อาการปวดท้อง เป็นอาการที่หลาย ๆ คนเคยเผชิญกันมาบ้าง แต่หลาย ๆ คนมักคิดว่าไม่เป็นไร อาการปวดท้องเป็นเดี๋ยวก็หาย แต่ทราบไหมคะว่า อาการปวดท้องอาจเป็นสัญญาณ อันตรายจากโรคกระเพาะ โรคกระเพาะ หรือแผลในกระเพาะอาหาร เกิดจากภาวะที่มีกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไป เช่น กินอาหารไม่เป็นเวลา หรือกินยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวดแอสไพริน ยาลดการอักเสบ หรือในปัจจุบันก็พบว่า อาการแผลในกระเพาะอาหารส่วนใหญ่อาจไม่ได้เกิดจากกรดในกระเพาะอาหาร หรือกินอาหารไม่เป็นเวลา แต่เกิดจากแบคทีเรีย Helicobacter Pylori (H. pylori) ที่อยู่ในกระเพาะอาหารทำให้เกิดแผลขึ้นได้ อาการโรคกระเพาะ • มีอาการปวด หรือจุกแน่นท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่ ซึ่งมักเป็นเวลาท้องว่าง หรือเวลาหิว • มีอาการปวดแน่นท้อง แต่อาการดีขึ้นได้เมื่อกินอาหารหรือ ใช้ยาลดกรด • มีอาการท้องอืดหลังกินอาหาร ท้องจะอืดขึ้นชัดเจน มีลมมากในท้อง อาการปวดท้องเรื้อรัง มักเป็นอาการที่พบได้บ่อยในคนที่เป็นโรคกระเพาะ คือปวดแบบเป็น ๆ หาย ๆ เป็นระยะเวลานาน บางทีหิวก็ปวด อิ่มแล้วก็ปวด แต่ที่ไม่ยอมไปหาหมอปล่อยไว้เรื่อยๆ เพราะเป็นอาการปวดท้องที่พอทนได้ … อย่าคิดว่าปวดแค่นี้เดี๋ยวก็หาย… ระวังเป็น โรคกระเพาะ

  หลายคนละเลย ไม่เคยสังเกตปัสสาวะตัวเองมาก่อน แต่ต่อจากนี้เรามาเริ่มสังเกตปัสสาวะของตัวเองกันดีกว่าค่ะ เราอาจจะเริ่มสังเกตได้จาก สีของปัสสาวะ ความขุ่น  เพื่อดูว่า ปัสสาวะผิดปกติ หรือเปล่า หรือมีความเสี่ยงเป็นโรคอะไรได้บ้าง แล้วจะสังเกตุได้อย่างไรว่า ปัสสาวะที่เราขับถ่ายออกมาในทุก ๆ วันนั้น เป็นปัสสาวะที่ผิดปกติหรือไม่ แล้วสำคัญต่อร่างกายเราอย่างไร… คำตอบอยู่ที่นี่แล้ว! สีเหลือง คือ สีปกติของปัสสาวะ แต่ปัสสาวะจะมีสีเหลืองเข้ม หรืออ่อนก็ขึ้นอยู่กับอาหาร หรือน้ำที่กินเข้าไป หากดื่มน้ำน้อยอาจทำให้สีปัสสาวะเป็นสีเหลืองเข้ม หรือถ้าดื่มน้ำมากเกินสีปัสสาวะก็อาจจะอ่อนลงได้ สีปัสสาวะที่มีสีผิดปกติ อาจมีสีต่าง ๆ ดังนี้ ปัสสาวะสีแดงใส อาจเกิดจากมีการปนเปื้อนของเม็ดเลือดแดง หรืออาจเป็นสีของเลือดซึ่งออกมาจากบาดแผลในทางเดินปัสสาวะ หรืออาจเป็นสีแดงจากประจำเดือนก็ได้เช่นกัน ปัสสาวะสีคล้ายน้ำนม เกิดจากภาวะที่ปัสสาวะมีเซลล์เม็ดเลือดขาวมาก หรืออาจเป็นสีของไขมัน ซึ่งเกิดจากการที่ท่อน้ำเหลืองอุดตัน เช่น ผู้ป่วยที่เป็นโรคเท้าช้าง ปัสสาวะสีส้ม อาจเป็นผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้ยาบางชนิด เช่นยารักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ความขุ่นของปัสสาวะ ปัสสาวะปกติควรมีความใส หรือขุ่นเพียงเล็กน้อย หากปัสสาวะขุ่นมากอาจเป็นไปได้ว่าเกิดจาก มีสิ่งปลอมปนมากับปัสสาวะ เช่น มีเซลล์เม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง หรือเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งอาจเกิดจากการอักเสบของระบบทางเดินปัสสาวะ ปัสสาวะขุ่นเพราะมีนิ่วในไต หรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ … รู้ไหม!? ปัสสาวะผิดปกติ ขุ่น มีสี มีกลิ่น เป็นอันตราย และเสี่ยงเป็นโรคแค่ไหน?

  เคยเป็นกันมั๊ย! นอนก็เยอะ แต่ทำไมตื่นมาแล้วก็ยังอ่อนเปลี้ย เพลียร่างเหมือน นอนไม่พอ อยู่ตลอดเวลา เช้าก็ง่วง บ่ายยิ่งง่วง ถ้าใครที่มีอาการเหมือนนอนไม่พอ ตื่นนอนแล้วไม่สดชื่น เพลียตลอดเวลา เรามีคำแนะนำมาฝากกัน จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ในสหรัฐฯ เผยว่า ผู้ที่มีค่าเฉลี่ยชั่วโมงการนอนเพียง 4.5 ชั่วโมงในแต่ละคืน เป็นเวลา 1 สัปดาห์นั้น มีแนวโน้มจะเป็นคนที่มีอารมณ์แปรปรวนกว่าคนที่นอนประมาณ 7 ชั่วโมงต่อคืน โดยที่อารมณ์แปรปรวนเหล่านั้นจะผสมปนเปกันไประหว่างความรู้สึกเครียด เศร้า ท้อแท้ โมโห หงุดหงิด ซึ่งปกติแล้วธรรมชาติของเราสามารถควบคุมการแสดงออกทางอารมณ์ได้ แต่เมื่อไรที่เรานอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายจะมีประสิทธิภาพในการควบคุมอารมณ์ของตัวเองลดต่ำลง ทำยังไงให้ตื่นนอนแล้วสดชื่น ไม่เพลีย? งดเล่น และปิดโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ตก่อนนอน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลายคนทำได้ยากมาก แต่เพราะการเล่นมือถือก่อนนอน แล้วปล่อยให้หลับคามือถือไปอาจเป็นสาเหตุให้ร่างกายไม่ได้หลับสนิทเต็มที่ ยิ่งถ้ามือถือยังเปิดอยู่ เสียงเตือน หรือ notifications ต่าง ๆ ก็ทำให้เราสะดุ้งตื่นกลางดึก หรือหลับไปพร้อมกับเรื่องที่ยังค้างอยู่ในหัว ทำให้ตื่นนอนแล้วไม่สดชื่น เพลียได้ งดกินอาหารมื้อดึก แล้วนอนทันที การกินมื้อดึกแล้วนอนเลย ทำให้ร่างกายต้องทำงานหนัก … “เหมือนนอนไม่พอ ตลอดเวลา” ทำยังไงให้ตื่นนอนแล้วสดชื่น ไม่เพลีย