gedgoodlife

7 กิจกรรมกระตุ้นความฉลาด บูสต์สมองให้กับลูกวัยเตาะแตะ

ความฉลาดของลูกนั้นมีผลมาจากกรรมพันธุ์ อาหาร การเลี้ยงดู สิ่งแวดล้อม และการถูกกระตุ้นอย่างเหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้สมองทำงานได้มีประสิทธิภาพเต็มที่ ถ้าอยากให้ลูกฉลาด ไอคิวดี มาลองบูสต์พลังสมองให้กับลูกน้อยด้วย 7 กิจกรรมกระตุ้นความฉลาด กันเถอะ!   7 กิจกรรมกระตุ้นความฉลาด 1. ร้องเพลงไปกับลูก ให้ลูกฟังเพลงเด็ก และร้องเพลงไปกับลูก อาจจะใช้เพลงภาษาอังกฤษเพื่อช่วยเสริมทักษะภาษาที่สองให้ลูกไปด้วย ตัวอย่างเพลงเด็กมีหลายเพลง เช่น เพลงเป็ดน้อยห้าตัว หรือ Five little Ducks ซึ่งลูกจะได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ การนับจำนวนตัวเลข ผ่านเสียงเพลง เป็นกิจกรรมที่กระตุ้นความฉลาดให้ลูกง่าย ๆ ผ่านเพลงที่มีให้เลือกมากมาย เพียงค้นหาคำว่าเพลงภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก 2. ต่อภาพจิ๊กซอว์ หรือเลโก้ ในช่วงวัยเตาะแตะ สามารถกระตุ้นความฉลาดลูกผ่านการเล่น เช่น การให้ลูกต่อจิ๊กซอว์ชิ้นใหญ่ หรือการต่อตัวต่อ เลโก้ เป็นเกมที่ช่วยให้ลูกจัดระบบความคิด ช่วยส่งเสริมความจำให้ดีขึ้น เรียนรู้การแก้ปัญหา นอกจากนี้ยังได้พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก การใช้มือหยิบจับสิ่งของอีกด้วย 3. ปั้นดิน ปั้นแป้ง อันดับแรกต้องเลือกใช้แป้งหรือดินที่ปลอดภัย ปลอดสารพิษ ลองเริ่มเล่นกับลูกด้วยการปั้นแป้งให้ลูกดูก่อน 7 กิจกรรมกระตุ้นความฉลาด บูสต์สมองให้กับลูกวัยเตาะแตะ

12 อาหารคลายเครียด กินแล้วดีต่อใจ ห่างไกลซึมเศร้า

  ไหนใครเครียดง่าย เครียดเก่ง มารวมตัวกันทางนี้!! เพราะความเครียด เป็นต้นเหตุของโรคต่าง ๆ มากมาย เรามาลดความเครียด ด้วยการกิน อาหาร คลายเครียด ที่ช่วยให้อิ่มท้อง ร่างกายแข็งแรง และช่วยให้จิตใจผ่อนคลายไปได้พร้อม ๆ กัน ดีกว่า จะมีอาหารอะไรบ้างนั้น ตามมาดูกันเลยยย! แบบประเมินโรคซึมเศร้า และ แบบประเมินความสุข – แบบประเมินโรคซึมเศร้า 9 คำถาม – 8 วิธีคิดบวก ฝึกตัวเองเป็นคนใหม่ ที่ดีกว่า! พร้อมแบบประเมินความสุข 15 คำถาม 12 อาหารคลายเครียด กินแล้วดีต่อใจ ห่างไกลซึมเศร้า 1. ผักใบเขียว มีวิตามินบีชนิดต่าง ๆ มีหน้าที่โดยตรงต่อการ คลายเครียด 2. อโวคาโด มีวิตามินบี และซีสูง ช่วยลดความเครียด และยังต้านหวัดได้ด้วย 3. ชาเขียว ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง แถมยังดีต่อลำไส้ ช่วยเรื่องขับถ่าย 4. มะเขือเทศ มีกาบาสูง ช่วยให้สมองรู้สึกผ่อนคลาย ลดเครียด และทำให้ผิวพรรณดี สดใส 5. แตงโม มีสารโพแทสเซีนม และไลโคปีน 12 อาหารคลายเครียด กินแล้วดีต่อใจ ห่างไกลซึมเศร้า

ปวดท้องตรงนี้ ป่วยโรคไหน? และปวดแค่ไหน ที่ต้องรีบไปหาหมอด่วน!

