เคยไหมที่มี น้ำมูกอุดตัน จนทำให้หายใจไม่ออก รู้สึกทรมาน จนต้องควานหายาลดน้ำมูกทันที… ถึงแม้ยาลดน้ำมูกจะให้ผลลัพธ์ที่ดี แต่ก็อาจจะไม่เพียงพอ วันนี้เราจึงมีวิธีการดี ๆ ที่จะช่วยให้น้ำมูกลดลง ไม่มาอุดตันจมูกของคุณจนหายใจได้ยากอีกต่อไป มาลองทำตามวิธีการเหล่านี้กันดีกว่า!
1. กดจุดช่วยได้
เชื่อหรือไม่ว่า แค่การกดจุดธรรมดา ๆ ก็สามารถช่วยลดน้ำมูกได้ ให้ใช้นิ้วกดลงตรงด้านข้างปีกจมูกทั้ง 2 ข้าง โดยกดค้างประมาณ 2 วินาทีเท่านั้น! ก่อนจะปล่อยมือ ทำซ้ำประมาณ 20 – 30 ครั้ง เพียงแค่นี้ คุณก็จะเริ่มรู้สึกว่าหายใจสะดวกขึ้นมากทีเดียว
2. สูดไอน้ำร้อน
การสูดไอน้ำร้อน จะทำให้เยื่อบุจมูกที่บวมอยู่คลายตัว และทำให้เราหายใจได้สะดวกขึ้น เพียงแค่นำน้ำร้อนใส่ในภาชนะ แล้วคลุมโปงศีรษะด้วยผ้าขนหนู เอาหน้าไปอังด้านบนภาชนะเพื่อสูดไอความร้อนทีละนิด โดยให้ใบหน้าอยู่ห่างจากน้ำร้อนในระยะที่พอเหมาะ ใช้ชายผ้าขนหนู ช่วยกันไอความร้อนให้วนอยู่บริเวณใบหน้าของคุณ
อาจใส่สมุนไพร เช่น หอมแดง หรือขิง ในน้ำร้อนด้วยก็ได้ เพราะสมุนไพรเหล่านี้ มีคุณสมบัติที่ช่วยให้เราหายใจได้สะดวกขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้น เวลาทำวิธีนี้ ระวังน้ำร้อนลวกด้วยนะคะ
3. ทำโยคะท่านักรบ
โยคะท่านี้ สามารถช่วยระบายน้ำมูกที่อุดตันอยู่ในรูจมูกได้ดี ลดอาการแน่นจมูก ทำให้หายใจสะดวก หายใจได้ลึกขึ้น และยังช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง ไหล่ คอ และข้อต่อต่าง ๆ ได้อีกด้วย
4. วิดพื้น!
หลายคนสงสัยว่า แค่วิดพื้นก็ช่วยให้น้ำมูกหายอุดตันได้จริงหรือ ความจริงแล้ว เมื่อวิดพื้น คุณจะต้องหายใจเข้าทางปาก และหายใจออกทางจมูก พร้อมกับออกกำลังกายเบา ๆ สักประมาณ 5 นาที บางคนจึงใช้การวิดพื้นไม่กี่ครั้งเพื่อช่วยให้หายใจได้สะดวกขึ้น
5. ดื่มน้ำเปล่า
การดื่มน้ำเปล่าในปริมาณที่เหมาะสม หรือการดื่มน้ำอุ่นจะช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกได้ ช่วยให้น้ำมูกไม่จับตัวเหนียว และปิดกั้นโพรงจมูก
6. ออกกำลังกาย
แค่สละเวลามาออกกำลังกายบ้าง วันละ 1-2 ชั่วโมง อาทิตย์ละ 2-3 ครั้งก็พอแล้ว ออกไปที่สวนสาธารณะแถวบ้าน หรือตามสถานที่ฟิตเนสใกล้บ้านก็ได้ ไม่ต้องถึงขั้นวิ่งมาราธอน หรือวิ่ง 100 เมตร จะวิ่งซัก 10 นาที แล้วพัก 2-3 นาที ให้หายเหนื่อยก็ได้ แล้วค่อยวิ่งต่อ
การมี น้ำมูกอุดตัน เป็นอาการหนึ่งที่บ่งบอกว่าร่างกายของคุณกำลังอ่อนแอ ร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอ คุณจึงควรพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารให้ครบห้าหมู่ และการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอด้วย ทั้งนี้ผู้ป่วยอาจเข้ารับการรักษาด้วยแพทย์ จาก โรงพยาบาลตา หู คอ จมูก หรือ ด้านภูมิแพ้โดยเฉพาะ คุณหมอก็จะวินิจฉัยโรคได้ตรงจุดนะคะ
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไข้หวัด อาการไอ ปวดท้อง ภูมิแพ้ ได้ฟรี! ตลอด 24 ชั่วโมง ถามเลย ที่นี่