gedgoodlife

หัดสังเกต ปัสสาวะ กันดีกว่า ช่วยเตือนภัยเรื่องโรคร้ายได้นะ

  โดยทั่วไปแล้วร่างกายของมนุษย์เราจะมีกลไกในการขับถ่ายของเสียอยู่ด้วยกัน 4 ช่องทางใหญ่ ๆ นั่นคือ ลมหายใจ เหงื่อ อุจจาระ และ ปัสสาวะ อย่างหลังสุดที่เรากำลังพูดถึงนี้ มีอวัยวะสำคัญที่ทำงานสัมพันธ์กันอยู่ตั้งแต่ ไต กระเพาะปัสสาวะ เรื่อยมาจนถึงท่อปัสสาวะ ซึ่งหากความผิดปกติของร่างกายเกิดขึ้น ‘บางอย่าง’ ก็สามารถฟ้องผ่านทาง ‘ปัสสาวะ’ ได้อย่างรวดเร็ว ปัสสาวะ ทำนายโรค ความผิดปกติของปัสสาวะยังสามารถบอกภาวะที่เกิดขึ้นกับร่างกายได้อีกมาก และเพื่อให้คุณสามารถรับมือกับปัสสาวะที่เปลี่ยนไปได้มากขึ้น เรามีวิธีตรวจเช็คปัสสาวะด้วยตัวเองมาแนะนำ 1. เช็คความถี่ของปัสสาวะ ในเวลากลางวัน คนทั่วไปควรจะปัสสาวะประมาณ 4-6 ครั้ง แต่หากน้อยกว่านั้น หรือไม่ปวดปัสสาวะเลย ก็อาจเป็นตัวบ่งว่า คุณกำลังเป็นโรคไตระยะเริ่มต้น รวมถึงโรคหัวใจ หรือโรคอื่นๆ ที่เกิดจากการที่เลือดไหลเวียนไปที่ไตไม่เพียงพอ หรืออาจเกิดจากการขาดน้ำอย่างมาก รวมถึงภาวะช็อค ในเวลากลางคืน คนปกติควรจะปัสสาวะอยู่ประมาณ 0-1 ครั้ง ในกรณีที่ลุกขึ้นมาปัสสาวะบ่อยครั้งในช่วงกลางคืนก็บ่งบอกได้ถึงการเกิดโรค อย่างการขาดฮอร์โมนแอลโดสเตอโรน เมื่อขาดฮอร์โมนชนิดนี้ คนไข้จะลุกขึ้นมาปัสสาวะถี่มากขึ้น นอกจากนี้ในคนที่ขาดฮอร์โมน ADH (Lactate Dehydrogenase) ซึ่งหมายถึงการเป็น โรคเบาจืด หัดสังเกต ปัสสาวะ กันดีกว่า ช่วยเตือนภัยเรื่องโรคร้ายได้นะ

ไอ เจ็บคอ จากภูมิแพ้ ทำไงดี?

  อาการไอ เจ็บคอ ที่เกิดจากภูมิแพ้ มักเกิด จาก 2 สาเหตุ คือ แพ้อากาศเย็น แพ้ฝุ่นควัน วิธีดูแลรักษา เลี่ยงอากาศเย็น ทำร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ เลี่ยงสถานที่ที่มีฝุ่นเยอะ หรือสวมใส่หน้ากาก- อนามัยอยู่เสมอ เมื่อต้องเจอฝุ่นควัน หมั่นออกกำลัังกายสม่ำเสมอ เพื่อสร้างระบบ ภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง กินยาแก้แพ้ ดื่มน้ำอุ่น และพักผ่อนให้เพียงพอ อ่านเพิ่มเติม ->  1. คันคอ ไอแห้ง หายใจลำบาก เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง ใช่อาการโควิด-19 หรือเปล่า? 2. โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้อากาศ หรือ โรคภูมิแพ้จมูก – สาเหตุ อาการ วิธีรักษา ติดตาม GedGoodLife ช่องทางอื่น ๆ ได้ที่… Facebook : GEDGoodLife Nutroplex : nutroplexclub Twitter      : @gedgoodlife Line      ไอ เจ็บคอ จากภูมิแพ้ ทำไงดี?