  เมื่อมีอาการปวดท้อง อย่าละเลย ให้รีบสังเกตตัวเองว่าปวดมากน้อยแค่ไหน ปวดมานานหรือไม่ เพราะ อาจบ่งบอกถึงโรคร้ายภายในบริเวณท้องได้ แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า… ปวดท้องตรงนี้ ป่วยโรคไหน? วันนี้ Ged Good Life มีคำตอบมาฝากแล้ว ใครที่ปวดท้องบ่อย ๆ ต้องอ่าน! สาเหตุของอาการปวดท้อง ปวดท้อง อาจแค่ปวดไม่มากเดี๋ยวเดียวก็หาย หรือปวดมาก และรุนแรงมาก อาการปวดมักจะไม่จำเพาะเจาะจง อาจจะสัมพันธ์กับอวัยวะในช่องท้องโดยตรง เช่น กระเพาะปัสสาวะ รังไข่ อาการปวดท้องทั่วไป เกิดจากอวัยวะในระบบทางเดินอาหารผิดปกติ  เช่น ไส้ติ่งอักเสบ ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ เป็นต้น ลักษณะของอาการปวดท้องตำแหน่งที่ปวด ความรุนแรงของอาการปวดท้อง และช่วงเวลาที่เกิด ปวดท้องตรงนี้ ป่วยโรคไหน? 1. ปวดชายโครงขวา เป็นจุดของตับ และถุงน้ำดี หากกดแล้วเจอก้อนแข็ง ๆ บวกกับอาการตัวเหลือง ตาเหลือง หมายถึง ความบกพร่องของตับ หรือถุงน้ำดี หากปวดมากควรพบแพทย์ 2. ปวดใต้ลิ้นปี่ หรือกลางตัวเรา ตรงซี่โครงซี่ล่างสุด (กลางตัว) กระเพาะอาหาร ตับอ่อน ตับ ปวดท้องตรงนี้ ป่วยโรคไหน? และปวดแค่ไหน ที่ต้องรีบไปหาหมอด่วน!

โรคหอบหืด อาการ สาเหตุ และวิธีรักษา

  โรคหอบหืด เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบเรื้อรังของหลอดลม ทำให้เยื่อบุ และผนังหลอดลมตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นต่าง ๆ ทั้งจากภายใน และจากสิ่งแวดล้อมมากกว่าปกติ โรคหืดนี้สามารถเป็นได้ทุกเพศทุกวัย และทำให้เสียชีวิตได้หากมีอาการรุนแรง! อาการ หายใจมีเสียงหวีด ไอแห้ง เจ็บคอ มีไข้ หัวใจเต้นเร็ว ไอกลางคืน สาเหตุ มลพิษ สัตว์เลี้ยง ฝุ่น สารเคมี เชื้อรา ติดเชื้อโรค กรรมพันธุ์ อาหาร วิธีการรักษา ปัจจุบันโรคหอบหืด ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น เช่น สารก่อภูมิแพ้ สำหรับยาที่ใช้ลดความรุนแรงของโรคหอบหืด มีอยู่ 2 กลุ่มคือ 1. ยาที่ใช้ควบคุมโรคหืด ต้องเป็นยาใช้ประจำ เพื่อการรักษาอาการอักเสบเรื้อรังของหลอดลม โดยยาประสิทธิภาพดีที่สุด คือ ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ชนิดสูด 2. ยาที่ใช้บรรเทาโรคหืด ใช้เพื่อบรรเทาอาการหอบ จะใช้ยากลุ่มนี้เฉพาะเมื่อมีอาการ มีทั้งชนิดสูด และชนิดเม็ด *ส่วนผู้ป่วยหอบหืดจากภูมิแพ้ สามรถฉีดวัคซีนภูมิแพ้ที่เป็นสาเหตุที่ให้เกิดอาการหอบได้   อ่านบทความฉบับเต็ม ที่นี่ -> หอบเหนื่อย หายใจลำบาก สัญญาณเตือนโรคร้าย! สาเหตุ อาการ โรคหอบหืด อาการ สาเหตุ และวิธีรักษา

แบบไหนที่เรียกว่า “สปอยลูก” คุณกำลังตามใจลูกเกินไปหรือเปล่า?

