“ไส้ติ่งอักเสบ” อาการปวดท้องข้างขวาล่าง ที่ต้องรีบผ่าตัดก่อนไส้ติ่งแตก!

28 มิ.ย. 24

 

โอย โอย… ปวดท้องน้อยข้างขวาจัง พอไปพบหมอ หมอวินิจฉัยว่าเป็น ไส้ติ่งอักเสบ! ถ้าไม่ผ่าตัดอาจอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เลย! เจ้าโรคนี้มันน่ากลัวขนาดนี้เลยหรือคะ? อย่าเพิ่งกังวลไป วันนี้GedGoodLife มีคำตอบมาให้แล้ว

มาทำความรู้จักกับ “ไส้ติ่ง” กันก่อน

ไส้ติ่ง (Appendix) มีลักษณะเป็นท่อตันบาง ๆ มีความยาวเฉลี่ย 11 ซม.ที่แยกมาจากบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนต้น โดยตำแหน่งจะอยู่บริเวณท้องน้อยด้านขวาล่าง

ในอดีตไส้ติ่งเคยถูกมองข้ามว่าเป็นอวัยวะที่ไร้ประโยชน์ในร่างกาย แต่ในปี 2007 ศูนย์วิจัยจากมหาวิทยาลัยDuke (Duke University Medical Center) ได้ค้นพบว่า ไส้ติ่งทำหน้าที่เหมือนบ้านอันอบอุ่น และปกป้องเชื้อจุลินทรีย์ในช่องท้องของคนเรานั่นเอง จุลินทรีย์ที่ว่านี้ช่วยในระบบการย่อยอาหาร นอกจากนี้ไส้ติ่งยังทำหน้าที่กระตุ้นระบบย่อยอาหารให้กลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย


ไส้ติ่งอักเสบ คืออะไร?

ไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis) เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้อย่างเฉียบพลัน เป็นโรคที่พบบ่อย และทำให้มีการผ่าตัดช่องท้องฉุกเฉินมากที่สุด เกิดขึ้นได้กับทุกวัย ทั้งเพศชาย และเพศหญิง โดยจะพบมากในช่วงอายุ 12 – 60 ปี และถ้ารักษาไม่ทันท่วงที สามารถเสียชีวิตได้เลยทีเดียว!

ไส้ติ่งอักเสบ

สาเหตุของการเกิดไส้ติ่งอักเสบ

ไส้ติ่งจะอักเสบ ก็ต่อเมื่อมีภาวะอุดตัน โดยมักจะอุดตันจาก…

  • เกิดจากการอุดตันของไส้ติ่ง เช่น มีอุจจาระ หรือกากอาหารตกลงไปในไส้ติ่ง ทำให้เกิดอาการอักเสบ โดยภาวะอุดตัน ทำให้แบคทีเรียเพิ่มขึ้นเมื่อมีการอักเสบ ผลที่ตามมาคือ การเน่าและการแตกทะลุของไส้ติ่งนั่นเอง
  • การอุดตันอาจเกิดขึ้นได้จากพยาธิลำไส้ เช่น พยาธิเข็มหมุด พยาธิไส้เดือน พยาธิตัวตืด เป็นต้น ใครทื่ชอบกินของดิบ ๆ ไม่สะอาด ไม่ปรุงสุก ต้องระวังให้ดี

อาการปวดท้องจาก ไส้ติ่งอักเสบ

คนไข้มักจะเข้ามาพบแพทย์ด้วยอาการปวด จุก ๆ แน่น ๆ รอบ ๆ สะดือ มวนท้องไปทั่ว อาการปวดอาจจะคล้ายกับลำไส้อักเสบทั่วไป แต่ผ่านไปสักพักจะเริ่มปวดท้องที่ด้านขวาล่าง โดยอาการปวดแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ

ปวดท้องระยะแรก – มีอาการปวดทั่ว ๆ ทั้งหน้าท้อง บริเวณรอบสะดือ และจะค่อย ๆ มากขึ้น ถึงแม้จะทานยาแก้ปวดก็ทุเลาเพียงชั่วคราวเท่านั้น

ปวดท้องระยะที่สอง – ประมาณ 2 ชั่วโมง จนถึง 24 ชั่วโมงต่อมา จะปวดท้องบริเวณด้านขวาตอนล่าง ลักษณะปวดเสียดตลอดเวลา การเคลื่อนไหวร่างกายจะทำให้ปวดมากขึ้น และถ้ากดท้องจะพบว่ากดเจ็บบริเวณท้องน้อยด้านขวา โดยเฉพาะตรงจุดตำแหน่งไส้ติ่ง