วิธีดูแลเด็ก ช่วงวัย 1-5 ขวบ และวัคซีนสำหรับเด็ก ที่พ่อแม่ควรรู้

การดูแลสุขภาพ สุขอนามัย และสุขนิสัย ในเด็กแรกเกิด ถึง ช่วงอายุ 5 ขวบ เป็นสิ่งที่ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญ และใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะเป็นช่วงวัยที่เด็กเจริญเติบโตได้รวดเร็วมาก… มาดูกันเลยว่า วิธีดูแลเด็ก 1-5 ปี มีอะไรที่พ่อแม่ควรรู้ และมีวัคซีนอะไรบ้างที่เด็ก ๆ ควรได้รับในแต่ละวัย ข้อมูลโดย ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย วิธีดูแลเด็ก อายุ 1 ขวบ การเลี้ยงดู – รัก ดูแลใกล้ชิด เอาใจใส่ต่อตัวเด็ก สังเกต และตอบสนองความต้องการอย่างเหมาะสม ไม่ตามใจ – จัดการปัญหาพฤติกรรมที่พบบ่อย และฝึกวินัยเชิงบวกให้แก่เด็กโดยไม่ใช้วิธีรุนแรงในการลงโทษเด็ก ให้เบี่ยงเบนความสนใจการฝึกให้เด็กสงบ และชมเชยเมื่อเด็กทำดี – เด็กวัยนี้อยากรู้อยากเห็น ชอบสำรวจสิ่งต่าง ๆ ควรส่งเสริมให้เด็กได้มีโอกาสเล่น ทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างเหมาะสมกับวัย ให้เด็กมีโอกาสออกไปเล่น หรือพบปะกับเด็กอื่น ๆ โดยที่จัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัยต่อการเล่น และเรียนรู้ของเด็ก – ฝึกให้เด็กทำตามกติกาง่าย ๆ ภายในครอบครัว วิธีดูแลเด็ก ช่วงวัย 1-5 ขวบ และวัคซีนสำหรับเด็ก ที่พ่อแม่ควรรู้

กินวิตามิน พร้อมอาหารหรือตอนท้องว่าง เชื่อมั้ยว่าให้ผลต่างกัน

  วิตามินมีอยู่ 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่ละลายในน้ำกับละลายในไขมัน วิธีการ กินวิตามิน ทั้ง 2 แบบนี้ก็ต้องมีวิธีกินที่แตกต่างกันแน่นอน จึงจะให้ผลเริ่ดที่สุด มาดูกันดีกว่าว่ากินยังไงกันบ้างนะ กลุ่มละลายในไขมัน วิตามินเอ ช่วยในเรื่องของระบบสายตา และเสริมสร้างเนื้อเยื่อ วิตามินอี ซึ่งดูแลเรื่องเม็ดเลือดแดงและผิวหนัง แต่นอกจากวิตามินยอดฮิตทั้ง 2 แบบ ยังมีวิตามินอื่น ๆ อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย นั่นคือวิตามินดี และเค การกินวิตามินเอและอี รวมถึงวิตามินตัวอื่น ๆ ที่ละลายได้ดีในไขมัน ควรกินหลังอาหารจะดีที่สุด เนื่องจากจะสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่าการกินในช่วงท้องว่าง วิตามินเหล่านี้ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในรูปแคปซูลนิ่ม (Soft Gelatin Capsule) เมื่อกลืนเข้าไป เปลือกแคปซูลนิ่มจะแตก วิตามินก็จะละลายไปกับไขมันในอาหารแล้วดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย วิตามินเสริมอย่าง Co Q10 ก็ควรกินหลังอาหาร เนื่องจากจะสามารถดูดซึมได้ดีขึ้น พร้อมกับไขมันในอาหารที่คุณรับประทานเช่นกัน กลุ่มละลายในน้ำ – วิตามินซี ที่สาว ๆ ชอบทานเผื่อให้ผิวดูสดใสเปล่งปลั่ง ยังช่วยป้องกันไข้หวัดได้ด้วย จะกินช่วงไหนของวันก็ได้ แต่ควรกินในเวลาเดียวกันอย่างสม่ำเสมอในทุก ๆ กินวิตามิน พร้อมอาหารหรือตอนท้องว่าง เชื่อมั้ยว่าให้ผลต่างกัน