ใคร ๆ ก็อยากให้ลูกเราเป็นเด็กที่น่ารักสำหรับทุกคนที่พบเจอ แต่การเลี้ยงลูกไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สิ่งที่เราคิดว่าทำไปเพื่อลูกด้วยความรัก แต่จริง ๆ อาจจะกำลังทำร้ายลูก ตามใจลูก เกินไปโดยไม่รู้ตัว อย่าให้ใครมาว่าได้ว่าเราเป็นพ่อแม่ที่สปอยล์ลูกจนเสียคน มาเช็กกันว่าคุณเลี้ยงลูกแบบตามใจมากเกินไปหรือเปล่า? 4 นิสัยที่พ่อแม่กำลัง ตามใจลูก จนเกินไป • ไม่เคยให้ลูกหยิบจับทำงานบ้านเลย พ่อแม่สมัยนี้มีพี่เลี้ยง มีแม่บ้านอยู่ และคิดว่าลูกมีหน้าที่คือเรียนหนังสือ จึงไม่เคยให้ลูกได้หยิบจับทำงานบ้านเลย แม้จะเป็นงานเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่การมอบหมายงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ นั้น เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างทักษะชีวิตให้ลูกเมื่อเติบโตขึ้นไป ให้ลูกรู้จักรับผิดชอบต่อตัวเอง ต่อคนอื่น และฝึกฝนสร้างระเบียบวินัย • อยากได้อะไรต้องได้ เป็นธรรมดาที่เวลาออกไปเที่ยว ลูกจะงอแง ร้องไห้อยากได้โน่นได้นี่ พ่อแม่อาจจะใจแข็งในตอนแรก แต่ถ้าสุดท้ายคุณคือฝ่ายที่พ่ายแพ้ยอมให้ลูกได้สิ่งที่อยากได้ทุกครั้งไป นี่เป็นสัญญาณอันตรายว่ากำลังตามใจลูกมาเกินไป เพราะลูกจะไม่ได้เรียนรู้ที่จะเจอกับความผิดหวัง สร้างนิสัยที่เป็นเด็กเอาแต่ใจ เมื่อต้องเจอกับเรื่องที่ไม่ได้ดังใจ จะทำให้ลูกไม่สามารถรับมือกับอารมณ์ความรู้สึกนั้นได้ • ต้องติดสินบนลูกเป็นประจำ “ถ้าลูกหยุดร้องไห้ เดี๋ยวแม่พาไปกินขนม” “ถ้าลูกไปอาบน้ำ เดี๋ยวแม่ให้กินขนม” การให้รางวัล ของขวัญ แบบไหนที่เรียกว่า “สปอยลูก” คุณกำลังตามใจลูกเกินไปหรือเปล่า?

8 วิธีหลับสนิท กุญแจสำคัญสู่สุขภาพดีดี

  1. นอนตรงเวลา การนอนให้เป็นเวลา จะช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น เพราะสมองจะจดจำว่า เวลานี้เราจะต้องนอน เราก็จะรู้สึกง่วงอัตโนมัติ และนอนหลับได้ดี เวลาของการเข้านอนที่ดีที่สุดคือ 4 ทุ่ม เพื่อให้ช่วงเที่ยงคืนเข้าสู่ช่วงหลับลึก จะได้รับ ‘โกรทฮอร์โมน’ (Growth Hormone) ในการซ่อมแซมร่างกาย   2. นอนปิดไฟเสมอ เพราะแสงต่าง ๆ สามารถส่งผลกระทบต่อนาฬิกาชีวิตของเราได้ ความมืดจะเป็นสัญญาณที่ทำให้ร่างกายรับรู้ว่า นี่คือเวลาที่เหมาะสมแก่การนอนนั่นเอง   3. งดเล่นมือถือก่อนเข้านอน 30 นาที เพราะอุปกรณ์มือถือ สมาร์ทโฟน มีผลทำให้หลับยาก แสงสีฟ้าจากหน้าจอ ทำให้ร่างกายรับรู้ว่ายังไม่มืด จึงหลั่งสารเมลาโตนิน ทำให้หลับยาก และเราได้รับข้อมูลเข้ามาตลอดเวลา ทำให้สมองไม่ได้พักผ่อน และนอนหลับไม่ดี คลื่นสมองไม่ปลอดโปร่ง (Alpha Wave) นอนหลับไม่ลึก   4. งดกาแฟ คาเฟอีน ก่อนเข้านอน กาแฟยามบ่ายแค่แก้วเดียวก็อาจทำให้เราตาค้างไปทั้งคืนได้ ดังนั้น เราจึงควรดื่มคาเฟอีนตั้งแต่เช้า และหากง่วงในช่วงบ่ายก็เลือกดื่มน้ำผลไม้ หรือชาสมุนไพรที่ไม่มีคาเฟอีนแทนจะดีกว่า   5. เลี่ยงความเครียด ก่อนเข้านอน 8 วิธีหลับสนิท กุญแจสำคัญสู่สุขภาพดีดี

