เวลาไม่สบาย ปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ ไอจาม มีน้ำมูกไหล ใคร ๆ ก็มักมองว่านี่คือลักษณะของอาการ ไข้หวัด แต่จริง ๆ แล้วไข้หวัดที่เรามองว่าธรรมดานั้น ยังสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ตามลักษณะ และความรุนแรงของอาการป่วยได้อีกด้วย เรามาดูกันดีกว่าว่า อาการของไข้หวัดแต่ละแบบนั้นเป็นอย่างไร
ไข้หวัดธรรมดา
ไข้หวัดหรือ โรคหวัด (Common cold, Upper respiratory tract infection – URI) เกิดจากเชื้อไวรัสได้หลายชนิด โดยจะส่งผลให้เยื่อบุจมูกบวมแดง และมีการหลั่งสารเมือก ๆ เช่น น้ำมูก หรือเสมหะออกมา
อาการของไข้หวัด เบื้องต้นจะมีอาการจาม น้ำมูกไหล คัดจมูก ปวดศีรษะเล็กน้อย ปวดเมื่อยตามตัวเล็กน้อย มีไข้แต่ไม่สูงนัก มีอาการไอแบบแห้ง ๆ และอาจมีอาการเจ็บคอร่วมด้วย
โรคแทรกซ้อนที่อาจตามมา ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ
การรักษา รักษาตามอาการ เช่น ทานยาแก้ไข้ ยาแก้ไอ ลดน้ำมูก และพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นต้น
ไข้หวัดใหญ่
ไข้หวัดใหญ่ เกิดจากร่างกายติดเชื้อไวรัส Influenza หรือเชื้อไข้หวัดใหญ่ ที่ระบบทางเดินหายใจแบบเฉียบพลัน โดยผู้ที่ติดเชื้อนี้ จะมีอาการไข้ขึ้นสูงในทันที ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว และมีอาการอ่อนเพลีย
อาการของไข้หวัดใหญ่ อาการเบื้องต้นจะคล้ายกับไข้หวัดธรรมดา แต่จะมีอาการที่รุนแรง และยาวนานกว่า เช่น มีไข้สูงประมาณ 38-40 องศาเซลเซียส ติดต่อกัน 3-4 วัน ปวดศีรษะมาก ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว มีอาการอ่อนเพลีย ไอ และแน่นหน้าอก
โรคแทรกซ้อนที่อาจตามมา หลอดลมอักเสบ และปอดบวม หรือปอดอักเสบ
การรักษา ไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เพื่อรับรักษาตามอาการอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น ไข้หวัด แบบไหน ไข้หวัดธรรมดา หรือไข้หวัดใหญ่ ต่างก็สามารถเกิดโรคแทรกซ้อนตามมาได้ทั้งนั้น ดังนั้น เมื่อไม่สบาย จึงควรรีบรักษาให้หายดี โดยอาจเริ่มจากการกินยาลดไข้ในช่วงแรก แล้วสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด เมื่อไม่ดีขึ้นก็ควรรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด