รอยปื้นดำบริเวณคอ หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า “คอดำ” เป็นเรื่องที่สร้างความลำบากใจให้ใครหลายคนที่กำลังเผชิญอยู่ นอกจากจะเสียบุคลิกภาพแล้ว ยังทำให้ขาดความมั่นใจอีกด้วย! วันนี้เราจะมาค้นหาคำตอบกันว่าสาเหตุของคอดำนั้น เกิดจากขี้ไคลทั่วไป หรือเกิดจากโรคกันนั่น!? พร้อมวิธีแก้คอดำ ให้กลับมาหายดำไม่ต้องอายใคร!
- 9 ผลไม้น้ำตาลน้อย ดีต่อใจ ห่างไกล เบาหวาน
- การลดน้ำหนักแบบ IF คืออะไร เหมาะกับใคร เริ่มต้นยังไง ดีต่อสุขภาพยังไงบ้าง?
- น้ำตาลในเลือด คุมอย่างไรให้อยู่หมัด! ห่างไกลจากโรคเบาหวาน
คอดำ เกิดจากอะไร แค่ขี้ไคล หรือเป็นโรค?
คอดำ (ทางการแพทย์เรียกว่า Acanthosis Nigricans) เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่มีลักษณะผิวคล้ำ หนา และอาจมีกลิ่นเหม็นได้ เกิดขึ้นจากการที่ร่างกายมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน (insulin resistance) เนื่องจากระดับอินซูลินที่สูงจะไปกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังมีการเจริญมากขึ้น โดยเราจะแยกสาเหตุหลัก และสาเหตุรองไว้ให้ดังนี้
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดรอยปื้นดำที่คอ
- การเสียดสีไปมาของคนที่มีน้ำหนักตัวมาก ๆ (หรือคนที่เป็นโรคอ้วน)
- ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีรูปร่างอ้วน
- โรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ และมะเร็งตับ เป็นต้น
- ผู้ที่ได้รับยาบางชนิด เช่น การคุมกำเนิด และยาสเตียรอยด์ เป็นต้น
- กรรมพันธุ์ ฮอร์โมน ความเครียด และอาการภูมิแพ้
- ภาวะตั้งครรภ์
สาเหตุรองลงมา ได้แก่
- ไม่ดูแลทำความสะอาดร่างกายจนเกิดเป็นคราบขี้ไคล
- รอยดำตามหลัง ผิวหนังอักเสบ
- ความอับชื้น
- สวมใส่เสื้อผ้ารัดคอ หรืออุปกรณ์เครื่องประดับรัดคอจนเกิดการเสียดสีไปมาบ่อย ๆ
- สีผิว พบได้ในคนผิวดำมากกว่าคนผิวขาว
ใครที่มีรอยดำที่คอ โดยเฉพาะคนที่มีน้ำหนักมาก ควรเข้าปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคต่าง ๆ ได้
อ้วนแล้วไม่ใช่แค่คอดำ แต่ยังทำให้รักแร้ดำ ขาหนีบดำอีกด้วย!
ใครที่รู้สึกว่าตัวเองอวบขึ้น อ้วนขึ้น ให้ลองสังเกตดูว่าตัวเองจะเริ่มมีผิวหนังบริเวณคอ รักแร้ หรือขาหนีบดำขึ้น มีรอยขีด ๆ ดำ ๆ นั่นก็เพราะว่า ร่างกายมี “ภาวะที่ดื้อต่ออินซูลิน” หมายถึง การที่มีระดับอินซูลินในเลือดที่เพียงพอแต่ออกฤทธิ์ไม่ดี เป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของโรคเบาหวาน
โดยอินซูลินเป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่สร้างจากเบต้าเซลล์ของตับอ่อน มีหน้าที่ลดระดับนํ้าตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่ปกติ จะหลั่งออกมามากหลังรับประทานอาหาร ซึ่งเป็นช่วงที่ระดับนํ้าตาลในเลือดสูงขึ้นมากกว่าช่วงก่อนอาหาร อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตจะทำให้ระดับนํ้าตาลสูงขึ้นได้เร็ว และจะเป็นตัวกระตุ้นให้มีการหลั่งอินซูลินออกมาจากตับอ่อน เพื่อควบคุมให้ระดับนํ้าตาลลดลงสู่ปกติ
วิธีควบคุมระดับนํ้าตาลไม่ให้สูงมากเกินไปอย่างหนึ่ง คือ การควบคุมปริมาณอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต โดยเฉพาะอย่างยิ่งคาร์โบไฮเดรตชนิดที่ดูดซึมได้รวดเร็ว เช่น นํ้าตาล นํ้าหวาน นํ้าผลไม้ นํ้าผึ้งของหวานทุกชนิดอาหารอื่น ๆ ที่มีส่วนผสมของนํ้าตาลมาก
วิธีแก้ปัญหาคอดำ อย่างถูกต้อง และถาวร
หลายต่อหลายคน ได้ลองใช้สูตรแก้คอดำต่าง ๆ ในโลกโซเชียล แต่ก็ยังไม่หายสักที นั่นก็เพราะว่ายังแก้ไม่ตรงจุด เพราะการจะแก้คอดำได้ต้องเริ่มจาก…
1. ลดความอ้วน การแก้ปัญหาที่ตรงจุดที่สุด!