รวมวิธีฝึกลูกน้อยให้ใช้ เทคโนโลยี แต่พอดี : โดยคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

ปัจจุบัน เทคโนโลยีดิจิตอล ได้เข้ามามีบทบาทเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้คนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โลกเปลี่ยนแปลงจากอดีตที่เป็นโลกกว้างมาสู่โลกแคบ ๆ บนหน้าจอเล็ก ๆ ไม่กี่นิ้ว แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้อันไม่สิ้นสุด เด็กเจนอัลฟ่ายุคนี้เติบโตมาพร้อมกับ เทคโนโลยี เด็กบางคนสามารถใช้ ไอแพด หรือแท็บเล็ตได้อย่างคล่องแคล่วก่อนที่จะกินข้าวได้เองเป็นเสียอีก… ถึงแม้คุณไม่อยากให้ลูกเล็กของคุณต้องจ้องกับหน้าจอนี้นาน ๆ แต่บางครั้งคุณก็ไม่สามารถทนเสียงเรียกร้องจากลูกของคุณได้ พ่อแม่ส่วนใหญ่ไม่อยากให้ปัญหานี้เกิดขึ้นกับลูกของตนเอง วันนี้ลองมาฟังคำแนะนำดี ๆ ที่จะช่วยในการสร้างสมดุลในการใช้เทคโนโลยีอย่างพอดี เพื่อชีวิตที่ดีของลูกน้อยที่น่ารักของคุณ กันดีกว่า   เทคโนโลยี ส่งผลต่อพัฒนาการของลูกได้อย่างไรบ้าง ? เด็กส่วนใหญ่สามารถเรียนรู้อุปกรณ์เทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว พ่อแม่ไม่จำเป็นต้องกังวล หรือกลัวว่าเด็กจะตามเทคโนโลยีไม่ทันเพื่อน ไม่ว่าเด็กจะอ่านหนังสือออก หรือไม่ออก ก็สามารถเข้าใจการใช้งานในอุปกรณ์เหล่านี้ได้ไม่ยาก สิ่งสำคัญในการใช้ เทคโนโลยี ก็คือการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับวัยของเด็ก เพื่อการพัฒนาทักษะ และการเรียนรู้ที่ดี การเลือกเนื้อหา และเครื่องมือจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งการจำกัดเวลาที่ใช้งานเพื่อสุขภาพกาย และใจที่ดีของลูก ผลกระทบของการใช้อุปกรณ์สื่อสารในเด็ก การใช้งานอุปกรณ์เทคโนโลยีสำหรับเด็กมีผลต่อร่างกาย และจิตใจของเด็ก การห้ามใช้งานเลยก็ไม่เป็นผลดี หรือการใช้งานที่มากเกินไปก็ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ และอารมณ์ในระยะยาว พ่อแม่ควรดูแล และจัดสรรการใช้งานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์การใช้งานที่เหมาะสม เมื่อเด็กได้ถูกจัดระเบียบที่ดีแล้วตั้งแต่เริ่มต้น เด็กก็จะไม่ต่อต้านกับกฎระเบียบที่ตั้งขึ้นมา สามารถปรับตัวในการใช้อุปกรณ์ได้อย่างเข้าใจ ไม่ถูกครอบงำโดยโลกเสมือน สามารถใช้ชีวิตในโลกแห่งความเป็นจริง รวมวิธีฝึกลูกน้อยให้ใช้ เทคโนโลยี แต่พอดี : โดยคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