“รักใครให้ธรรมะ” เข้าใจกันและกัน ตามแนวพุทธฯ

  “ความรัก” กับ “ธรรมะ” เป็นเรื่องที่ควรคู่กัน เป็นสิ่งที่คู่รักควรหยิบยื่นให้กัน เพราะ ชีวิตคู่จะไปกันได้ดี ก็ต้องอาศัยข้อธรรมเป็นปัจจัยหลักนี่แหละ ฉะนั้นคำว่า รักใครให้ธรรมะ จึงเป็นคำที่คู่รักทุกคู่ ควรคำนึงถึงอยู่เสมอ เพื่อความราบรื่นในชีวิตคู่ตลอดไปนั่นเอง… ว่าแต่คู่รักควรหยิบยื่นหลักธรรมข้อใดให้แก่กันบ้าง? มาติดตามไปกับ Gedgoodlife ได้เลย รักใครให้ธรรมะ ข้อธรรมสำหรับคนครองคู่ 1. ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ ก่อนอื่นเลย ต้องเข้าใจคำว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” เสียก่อน ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ได้ตรัสไว้ว่า… “ปิยโต ชายเต โสโก” – ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีแต่ความเศร้าโศก “ปิเยหิ วิปฺปโยโค ทุกฺโข” – ความพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งปวง ย่อมเป็นทุกข์ เมื่อเข้าใจโลกไปตามความจริงดังนี้แล้ว จะทำให้เราไม่ยึดมั่น ถือมั่นกับความรักจนเกินไป เมื่อต้องพลัดพราก ต้องลาจาก หรือต้องเลิกกันไป ก็จะได้เข้าใจความเป็นธรรมดาของความรัก รู้จักปล่อยวาง ทำให้ไม่เสียสติ ไม่เครียดจนเกินไป และไม่เป็นโรคซึมเศร้า เหมือนที่ออกข่าวอยู่ทุกวันนี้นั่นเอง 2. ความรัก “รักใครให้ธรรมะ” เข้าใจกันและกัน ตามแนวพุทธฯ

ถุงยางอนามัยแจกฟรี หาได้ที่ไหนบ้าง?

ในปัจจุบันนี้ ถุงยางอนามัย ยังเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคให้กับคุณได้ แต่รู้หรือไม่ว่า ถุงยางอนามัยเขามีแจกฟรีกันด้วยนะ!? ว่าแต่จะขอรับ ถุงยางอนามัยแจกฟรี ได้ที่ไหนบ้าง มาติดตามกันได้เลย ถุงยางอนามัยแจกฟรี หาได้ที่นี่! การแจก ถุงยางฟรี เป็นบริการด้านสาธารณสุขอย่างหนึ่ง ที่ภาครัฐจ่ายให้เป็นสวัสดิการแก่คนไทยทุกคน โดยสามารถไปขอ ถุงยางฟรี ได้ที่ ศูนย์บริการสุขภาพ และ ศูนย์บริการสาธารณสุขใกล้บ้าน ซึ่งมีทั้งหมด 68 หน่วยทั่วกรุงเทพมหานคร Website : http://phn.bangkok.go.th คลินิกนิรนาม ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย Website : https://th.trcarc.org โทรศัพท์ : 02-251-6711-5 คลินิกชุมชนสีลม Website : http://www.silomclinic.in.th โทรศัพท์ : 02-644-6290 ศูนย์สุขภาพฟ้าสีรุ้ง รามคำแหง Website : https://www.rsat.info โทรศัพท์ : 090-648-7407 คลินิกบางรัก สาขาโรงพยาบาลบางรัก (ศูนย์กามโรคบางรัก) สาขาพระประแดง และสาขาบางโคล่ โทรศัพท์ : 02-286-0431 ถุงยางอนามัยแจกฟรี หาได้ที่ไหนบ้าง?

“๙ เคล็ดลับเลี้ยงลูก” ตามแบบฉบับของ… “สมเด็จย่า”

“สมเด็จย่า” หรือ “สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี” ของปวงชนชาวไทย เลี้ยงดูพระโอรสธิดาทั้ง 3 พระองค์ ด้วยความปราดเปรื่อง หลักแหลม และมีเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อประเทศชาติ วิธีเลี้ยงลูกแบบสมเด็จย่า จึงเป็นวิธีเลี้ยงลูกที่พ่อแม่ทุกคนควรนำมาเป็นแบบอย่างในการเลี้ยงลูก ซึ่งสามารถดูได้จากพระโอรส และพระธิดาทั้งสามพระองค์ ที่เติบโตมาเป็นบุคคลทรงคุณภาพที่ทั่วโลกให้การยกย่อง และสามารถสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่เมืองไทยเป็นอย่างมาก “๙ เคล็ดลับเลี้ยงลูก” ตามแบบฉบับของ… สมเด็จย่า ๑. เลี้ยงลูกแบบสมเด็จย่า ต้องเลี้ยงอย่างมีเป้าหมาย สมเด็จย่าทรงเป็นพระมารดา ที่มีเป้าหมายในการเลี้ยงลูกที่ชัดเจน คือทรงตั้งใจพัฒนาอบรมลูก ๆ ให้ดีในทุกด้าน เพื่อให้เป็นบุคคลที่ทำประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง ไม่คิดถึงประโยชน์ของพระองค์เอง ๒. สร้างระเบียบวินัยตั้งแต่เล็ก สมเด็จย่าทรงเน้นเรื่องวินัยในการดำเนินชีวิต หรือ “ระเบียบวินัยอย่างมีหลักการ” ซึ่งก็คือ การกำหนดขอบเขตของเวลา ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างความสมดุลให้กับชีวิต ทรงวางแผนการดำเนินชีวิตให้กับพระโอรสและพระธิดา ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ เนื่องจาก เด็กที่ยังเล็กนั้น จะไม่มีความรู้เรื่องขอบเขตของเวลา คุณพ่อคุณแม่จึงจำเป็นต้องจัดสรรเวลาให้ เพื่อสร้างวินัยให้แก่ลูก ๓. ประหยัดอดออมไม่ฟุ่มเฟือย สมเด็จย่าไม่ทรงโปรดการให้พระธิดา และพระโอรส มีของมากมายอย่างพร่ำเพรื่อ ทั้งสามพระองค์ จะได้รับของขวัญ ก็ต่อเมื่อถึงโอกาสสำคัญอย่างวันปีใหม่ “๙ เคล็ดลับเลี้ยงลูก” ตามแบบฉบับของ… “สมเด็จย่า”

