ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่รวดเร็วหรือมลพิษทางอากาศที่เพิ่มขึ้น การรู้จักอาการและประเภทของโรคหวัดจะช่วยให้เราสามารถรับมือได้อย่างถูกวิธี
โรคหวัด คืออะไร
โรคหวัด คือการติดเชื้อที่บริเวณทางเดินหายใจส่วนบน ได้แก่ จมูก คอ โพรงไซนัสและหลอดลม โดยมีเชื้อไวรัสเป็นเชื้อก่อโรค โรคหวัดเป็นโรคที่สามารถพบเจอได้ทั่ว ไป ผู้ใหญ่สามารถเป็นหวัดได้สองถึงสามครั้งต่อปี ในขณะทีเด็กเล็กอาจเป็นหวัดได้สี่ครั้งขึ้นไปต่อปี
โรคหวัด เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง
โรคหวัด เกิดจากไวรัสได้หลายสายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่เป็นสาเหตุของโรคหวัดมากที่สุดคือ Rhinovirus ไวรัสสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ผ่านทางปาก ตา และจมูก
อาการของโรคหวัดที่ควรรู้
โรคหวัด มักมีอาการน้ำมูกไหล โดยน้ำมูกอาจเป็นสีใสและกลายเป็นข้นเหนียว มีสีเหลืองหรือเขียวได้แต่หากไม่ได้เกิดสีนี้ตลอดทั้งวัน อาจไม่ใช่การติดเชื้อแบคทีเรีย มีอาการไอ จาม เจ็บคอ ปวดหัวหรือปวดร่างกายเล็กน้อย มีไข้ต่ำ ๆ
ไข้หวัดทั่วไป VS ไข้หวัดใหญ่ ต่างกันยังไง
ความแตกต่างระหว่างไข้หวัดทั่วไปและไข้หวัดใหญ่คือความรุนแรงของอาการ โดยในไข้หวัดใหญ่จะมีอาการรุนแรงมากกว่าไข้หวัดทั่วไป และมักพบอาการไข้ หนาวสั่น ปวดหัว ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนแรง เจ็บหน้าอก ในขณะที่อาการหวัดทั่วไปมักมีอาการ คัดจมูก น้ำมูกไหล และเจ็บคอ ไม่ค่อยพบอาการ ไข้ หนาวสั่น และปวดหัว
โรคหวัด มีกี่ประเภท
โรคหวัด ส่วนมากมักเกิดจากเชื้อไวรัสเป็นหลัก และจะพบในกรณีส่วนน้อยที่อาจเกิดติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน
1. โรคหวัดที่เกิดจากเชื้อไวรัส
-
- ระยะเริ่มต้น (วันที่ 1-3): เมื่อผู้ป่วยได้รับเชื้อภายใน 1 ถึง 3 วัน จะพบว่ามีอาการระคายเคืองคอ เจ็บคอ และอาจพบอาการน้ำมูกไหล คัดจมูก จาม ไอ หรือเสียงแหบได้
- ระยะ active (วันที่ 4-7): อาการเริ่มแย่ลง และพบอาการอื่นเพิ่มเติมได้แก่ ปวดศีรษะหรือปวดหัว อ่อนแรง ในเด็กส่วนมากมักพบอาการไข้ร่วมด้วย
- ระยะ late (วันที่ 8-10): อาการมักจะดีขึ้นในระยะนี้ แต่บางคนอาจพบอาการไอเรื้อรังที่เกิดขึ้นได้นานถึง 2 เดือน หากอาการต่างๆ แย่ลงหรือกลับมามีไข้ ควรรีบพบแพทย์ทันที
2. โรคหวัดที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
-
- โรคหวัดที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย มักพบได้น้อย แต่มีอาการรุนแรงกว่า ระยะเวลาในการเกิดโรคมักนานกว่า 10-14 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ และกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง แน่นหน้าอก หายใจได้ลำบาก สารคัดหลั่งมีสีเหลืองหรือเขียวตลอดทั้งวัน
วิธีรักษาโรคหวัด
โรคหวัดจากเชื้อไวรัสสามารถหายได้เองภายใน 7-10 วัน แต่การรับประทานยาจะช่วยบรรเทาอาการได้ในเบื้องต้น โดยไม่มีความจำเป็นต้องทานยาปฏิชีวนะ หากไม่ได้มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน กลุ่มยาที่ช่วยในการบรรเทาอาการ ได้แก่
- ยาแก้ปวดลดไข้ เช่น ยาลดไข้ บรรเทาหวัดสูตรผสม ที่มีตัวยา 2 ชนิด ใน 1 เม็ด สำหรับอาการปวดหัวหรือมีไข้
- ยาบรรเทาอาการคัดจมูก ช่วยให้หายใจโล่งขึ้น
- ยาแก้แพ้ ใช้เมื่อมีอาการน้ำมูกไหลหรือจาม
- ยาบรรเทาอาการไอ ใช้เมื่อมีอาการไอหรือมีเสมหะ
- สำหรับเด็กเล็ก ที่ยังสั่งน้ำมูกเองไม่ได้ สามารถใช้ น้ำเกลือหยดจมูก เพื่อลดความข้นเหนียวของน้ำมูก และใช้ที่ดูดน้ำมูกช่วยดูดออก
โรคแทรกซ้อนที่เกิดจากหวัด