ปวดหัวจริงจริ้งงง! มาดู 8 วิธีแก้ปวดหัว แบบไม่ต้องพึ่งยากัน

  ปวดหัวเมื่อไหร่ ถ้ายังไม่อยากคว้ายาแก้ปวดมากิน ลองเอนตัวลงพัก เรามี วิธีแก้ปวดหัว แบบธรรมชาติมาให้ละ วิธีแก้ปวดหัว 1. ยาหม่องช่วยได้ ทาถู ๆ ยาหม่อง น้ำมันยูคาลิปตัส หรือน้ำมันเปปเปอมิ้นต์ ลงที่ขมับหรือข้อมือแล้วสูดดม กลิ่นเหล่านี้มีความซาบซ่าสูง ช่วยให้จมูกและสมองรู้สึกปลอดโปร่งขึ้น อาการปวดหัวก็คลายลงด้วย 2. นวดกดจุดแบบ DIY ลองนวดตรงกล้ามเนื้อทราพีเซียส (Trapezius) หรือกล้ามเนื้อตั้งแต่บ่า สะบัก ไล่ไปจนถึงสันคอ โดยใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางของมือขวา เอื้อมไปกดตรงทราพีเซียสฝั่งตรงข้าม ค้างไว้ 30 วินาทีถึง 1 นาที แล้วคลายออก ทำเช่นเดียวกันกับอีกด้าน เพราะการทำงานหนักของกล้ามเนื้อมัดนี้ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คุณรู้สึกปวดหัวนั่นเอง 3. เติมขิงในทุกที่ แปลกแต่จริงนะ เพราะสมุนไพรชนิดนี้ทำหน้าที่เหมือนแอสไพรินสูตรธรรมชาติทีเดียว มันมีหน้าที่ตั้งแต่คลายกล้ามเนื้อไปจนถึงแก้อักเสบ จึงช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ดังนั้นเติมสมุนไพรนี้ลงในอาหารของคุณ หรือจะหั่นลงในน้ำเดือดประมาณ 15 นาที อาจผสมกับมะนาว น้ำผึ้ง หรือชาจีนก็ได้ 4. ดื่มลาเต้ซักแก้ว แก้วเดียวก็พอนะ กาแฟไม่ได้ช่วยแค่ปลุกคุณตอนเช้า ปวดหัวจริงจริ้งงง! มาดู 8 วิธีแก้ปวดหัว แบบไม่ต้องพึ่งยากัน

6 โรคหน้าฝน ที่ต้องระวัง หลีกเลี่ยงให้ดี!

  1. โรคฉี่หนู (Leptospirosis) เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ที่อยู่ในปัสสาวะของหนูหรือสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข แมว โค กระบือ และสัตว์ฟันแทะทั้งหลายเป็นพาหะ โดยเชื้อเหล่านี้จะปะปนอยู่ในน้ำที่ท่วมขัง หากสัมผัสถูกเชื้อ จะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผล รอยขีดข่วน เยื่อบุจมูก เยื่อบุตา และเยื่อบุในช่องปากได้อย่างง่ายดาย อาการที่พบได้บ่อย หลังได้รับเชื้อประมาณ 1-2 อาทิตย์ จะมีไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ มักปวดกล้ามเนื้อบริเวณน่อง และโคนขาอย่างรุนแรง ตาแดง คอแข็ง มีไข้ติดต่อกันหลายวันสลับกับไข้ลด ในกรณีที่มีอาการรุนแรง อาจมีจุดเลือดออกที่เพดานปาก หรือตามผิวหนัง จนกระทั่งตับวาย ไตวาย หรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ การดูแลรักษา สำหรับผู้ที่มีไข้ไม่สูงมาก ควรเช็ดตัวลดไข้เป็นระยะ และกินยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล แต่ห้ามใช้แอสไพรินเด็ดขาด หากต้องเดินย่ำน้ำท่วม หรือน้ำสกปรก ควรสวมใส่รองเท้าบูทให้เรียบร้อย ต้องรีบล้างเท้าให้สะอาดทุกครั้ง และเช็ดเท้าให้แห้ง หากมีประวัติ หรือมีอาการเสี่ยง ให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพราะผู้ป่วยอาจถึงแก่ชีวิตได้   2. โรคตาแดง หรือ โรคเยื่อตาอักเสบ (conjunctivitis) เกิดจากเชื้อไวรัส ที่อยู่ในน้ำตา และขี้ตา 6 โรคหน้าฝน ที่ต้องระวัง หลีกเลี่ยงให้ดี!