วิธีลดไข้หวัด พร้อมวิธีรักษาไข้หวัดให้หายเร็ว ด้วยวิธีที่ถูกต้อง

บทความโดย เภสัชกร ธร อำนวยผลวิวัฒน์ เป็นไข้หรืออาการไข้หวัด เป็นโรคที่พบได้บ่อยทั้งปีและพบได้ในคนทุกช่วงอายุ ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในช่วงที่มีอากาศเปลี่ยนแปลงหรือในหน้าฝน และควรรักษาสุขภาพให้ห่างไกลจากไข้หวัด เนื่องจากหากเป็นไข้หวัดจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ การทำงาน การใช้ชีวิต และหากไม่รักษาให้ทันท่วงที อาจทำให้อาการไข้หวัดหนักขึ้นและอาจทำให้เป็นโรคที่รุนแรงมากขึ้นได้ นอกจากนี้อาการไข้หวัดยังสามารถแพร่กระจายไปยังคนใกล้ชิดรอบข้างได้อีกด้วย เด็กเป็นไข้หวัด เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง 1. การติดเชื้อไวรัส ไข้หวัดในเด็ก เกิดได้จากการสัมผัสน้ำลาย น้ำมูก หรือโดนการไอ จาม จากผู้ป่วย บางครั้งอาจเกิดจากการสัมผัสเชื้อหวัดจากมือ หรือการจับตา ทำให้เชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายและเกิดอาการหวัดขึ้นได้ภายใน 1-3 วัน 2. การติดเชื้อแบคทีเรีย ไข้หวัดหรือเป็นไข้ เกิดได้จากการสัมผัสสารคัดหลั่ง น้ำมูกหรือน้ำลายเช่นกัน แต่การติดเชื้อแบคทีเรียจะทำให้เกิดอาการที่อาจรุนแรงกว่า เช่น มีไข้สูง มีอาการเจ็บคอ น้ำมูกเขียวข้น ซึ่งต้องใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษา อาการของไข้หวัดมีกี่ประเภท  อาการของไข้หวัดแบ่งตามได้ประเภทของไข้หวัดเป็น 4 ประเภท ได้แก่  1. ไข้หวัดธรรมดา (Common Cold) ไข้หวัดธรรมดา เกิดจากการติดเชื้อไวรัสทั่วไปซึ่งมีมากกว่า 200 ชนิด วิธีลดไข้หวัด พร้อมวิธีรักษาไข้หวัดให้หายเร็ว ด้วยวิธีที่ถูกต้อง

หยุดวันแม่ทั้งที พาคุณแม่เที่ยว ที่ไหนดีนะ?

วันแม่ใกล้จะมาถึงแล้ว คุณลูก ๆ คิดกันไว้รึยังว่าจะ พาคุณแม่เที่ยว ที่ไหนบ้าง? มีสถานที่ท่องเที่ยวทั้งใน และใกล้กรุงเทพฯ มากมายหลากหลายสไตล์ความชอบของคุณแม่ ที่สามารถเดินทางแบบสบาย ๆ ไปเช้าเย็นกลับ หรือเที่ยวภายในวันเดียวได้โดยที่ไม่ต้องค้างคืนให้เปลืองค่าที่พัก มาดูกันดีกว่าว่า หยุดวันแม่ปีนี้ เราจะ พาคุณแม่เที่ยว ที่ไหนให้คุณแม่ปลื้มได้บ้าง 1. พาแม่เที่ยว ตลาดน้ำ ที่เที่ยวสุดโปรดของคุณแม่ส่วนใหญ่ เพราะสามารถเที่ยว ช้อป ชิมได้ภายในที่เดียว ไม่ต้องเดินทางไปหลาย ๆ ที่ให้เหนื่อย ยิ่งไปกว่านั้น มีตลาดน้ำหลายมากมายที่ ทั้งภายใน และใกล้ ๆ กรุงเทพฯ ที่ลูกสามารถพาคุณแม่ไปเที่ยวได้ เช่น ตลาดน้ำตลิ่งชัน ตลาดน้ำขวัญเรียม ตลาดน้ำคลองลัดมะยม และตลาดน้ำอัมพวา 2. พาแม่เที่ยววัดไหว้พระ อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิต โดยเฉาพะสำหรับคุณแม่ที่ชอบทำบุญ ได้ไปวัดทำบุญให้อิ่มอกอิ่มใจ เสริมความเป็นสิริมงคล แถมยังได้อยู่ด้วยพร้อมหน้าทั้งครอบครัว รับรองว่าถูกใจคุณแม่แน่นอน 3. พาแม่เที่ยวทะเล แค่ไปนั่งกินลมชิมวิว ชิวที่ชายหาดกับครอบครัว แถมยังได้กินอาหารทะเลแสนอร่อยด้วยกัน แค่นี้คุณแม่ก็มีความสุขแล้ว แต่สำหรับคุณแม่ที่สูงวัยแล้ว หยุดวันแม่ทั้งที พาคุณแม่เที่ยว ที่ไหนดีนะ?