  • อาการร่วมเมื่อไส้ติ่งอักเสบระยะที่สอง คือ คลื่นไส้อาเจียนภายหลังจากปวดท้อง ปากแห้ง คอแห้ง มีไข้ต่ำ แต่ถ้ามีไข้สูง ปวดท้องน้อยทั้งซ้ายและขวา หรือปวดทั่วท้องมักจะเป็นเพราะ ไส้ติ่งได้แตกแล้ว

ไส้ติ่งอักเสบ

วิธีการตรวจดูอาการไส้ติ่งอักเสบอย่างง่าย ๆ ด้วยตัวเอง

– ให้ผู้ป่วยนอนหงายแล้วใช้นิ้วมือกดลงลึก ๆ เบา ๆ หรือใช้กำปั้นทุบเบา ๆ ตรงบริเวณไส้ติ่ง (ท้องน้อยข้างขวา) ถ้าพบว่ามีอาการเจ็บปวดตรงบริเวณนั้นมาก ก็ให้สงสัยไว้ก่อนว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบ

– บางรายอาการปวดเจ็บท้องอาจอยู่นอกตำแหน่งท้องน้อยข้างขวา (เนื่องจากไส้ติ่งอยู่ในตำแหน่งที่ผิดไปจากปกติ) หรือบางรายอาจมีอาการปวดท้องร่วมกับท้องผูกหรือท้องเสียก็ได้

– ถ้ารู้สึกปวดท้องอยากถ่ายบ่อย ๆ แต่ถ่ายไม่ออก อย่านึกว่าเป็นอาการท้องผูกธรรมดา และห้ามทำการสวนอุจจาระหรือกินยาถ่าย หรือยาระบาย เพราะอาจจะทำให้ไส้ติ่งแตกได้

– ในระยะแรกผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดใต้ลิ้นปี่หรือรอบ ๆ สะดือ คล้ายอาการของโรคกระเพาะ จึงควรเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ถ้ากินยาแก้โรคกระเพาะแล้วอาการยังไม่ทุเลา กลับมีอาการปวดรุนแรงขึ้น หรือย้ายมาปวดตรงท้องน้อยข้างขวาก็ควรนึกถึงไส้ติ่งอักเสบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีอาการปวดท้องน้อยต่อเนื่องกันนานเกิน 6 ชั่วโมง

– อาการปวดท้องน้อยข้างขวา นอกจากไส้ติ่งอักเสบแล้ว ยังอาจเกิดได้จากสาเหตุอื่น ๆ เช่น นิ่วในท่อไต ปวดประจำเดือน ปีกมดลูกอักเสบเฉียบพลัน กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน การตั้งครรภ์นอกมดลูก เป็นต้น ซึ่งผู้ป่วยจะมีลักษณะอาการที่แตกต่างกันออกไป


อันตรายจากไส้ติ่งแตก!

“ภาวะไส้ติ่งแตก” เป็นภาวะที่เกิดขึ้นหลังไส้ติ่งมีการอักเสบ แต่ไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที โดยหลังเกิดการอักเสบ ผนังไส้ติ่งอาจเน่าและแตกทะลุภายใน 24-36 ชั่วโมง และหากผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาภาวะไส้ติ่งแตกในทันที อาจอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้

เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะไส้ติ่งแตก ควรได้รับการผ่าตัดทันทีเมื่อรู้ว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบ ด้วยการผ่าตัดแบบส่องกล้อง (Laparoscopic Surgery) เพราะเป็นการผ่าตัดเล็กสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ทันที เหมาะกับกรณีไส้ติ่งที่อักเสบยังอยู่ในระยะไม่ร้ายแรงนัก

หากรุนแรงถึงขั้นไส้ติ่งแตก ก็จะต้องใช้การผ่าตัดแบบเปิด (Open Surgery) ซึ่งเป็นผ่าตัดแบบมาตรฐาน เพราะนอกจากจะต้องนำไส้ติ่งที่แตกออกแล้ว ยังต้องทำความสะอาดภายในช่องท้อง และใส่ท่อเพื่อระบายหนองจากฝีที่เกิดขึ้นอีกด้วย


การรักษา ไส้ติ่งอักเสบ

– ตรวจร่างกาย ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ เอกซเรย์ เพื่อวินิจฉัยโรคให้แน่นอน

– การรักษาไส้ติ่งอักเสบจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเท่านั้น โดยการผ่าตัดผ่านกล้องเป็นวิธีการมาตรฐานในการรักษา เนื่องจากมีข้อดีหลายข้อ เช่น เห็นไส้ติ่งได้ชัดเจน เจ็บแผลน้อยกว่า ฟื้นตัวได้เร็วมากขึ้น และลดภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นจากการผ่าตัดได้

– ปัจจุบันเมื่อเราผ่าตัดภายในช่องท้อง เช่น ผ่าตัดคลอดบุตร ผ่าตัดมดลูก หรือปีกมดลูก แพทย์อาจจะทำการผ่าตัดไส้ติ่งออกให้เลย เพราะจะได้ไม่เกิดการอักเสบขึ้นภายหลัง