ปัญหาคอดำส่วนใหญ่เลย มักเกิดกับคนอ้วน การลดความอ้วนจึงเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด พยายามลดอาหารหวาน ควบคุมน้ำหนักให้ได้ ออกกำลังกายทุกวัน ลดแป้ง ข้าว น้ำตาล ในช่วงเย็น เน้นโปรตีนกับผัก ทำให้ภาวะดื้อต่ออินซูลินค่อย ๆ ลดลง แล้วปัญหาเรื่องคอดำ ก็จะหายไปได้อย่างถาวร และยังเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดคอดำในอนาคตอีกด้วย
2. การรับประทานยาเพื่อรักษาโรคที่เป็นสาเหตุ
เช่น ยารักษาระดับฮอร์โมน และยารักษาระดับอินซูลิน เป็นต้น
3. เลี่ยงสิ่งที่แพ้
บางคนมีอาการคอดำ ที่เกิดจากการแพ้ เช่น แพ้สร้อยคอที่สวมใส่ ทำให้เกิดผื่น เกิดการอักเสบ แนะนำให้เลี่ยงสิ่งที่แพ้ หรือปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อหาสาเหตุที่แพ้ หรือทำการรักษาต่อไป
4. การผ่าตัด
ในกรณีที่ผู้ป่วยมีเซลล์มะเร็งในร่างกายที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการ Acanthosis Nigricans ซึ่งอาการบนผิวหนังมักดีขึ้นหลังได้รับการผ่าตัด
5. ผลัดเซลล์ผิว
ผิวบริเวณที่คอดำ จะมีความหนาตัวขึ้น ทางแก้ก็คือ ต้องทำให้ผิวบางลงด้วยการผลัดเซลล์ผิว สครับผิว หรือใช้เลเซอร์ในการลดเม็ดสี
6. เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง
การใช้ครีมบำรุงผิวที่มีสารบำรุงให้ผิวหนังชุ่มชื้น อย่าง เบบี้ออยล์ หรือครีมผสมมอยเจอไรเซอร์ จะช่วยให้ภาวะคอดำเบาบางลงได้
7. หลีกเลี่ยงแสงแดด
โดยเฉพาะแสงแดดในช่วง เที่ยงถึงช่วงบ่ายสามโมง เป็นแสงแดดที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะมีรังสี UVB อยู่เข้มข้น ทำให้ผิวถูกเผาไหม้ได้มากกว่าช่วงเวลาอื่น
8. ปรึกษาแพทย์ผิวหนังโดยตรง
หากลองวิธีต่าง ๆ มาหมดแล้ว ยังไม่หายผิวดำคล้ำที่คอ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนังโดยตรง เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องต่อไป
ปัจจุบันยังไม่มียา หรือการรักษาภาวะคอดำจำเพาะ แต่พบว่าหากลดน้ำหนักลงได้ตามความเหมาะสม ปัญหาเรื่อง คอดำ รักแร้ดำ ข้อพับดำ ก็จะค่อย ๆ หายไปได้เองอย่างธรรมชาติและถาวร และหากใครที่มีน้ำหนักตัวเกิน ควรเข้าตรวจคัดกรองโรคเบาหวานอีกทาง เพื่อจะได้ดูแลตนเองได้อย่างเหมาะสมนั่นเอง
อ้างอิง : 1. คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล 1/2 2. พบแพทย์ 3. Dr. Team