10 วิธี เลี่ยงโรคกระเพาะอาหาร

  ในยุคปัจจุบันที่พฤติกรรมการใช้ชีวิตเปลี่ยนไป ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพมากมาย โดยเฉพาะเรื่องของโรคกระเพาะอาหาร ที่มนุษย์ออฟฟิศมักจะเป็นกันเยอะมาก แล้วเราจะมีวิธีป้องกันโรคนี้ได้อย่างไร ตามมาดูคำตอบกับ 10 วิธี เลี่ยงโรคกระเพาะอาหาร กันเลย! โรคกระเพาะอาหาร คืออะไร? โรคกระเพาะอาหาร หมายถึง โรคที่มีแผลในกระเพาะอาหาร หรือลำไส้เล็กส่วนต้น เนื่องจากมีการหลั่งของกรดมาก หรือเยื่อบุกระเพาะอาหาร หรือลำไส้เป็นแผล ซึ่งอาจเกิดได้ทุกส่วนของลำไส้ ที่สัมผัสกับน้ำย่อยจากกระเพาะอาหาร ผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหารจะมีอาการปวดแสบ ปวดตื้อ ปวดเสียด หรือจุกแน่น ตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่ อาการปวดเหล่านี้เป็นได้ทั้งเวลาก่อนกินอาหาร หรือหลังกินอาหารใหม่ ๆ และเวลาท้องว่าง เช่น เวลาหิวข้าวตอนเช้ามืด หรือก่อนนอนตอนดึก ๆ ก็ปวดท้องโรคกระเพาะได้เช่นกัน โรคกระเพาะ จึงมักเกิดกับกลุ่มคนวัยทำงาน คนที่ขาดวินัยในการกินอาหารไม่ตรงเวลา คนที่เป็นโรคกระเพาะถ้าไม่ได้รับการรักษา  ดูแลตนเองให้ถูกต้อง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจนเป็นอันตรายแก่ชีวิตได้ เช่น เลือดออกในกระเพาะอาหาร (อาเจียนเป็นเลือด และถ่ายอุจจาระดำ) กระเพาะลำไส้เป็นแผลทะลุ (ปวดท้องอย่างรุนแรง หน้าท้องแข็ง กดเจ็บ) กระเพาะลำไส้ตีบตัน (ปวดท้องรุนแรง และอาเจียนทุกครั้งหลังกินอาหาร) หลักโภชนาบำบัดในการดูแลตัวเอง คือ กินอาหารให้ครบทุกหมวดหมู่อย่างสมดุล 10 วิธี เลี่ยงโรคกระเพาะอาหาร

ของขวัญวันแม่ที่ดีที่สุด คืออะไร?