– สำหรับสุภาพสตรี อาการของไส้ติ่งอาจคล้ายกับอาการปีกมดลูกอักเสบ ซึ่งสูติ-นรีแพทย์ จะเป็นผู้ให้การรักษาโดยการให้ยาปฏิชีวินะ แต่ต้องให้การวิเคราะห์โรคให้ได้ก่อนรักษา

การดูแลตนเองหลังการผ่าตัด

  1. นอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล 3 วัน
  2. หลังจากพักฟื้นที่โรงพยาบาล ควรพักผ่อนต่อที่บ้านอีก 7 วัน
  3. ห้ามยกของหนัก ประมาณ 2 เดือน
  4. งดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

GedgoodLife สรุปให้

  1. ไส้ติ่ง (appendix) มีลักษณะเป็นท่อตันบาง ๆ มีความยาวเฉลี่ย 11 ซม.ที่แยกมาจากบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนต้น โดยตำแหน่งจะอยู่บริเวณท้องน้อยด้านขวาล่าง
  2. ไส้ติ่งทำหน้าที่เหมือนบ้านอันอบอุ่น และปกป้องเชื้อจุลินทรีย์ในช่องท้องของคนเรานั่นเอง
  3. ไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis) เกิดจากภาวะอุดตันจากอุจจาระ กากอาหารตกลงไปในไส้ติ่ง หรือจากพยาธิลำไส้ ทำให้เกิดอาการอักเสบ เน่า และแตกทะลุของไส้ติ่งได้
  4. อาการของไส้ติ่งอักเสบ มักมีอาการปวดที่ด้านขวาล่างของช่องท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ปากแห้ง คอแห้ง
  5. การรักษาไส้ติ่งอักเสบจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเท่านั้น โดยการผ่าตัดผ่านกล้องเป็นวิธีการมาตรฐานในการรักษา และควรรับการผ่าตัดทันที เพื่อป้องกันภาวะไส้ติ่งแตก

ไส้ติ่งอักเสบเป็นโรคที่เกิดขึ้นโดยเฉียบพลัน ยากที่จะป้องกัน การรู้เท่าทัน และรีบพบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการ จะช่วยให้ทำการรักษาได้อย่างถูกต้อง และทันท่วงที ผู้ป่วยไม่ควรซื้อยามาทานเองโดยเด็ดขาด เพราะ โรคนี้จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดเท่านั้น

อ้างอิง :

1. ประโยชน์ของไส้ติ่ง – sciencedaily.com
2. วิธีการตรวจดูอาการไส้ติ่งอักเสบอย่างง่าย ๆ – medthai.com
3. อันตรายจากไส้ติ่งแตก! – pobpad.compaolohospital.com

ถามหมอออนไลน์ ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไข้หวัด อาการไอ ปวดท้อง ภูมิแพ้  ได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง ถามเลย ที่นี่

ติดตามGedGoodLife ช่องทางอื่น ๆ ได้ที่…

Facebook : GEDGoodLife
Nutroplex : nutroplexclub
Twitter      : @gedgoodlife
Line          : @gedgoodlife
Youtube   : GEDGoodLife ชีวิตดีดี

คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

askexpert

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้ประเภทนี้จะช่วยจดจำข้อมูลคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ท่านใช้เข้าชมเว็บไซต์ ข้อมูลการลงทะเบียนหรือ log in ข้อมูลการตั้งค่าหรือตัวเลือกที่ท่านเคยเลือกไว้บนเว็บไซต์ เช่น ภาษาที่แสดงบนเว็บไซต์ ที่อยู่สำหรับจัดส่งสินค้า เพื่อให้ท่านสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องให้ข้อมูลหรือตั้งค่าใหม่ทุกครั้งที่ท่านเข้าใช้เว็บไซต์ ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้ประเภทนี้ ท่านอาจใช้งานเว็บไซต์ได้ไม่สะดวกและไม่เต็มประสิทธิภาพ
    Cookies Details

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์เเละด้านฟังก์ชั่น

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อให้เราสามารถวัดผล ประเมิน ปรับปรุง และพัฒนาเนื้อหาสินค้า/บริการและเว็บไซต์ของเราเพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของท่าน ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้ประเภทนี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ประเมิน และพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

  • คุกกี้โฆษณา

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและสร้างโปรไฟล์เกี่ยวกับตัวท่าน เพื่อให้เราสามารถวิเคราะห์และนำเสนอเนื้อหา สินค้า/บริการ และ/หรือ โฆษณาที่เหมาะสมกับความสนใจของท่านได้ ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้ประเภทนี้ ท่านอาจได้รับข้อมูลและโฆษณาทั่วไปที่ไม่ตรงกับความสนใจของท่าน
    Cookies Details

Save