โรคหวัด สามารถทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาได้
- หูชั้นกลางอักเสบ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดหูเนื่องจากเกิดการบวมและคั่งของน้ำภายในช่องว่างหลังแก้วหู
- หายใจมีเสียงหวีด ซึ่งอาการจะรุนแรงขึ้นในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเป็นโรคหอบ
- ติดเชื้อในโพรงไซนัส ทำให้เกิดอาการบวมและปวดบริเวณโพรงไซนัส
- หลอดลมอักเสบและปอดอักเสบ โดยผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเป็นโรคหอบหรือภูมิคุ้มกันบกพร่องจะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้ได้มากกว่า
วิธีป้องกันโรคหวัด
การป้องกันโรคหวัดทำได้ง่าย ๆ ด้วยการดูแลสุขภาพและหลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อโรค โดยปฏิบัติตามวิธีต่อไปนี้
- ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำเปล่าอย่างน้อย 20 วินาที
- ทำความสะอาดพื้นผิวที่สัมผัสบ่อย เช่น ลูกบิดประตู สวิตช์ไฟ โต๊ะ และโทรศัพท์
- ปิดปากและจมูกเมื่อไอหรือจาม เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค
- ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ ช้อนส้อม ผ้าเช็ดหน้า
- หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด หรือใกล้ชิดผู้ที่ป่วยเป็นหวัด
- ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง โดยพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
โรคหวัด คือโรคติดเชื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนบน สาเหตุของการเกิดโรคหวัดมักเกิดจากเชื้อไวรัสเป็นส่วนใหญ่อาการของโรคมักไม่รุนแรงสามารถหายได้เองใน 7-10 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการน้ำมูกไหล ไอคอแห้ง จาม เจ็บคอ ปวดหัวหรือปวดร่างกายเล็กน้อย มีไข้ต่ำๆ เมื่อมีอาการเหล่านี้ สามารถรับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการได้
Reference:
- Centers for Disease Control and Prevention (CDC). Cold or Flu? [Internet]. Atlanta: CDC; 2023 [cited 2025 Feb 22]. Available from: https://www.cdc.gov/flu-resources/php/resources/cold-or-flu.html
- Centers for Disease Control and Prevention (CDC). Common Cold: About [Internet]. Atlanta: CDC; 2023 [cited 2025 Feb 22]. Available from: https://www.cdc.gov/common-cold/about/index.html
- Mayo Clinic. Common cold: Symptoms and causes [Internet]. Rochester, MN: Mayo Clinic; 2023 [cited 2025 Feb 22]. Available from: https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/common-cold/symptoms-causes/syc-20351605
- Mäkelä MJ, Puhakka T, Ruuskanen O, Leinonen M, Saikku P, Kimpimäki M, et al. Viruses and bacteria in the etiology of the common cold. J Clin Microbiol [Internet]. 1998 Feb [cited 2025 Feb 22];36(2):539-42. Available from: https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC104573/
- Cleveland Clinic. Common cold [Internet]. Cleveland, OH: Cleveland Clinic; 2023 [cited 2025 Feb 22]. Available from: https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/12342-common-cold
- Is my cold caused by a virus or bacteria? How to determine and treat accordingly [Internet]. Secaucus, NJ: MedShun; 2024 Mar 23 [cited 2025 Feb 22]. Available from: https://medshun.com/article/is-my-cold-viral-or-bacterial