ของขวัญวันแม่ ที่เตรียมเอาไว้ปีนี้คืออะไร? เมื่อเทศกาลวันแม่มาถึง ลูก ๆ หลายคนก็อาจจะเตรียมของขวัญให้คุณแม่ เนื่องในโอกาสพิเศษนี้ ด้วยดอกมะลิหอม ๆ ที่เรียงร้อยเป็นมาลัย อาหารจานอร่อยปรุงโดยเชฟชื่อดัง หรือแก้วแหวนเครื่องทองของมีค่า ทุกอย่างที่กล่าวมา อาจเป็นของขวัญวันแม่ ที่หลายคนนึกถึง แต่นอกเหนือจากการมอบสิ่งของแล้ว การมอบความรัก ความเอาใจใส่ ทำให้ท่านมีความสุขกายสบายใจในทุก ๆ วัน ยิ่งไปกว่านั้น การแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อท่าน ดูแลท่าน อยู่กับท่าน ก็นับว่าเป็นการมอบของขวัญชิ้นพิเศษ และแสนมีค่าให้กับคุณแม่ได้เช่นกัน การแสดงออกเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการพูดกับท่านดี ๆ ช่วยดูแลท่านในยามที่เจ็บป่วย หรือแม้แต่การนั่งดูทีวีเป็นเพื่อนท่าน ไม่ปล่อยให้แม่ต้องนั่งเหงาอยู่คนเดียว ต่างก็เป็นของขวัญจากใจได้ทั้งนั้น เป็นของขวัญที่แสนพิเศษ และงดงามกว่าแก้วแหวนเงินทองไหน ๆ แถมยังเป็นของขวัญที่สามารถมอบให้คุณแม่ได้ทุกวัน ไม่ใช่เฉพาะแค่ในวันพิเศษ และไม่จำเป็นต้องรอช่วงเทศกาลใด ๆ เลย ของขวัญวันแม่ที่ดีที่สุด จึงไม่ได้หมายถึง ของขวัญ หรือของที่หายากที่สุด แต่เป็นของที่ทำให้คุณแม่ของคุณมีความสุขมากที่สุด นั่นจึงจะนับเป็นของขวัญที่ดีที่สุดได้อย่างแท้จริง ของที่ทำให้คุณแม่มีความสุขมากที่สุด และของที่คุณแม่ของคุณชอบมากที่สุดนั้น แม้จะฟังดูง่าย ๆ แต่ความจริงแล้ว ของขวัญวันแม่ที่ดีที่สุด คืออะไร?

วิธีบอกรักแม่ ที่คุณแม่ต้องปลื้ม!

การบอกรักคุณแม่อาจทำให้หลายคนรู้สึกเขิน ๆ ดังนั้น โอกาสพิเศษอย่างวันแม่นี้ ทาง Ged Good Life จึงเตรียม วิธีบอกรักแม่ มาฝากค่ะ 7 วิธีบอกรักแม่ 1. กอดแม่ หอมแม่ เป็นวิธีที่เรียบง่ายที่สุด และสามารถบ่งบอกถึงความรักความผูกพันที่มีต่อคุณแม่ได้ดีและมีประสิทธิภาพมาก แต่ลูก ๆ หลายคนกลับเขินอาย และไม่กล้ากอดหรือหอมคุณแม่ซะอย่างนั้น วันแม่ปีนี้ลองดูสิ แล้วคุณจะได้เห็นคุณแม่ยิ้มอย่างมีความสุขแน่นอน 2. กราบแม่ด้วยพวงมาลัยหอมชื่นใจ คุณแม่หลายท่านอาจจะบอกว่าไม่ต้องก็ได้ แต่เชื่อเถอะว่า การกราบเท้าท่านเพื่อแสดงความรักความกตัญญูที่มีต่อท่าน ก็ทำให้คุณแม่ปลื้มไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะถ้าพวกมาลัยที่คุณถือ เป็นพวงมาลัยดอกไม้ที่ร้อยเองกับมือ ก็ยิ่งทำให้แม่เห็นถึงความพยายาม และตั้งใจขึ้นไปอีก 3. พูดกับแม่เพราะ ๆ แม้ว่าการกระทำจะสำคัญกว่าคำพูด แต่การพูดเพราะ ๆ หวาน ๆ กับแม่ โดยเฉพาะการบอกว่า รักแม่ ก็ทำให้คุณแม่ชื่นใจได้มากเลยละ 4. พาแม่ไปเที่ยว หรือทำบุญไหว้พระ ไม่ว่าแม่ของคุณจะเป็นแม่บ้านอยู่กับบ้าน หรือทำงานนอกบ้านด้วยก็ตาม การพาท่านออกไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีทั้งนั้น ให้คุณแม่เลือกเลยว่าอยากไปที่ไหน เดี๋ยวลูกพาไปเอง! วิธีบอกรักแม่ ที่คุณแม่ต้องปลื้ม!

ท่องเที่ยวแบบไหนโดนใจ ผู้สูงอายุ ?

