คงปฎิเสธไม่ได้ว่ามือถือเป็นอุปกรณ์สำคัญที่กลายเป็นส่วนหนึ่งในตัวช่วยเลี้ยงลูกสมัยนี้ พ่อแม่หลายคนเห็นลูกเล่นมือถือ ดูมือถือได้ พูดตามในมือถือได้ อาจจะคิดว่ามือถือช่วยให้ลูกเก่ง ฉลาดขึ้น แต่จริงๆ แล้ว มือถือทำให้สมาธิสั้น ได้
สมาธิสั้น (ADHD-Attention Deficit Hyperactivity Disorder) คือ ภาวะผิดปกติทางจิตเวชที่ส่งผลให้มีสมาธิสั้นกว่าปกติ ขาดการควบคุมการเคลื่อนไหว ทำให้มีลักษณะอาการซุกซน วอกแวกง่าย ไม่เคยอยู่นิ่ง เวลาที่พูดด้วยจะไม่ตั้งใจฟังและเก็บรายละเอียดไม่ค่อยได้ ขาดความรับผิดชอบ พบได้ค่อนข้างบ่อยในเด็กที่มีช่วงอายุระหว่าง 3 – 7 ปี
มาดูกันว่ามือถือมีผลอย่างไรบ้างต่อสมองของลูกน้อย
– มือถือทำให้สมาธิสั้น ส่งผลต่อสมอง
ในเด็กเล็ก โดยเฉพาะช่วงก่อนเข้าเรียน เป็นช่วงที่เด็กมีภาวะสมาธิสั้นติดตัวกันอยู่แล้ว คือไม่อยู่นิ่ง ไม่สามารถอดทนอยู่กับอะไรได้นาน ๆ แต่การเลี้ยงดูมีผลต่อสมาธิของเด็ก จะมีสมาธิดีขึ้นหรือแย่ลง อยู่ที่สิ่งแวดล้อมการเลี้ยงดู เป็นสำคัญ
การให้ลูกเล่นมือถือ แท็บเล็ต หรือดูทีวี ในช่วงก่อน 2 ขวบ เป็นประจำ แสงที่วูบวาบผ่านหน้าจอ คลื่นความถี่จอภาพ จะทำให้สายตาของเด็กต้องโฟกัสความเคลื่อนไหวของภาพตลอดเวลา สามารถทำให้เกิดอาการสมาธิสั้น ทำให้ความสนใจ และความจำลดลง เนื่องจากสมองลดการสื่อประสาทไปยังสมองส่วนหน้า ทำให้เด็กไม่สามารถที่จะให้ความสนใจและเรียนรู้ได้ กระตุ้นให้เด็กมี อาการสมาธิสั้นเพิ่มขึ้น
– มือถือส่งผลให้พฤติกรรมก้าวร้าว
พ่อแม่หลายคนหยิบยื่นมือถือให้ลูกเล่น โดยที่ไม่ได้คิดอะไร แต่ถ้าให้ลูกใช้มือถือ ดูคลิป เล่นเกม โดยที่ไม่มีกติกา หรือกำหนดเวลา อาจทำให้ลูกติดมือถือ แล้วพฤติกรรมเปลี่ยนเป็นเด็กที่หุนหันพลันแล่นเพิ่มขึ้น ก้าวร้าว ความสามารถในการในการควบคุมตนเองลดลง เช่น การร้องอาละวาดเมื่อห้ามไม่ให้เล่นมือถือ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการไม่มีกติกามาคุยกันตั้งแต่แรก รวมทั้งเนื้อหาที่อยู่ในมือถือส่วนใหญ่จะรวดเร็ว ทันใจ กด ๆ จิ้ม ๆ ไม่ต้องรอนาน ทำให้ลูกไม่รู้จักการอดทนรอคอย กลายเป็นเด็กหงุดหงิดง่าย ก้าวร้าว
– มือถือทำให้พัฒนาการล่าช้า
เด็กเล็ก ๆ ควรได้ออกไปวิ่งเล่นเพื่อส่งเสริมพัฒนาการร่างกายให้แข็งแรง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ที่จำเป็นในการเคลื่อนไหว ถ้าเด็ก ๆ เอาแต่เล่นมือถืออย่างเดียว จะทำให้ไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างเต็มที่ พัฒนาการร่างกายไม่สมบูรณ์แข็งแรง สมองไม่ได้ปลอดโปร่ง ไม่ได้สูดอากาศนอกบ้าน รวมทั้งส่งผลเสียต่อสายตา การมองเห็นด้วย เด็กหลายคนสายตาสั้นก่อนวัยอันควร หรือมีปัญหาการมองเห็น
รู้หรือไม่!
