงแม้ว่าสถานการณ์บางอย่างของคุณนั้นจะทำให้คุณมีความเสี่ยง หรือแท้จริงแล้วคุณเพียงแค่ต้องการยาแก้แพ้และการพักผ่อนเท่านั้นเอง
สอบถามปัญหา โรคภูมิแพ้ ไข้หวัดใหญ่ และ ไวรัสโคโรน่า กับคุณหมอกอล์ฟ ได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไข้หวัด อาการไอ ปวดท้อง ภูมิแพ้ ได้ฟรี! ตลอด 24 ชั่วโมง ถามเลย ที่นี่
ติดตาม GedGoodLife ช่องทางอื่น ๆ ได้ที่…
Facebook : GEDGoodLife
Nutroplex : nutroplexclub
Twitter : @gedgoodlife
Line : @gedgoodlife
Youtube : GEDGoodLife ชีวิตดีดี
TikTok : @gedgoodlife