น้อยคนนักที่จะปฏิเสธการท่องเที่ยว ยิ่ง ผู้สูงอายุ ยิ่งต้องรีบไป ก่อนที่จะมีอาการนั่งก็โอย ลุกก็โอย เหมือนดอกไม้โรย ไม่มีเกสร! บ้านไหนมีผู้สูงอายุที่แข็งแรง และชอบเที่ยว มาดูทริคในการพาผู้สูงอายุเที่ยวให้มีความสุข และประทับใจกันค่ะ 1. วางแผนการท่องเที่ยวให้แน่นอน แม้ผู้สูงจะอายุจะมีหัวใจ Young@Heart อยู่ แต่ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่สมบุกสมบันเหมือนแต่ก่อนแล้ว ก็ต้องถามใจท่านว่าอยากไปไหน แม้การเดินทางแบบไร้เวลาจะเป็นที่โดนใจของชาวสโลว์ไลฟ์ แต่ใช้ไม่ได้กับผู้สูงวัยค่ะ ต้องเตรียมที่พักไว้ กำหนดตารางท่องเที่ยวคร่าว ๆ จะไปเที่ยวที่ไหน แวะไหนบ้าง หากต้องการเที่ยวนอกเหนือจากแผนที่วางเอาไว้ ก็ควรบอกกล่าวให้เรียบร้อย เพื่อให้ผู้สูงอายุร่วมทริปได้เตรียมกายใจพร้อม และไม่โดนบ่นอีกด้วย 2. เลือกการเดินทาง และสถานที่เที่ยวให้เหมาะสม ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้สูงอายุแล้ว ถ้าสุขภาพดีไม่มีโรคประจำตัวก็ดีไป แต่ส่วนใหญ่จะได้ของแถมที่มาพร้อมกับวัย คือโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันบ้าง หรือเข่าเสื่อมบ้าง เดินขึ้นบันไดหรือที่สูงไม่ได้ บางคนอาจเดินทางได้ระยะสั้น ๆ บางคนเมาคลื่นทะเล บางคนไม่สามารถกลั้นปัสสาวะ อุจจาระได้เป็นเวลานาน เมื่อรู้ข้อจำกัดเรื่องสุขภาพแล้ว วางแผนการเดินทาง และสถานที่ที่จะไปให้เหมาะสม จะได้เอนจอยตลอดทริปการเดินทาง 3. เตรียมยา ข้าวของเครื่องใช้ให้พร้อมสรรพ ก่อนไปต้องจัดเตรียมหยูกยาให้พอดีกับจำนวนวันที่จะไปเที่ยว ท่องเที่ยวแบบไหนโดนใจ ผู้สูงอายุ ?

PM 2.5 ฝุ่นพิษร้าย ทำลายสุขภาพ!

  ฝุ่น PM2.5 คืออะไร? ตามคําจํากัดความของสํานักป้องกันสิ่งแวดล้อมสหรัฐ (Environmental Protection Agency ; US.EPA) ระบุว่า PM2.5 หมายถึง ฝุ่นละเอียด เป็นอนุภาคที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (ด้วยขนาดที่เล็กมาก ๆ เราจึงมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ถ้าฝุ่นนี้มีปริมาณสูงมาก ๆ เราจะเห็นคล้ายกับมีหมอก หรือควันบนท้องฟ้า) ความร้ายแรงของเจ้าฝุ่นพิษนี้ คือ มันสามารถผ่านการกรองของขนจมูก และเข้าสู่ชั้นในสุดของปอดได้ ก่อให้เกิดโรคร้ายแรงต่าง ๆ ตามมา เกร็ดความรู้ : PM2.5 นี้ มีขนาดเล็กกว่าขนาดเม็ดเลือด (5 ไมครอน) ถึงครึ่งหนึ่ง! ดังนั้นฝุ่นพิษจึงสามารถเข้าสู่เส้นเลือดฝอย และกระจายไปตามอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายได้ PM 2.5 มีขนาดเล็กกว่าเส้นผมมนุษย์ถึง 25 เท่า! PM 2.5 สามารถลอยอยู่ในอากาศได้เป็นวัน ถึงหลายสัปดาห์ และลอยไปจากแหล่งกำเนิดประมาณ 100 กิโลเมตร ถึง 1000 กิโลเมตร โดยประมาณ *PM PM 2.5 ฝุ่นพิษร้าย ทำลายสุขภาพ!

askexpert

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้ประเภทนี้จะช่วยจดจำข้อมูลคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ท่านใช้เข้าชมเว็บไซต์ ข้อมูลการลงทะเบียนหรือ log in ข้อมูลการตั้งค่าหรือตัวเลือกที่ท่านเคยเลือกไว้บนเว็บไซต์ เช่น ภาษาที่แสดงบนเว็บไซต์ ที่อยู่สำหรับจัดส่งสินค้า เพื่อให้ท่านสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องให้ข้อมูลหรือตั้งค่าใหม่ทุกครั้งที่ท่านเข้าใช้เว็บไซต์ ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้ประเภทนี้ ท่านอาจใช้งานเว็บไซต์ได้ไม่สะดวกและไม่เต็มประสิทธิภาพ
    Cookies Details

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์เเละด้านฟังก์ชั่น

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อให้เราสามารถวัดผล ประเมิน ปรับปรุง และพัฒนาเนื้อหาสินค้า/บริการและเว็บไซต์ของเราเพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของท่าน ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้ประเภทนี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ประเมิน และพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

  • คุกกี้โฆษณา

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและสร้างโปรไฟล์เกี่ยวกับตัวท่าน เพื่อให้เราสามารถวิเคราะห์และนำเสนอเนื้อหา สินค้า/บริการ และ/หรือ โฆษณาที่เหมาะสมกับความสนใจของท่านได้ ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้ประเภทนี้ ท่านอาจได้รับข้อมูลและโฆษณาทั่วไปที่ไม่ตรงกับความสนใจของท่าน
    Cookies Details

Save