-
ผู้สร้างกระทู้
-
Rassameeผู้เยี่ยมชม
พอดีเป็นไทรอยด์ต่ำ(แต่ไม่ถึงกับต้องกิน) และกรดไหลย้อน
อาการกรดไหลย้อนทรมานมากคือทานอะไรนิดหน่อยก็เจ็บใต้ราวนมมากๆ เหนื่อยง่าย จะเปนไข้บ่อยคือเดือนนึงจะมีปัญหาคออักเสบต่อมทอนซิลอักเสบประจำและไม่มีประจำเดือนปีกว่าก็เลยหยุดการกินยาคุม จากนั้นน้ำหนักขึ้นมา 15 โล จากตอนแรกหนัก 63 จึงมองหาการลดน้ำหนักโดยไม่ต้องออกกำลังกาย ก็เลยใช้วิธีการทานอาหารแบบ if+row carb(แต่กินผักยากต้องเลือกกิน) ได้ผลอยู่คะ ประจำเดือนมาทุกเดือน น้ำหนักลงมาจนเหลือ 70 ใช้เวลาประมาณ 4 เดือนกว่า หลังจากนั้นอีก 2-3 เดือนก็ไม่ขยับอีกเลย ก็หันมาอดอาหารแทน ลงมาอีก 2 โล ตอนนี้ก็เหลือ 68 โลค่ะ แต่ผลที่ได้คือ จากที่เป็นคนถ่ายยากมากๆ เป็นอาทิตย์กว่ายังไม่อยากจะถ่ายจนต้องใช้ดีท๊อกหรือยาถ่ายช่วย แต่หลังๆคือถ่ายเองไม่ได้เลย ต้องกินยาถ่ายทุกอาทิตย์ บวกกับผมร่วงๆจนหัวล้านเลยคะตรงกลางหัว รู้สึกว่าหลับยากตื่นยาก หลับไม่สนิท หงุดหงิดง่าย จากการสังเกตุตัวเอง เลยหาข้อมูลมาบ้างแต่ไม่ทราบเข้าใจถูกมั้ย ว่ากินโปรตีนน้อยเกินไปกับที่ร่างกายต้องการ/วัน สะดุลตากับข้อมูลนึงบอกว่าทานยีสต์ช่วยได้ โดยสามารถโรยกับอาหารเพื่อเพิ่มโปรตีนได้เลย จะช่วยเรื่องลำไส้ ผมร่วง ได้ อยากทราบว่าทานยีสต์ต่อวันต้องปริมาณเท่าไหร่ ทานเวลาไหนดีคะ ให้ร่างการกลับมามีความสมดุลขึ้น
-
ผู้สร้างกระทู้
-
ผู้เขียนข้อความตอบกลับ
-
GedGoodLifeKeymaster
สวัสดีค่ะ คุณRassamee
การที่คนไข้ลดน้ำหนักโดยการอดอาหารจะทำให้ร่างกายของคนไข้มีการหลั่ง Growth Hormone น้อยลง จะยิ่งทำให้การเผาผลาญยิ่งน้อยลงไปด้วยค่ะ วิธีการที่ถูกต้องคือ คนไข้ต้องทำความเข้าใจก่อนค่ะ ว่าร่างกายของเราจะมีการปรับตัวตลอดเวลา ดังนั้นการลดน้ำหนักไปซักพัก จะเป็นปกติที่ร่างกายของเราจะมีการปรับตัวให้ใช้พลังงานน้อยลง
แนะนำให้คนไข้กลับมารับประทานปกติก่อนประมาณ 2 สัปดาห์ แต่เน้นให้ใช้การเลือกรับประทาน คือ รับประทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ที่ไม่ไดแปรรูป เช่น ข้าวซ้อมมือ มัน ฟักทอง ข้าวโพด เป็นต้น รวมถึงเน้นทานโปรตีน ต่อจากนั้นค่อยกลับมาทาน IF ร่วมกับการใช้วิธี LOW CARB ร่วมกับการออกกำลังกายแบบ Weight Training เพื่อเป็นการเพิ่มการเผาผลาญ และ การเพิ่มกล้ามเนื้อ และการเพิ่มกล้ามเนื้อ จะทำให้ร่างกายเผาผลาญมากขึ้นค่ะ นอกจากนี้ ให้ดื่มน้ำมากกว่าวันละ 2 ลิตร นอนหลับให้เพียงพอ ค่ะ
เน้นว่าการทาน IF ใช้วิธี 16-8 นะคะ โดยที่ช่วงเช้าก่อนทานข้าว อาจจะออกกกำลังกายแบบ Weight Training ซึ่งจะเป็นช่วงที่ร่างกายเผาผลาญไขมันดีที่สุดค่ะ ลองทำตามนี้ก่อนนะคะ เพื่อเป็นการปรับค่ะ เพราะว่าหากเราลดการรับประทานไปเรื่อยๆ จะทำให้เกิดโยโย่ได้ง่ายค่ะ
: คำตอบนี้เป็นการให้การแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล
-
ผู้เขียนข้อความตอบกลับ