- พ่อแม่ต้องทำงานนอกบ้าน และมีเวลาให้ลูกเพียงแค่ วันละ 4 ชั่วโมง
- พ่อแม่ถึง 60% ให้ลูกเล่นแท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือ ตั้งแต่อายุน้อยกว่า 3 ขวบ
- พ่อแม่ 20% ที่ซื้อแท็บเล็ตให้ลูกตั้งแต่อายุ 8 ขวบ
- พ่อแม่ กว่า 50% ให้ลูกเล่นแท็บเล็ตตามลำพัง
คำแนะนำ ให้ลูกใช้มือถืออย่างไรให้เหมาะสม
– ไม่ควรให้เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี เล่นมือถือ หรือ ดูทีวี หรือถ้าสุดวิสัยจริง ๆ อาจจะให้ดูให้น้อยที่สุด ในเวลาที่จำเป็นจริง ๆ
– พยายามไม่ใช้มือถือเลี้ยงลูก เช่น เวลาให้ลูกกินข้าว เพราะทำให้ลูกไม่มีสมาธิในการกิน และใช้เวลากินข้าวนานเกินไป ขาดวินัย และสร้างนิสัยการกินที่ไม่ดี กลายเป็นเด็กกินยาก
– มีกติกาให้กับลูก ว่าเล่นมือถือได้ตอนไหนบ้าง เช่น หลังทำการบ้านเสร็จ ในแต่ละวันเล่นได้กี่นาที กี่ชั่วโมง
– ใช้เวลาอยู่กับลูกเยอะ ๆ ทดแทนการเล่นมือถือ เด็กแค่ต้องการ “เล่น” เท่านั้น ถ้าพ่อแม่ชวนลูกเล่น พาลูกเล่น ลูกจะไม่ติดมือถือแน่นอน
– เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูก เวลาอยู่ต่อหน้าลูก พ่อแม่ก็ไม่ควรจดจ่ออยู่กับมือถือจนเกินพอดี
– ชวนลูกอ่านนิทาน อ่านหนังสือ พาลูกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน
กำหนดระยะเวลาการดูทีวี เล่นมือถือของลูก
ช่วงอายุ 0-2 ปี ไม่ควรให้ดูทีวี หรือดูมือถือเลย
ช่วงอายุ 3-5 ปี เวลาที่พอเหมาะคือ วันละ 1 ชั่วโมง ให้ดูทีวีรายการทั่วไป ไม่มีเนื้อหารุนแรง หรือ อาจจะให้เล่นมือถือได้บ้าง แต่พ่อแม่ควรดู หรือ เล่น พูดคุย ไปพร้อมกับลูกด้วย
ช่วงอายุ 6-12 ปี เวลาที่พอเหมาะคือ วันละ 2 ชั่วโมง ให้ดูทีวีรายการทั่วไปที่มีเนื้อหาไม่รุนแรง ให้ใช้มือถือได้เอง รวมทั้งให้เล่นเกมต่าง ๆ ได้ แต่ต้องเลือกเกมที่ไม่มีเนื้อหารุนแรง พ่อแม่อาจจะต้องเป็นเพื่อนเล่นไปกับลูกด้วย
ที่มา : https://www.posttoday.com/politic/report/536844
“Expert ดีดี” โควิด-19 ไอ หวัด ปวดท้อง ภูมิแพ้ อย่าปล่อยให้เรื้อรัง ปรึกษาฟรี คลิกเลย!
ติดตามGedGoodLife ช่องทางอื่น ๆ ได้ที่…
Facebook : GEDGoodLife
Nutroplex : nutroplexclub
Twitter : @gedgoodlife
Line : @gedgoodlife
Youtube : GEDGoodLife ชีวิตดีดี