5 กฎเหล็ก ลดพุง อย่างไร…ให้ได้ผลดี!

  แม้จะกระหน่ำออกกำลังกายมาอย่างหนัก แต่ผู้หญิงหลายคนยังประสบปัญหาเรื่องการ ลดพุง ที่ทำเท่าไหร่เจ้าพุง หรือก้อนตรงหน้าท้อง ก็ยังไม่ยอมหายไปซะที นั่นอาจเป็นเพราะคุณขาดสารอาหารบางอย่างหรือออกกำลังกายไม่ถูกวิธีก็ได้ สาว ๆ คนไหนที่อยาก ลดพุง ให้ได้ ต้องเช็คตามลิสต์เหล่านี้กันหน่อยนะ ร่างกายขาดแมกนีเซียมอยู่หรือเปล่า? ร่างกายเราต้องการแมกนีเซียมมากกว่า 300 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อช่วยให้การเต้นของหัวใจทำงานได้ตามปกติและรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งนอกเหนือจากประโยชน์ด้านสุขภาพแล้ว สารอาหารชนิดนี้ยังช่วยเรื่องการลดน้ำหนักและรักษารูปร่างได้ดีอีกด้วย โดยงานวิจัยพบว่า การบริโภคแมกนีเซียมในปริมาณสูง มีความเชื่อมโยงกับการเพิ่มขึ้นในระดับต่ำของกลูโคสและอินซูลิน (ซึ่งเป็นสารที่ทำให้อ้วนและเพิ่มน้ำหนัก) ส่วนงานวิจัยจากประเทศอังกฤษ พบว่าอาหารเสริมที่มีแมกนีเซียมอาจมีประโยชน์ในการลดการกักเก็บน้ำในช่วงมีรอบเดือน นั่นหมายความว่าคุณจะรู้สึกบวมน้ำน้อยลงนั่นเอง เคล็ดลับ : รับประทานอาหารที่มีแมกนีเซียม เช่น ผักใบเขียว พืชตระกูลถั่วต่างๆ หรือรับประทานอาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของแมกนีเซียม สำหรับผู้หญิงอายุต่ำกว่า 30 ปีควรบริโภคในปริมาณ 310 มิลลิกรัม/วัน ส่วนผู้หญิงอายุเกิน 30 ควรบริโภคที่ 320 มิลลิกรัม/วัน ออกกำลังกายผิดวิธี สาวๆ หลายคนหันมาหาวิธีออกกำลังกายอย่างการวิ่งจ๊อกกิ้งเพื่อหวังจะลดน้ำหนัก แต่หลังจากวิ่งไปได้สัก 45 นาที น้ำหนักคุณอาจลดลง 2-3 ปอนด์ แต่ระบบเผาผลาญในร่างกายจะเริ่มปรับตัวและหยุดเผาผลาญแคลอรีหลังออกจากลู่วิ่ง 5 กฎเหล็ก ลดพุง อย่างไร…ให้ได้ผลดี!

4 โรคภูมิแพ้พบบ่อยในเด็ก

  1. เยื่อบุจมูกอักเสบ – มีอาการ จาม คัน คัดจมูก มีน้ำมูกใส เป็นเรื้อรัง หลายสัปดาห์ ในช่วงฤดูฝน หรือตลอดทั้งปี 2. ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง – มี ผื่น คัน จนผิวหนังแดง เป็นเรื้อรัง โดยจะพบในเด็กเล็กและมีอาการมากเมื่อมีสิ่งกระตุ้นเช่น ร้อนเหงื่อออก แพ้อาหาร เป็นต้น 3. เยื่อบุตาอักเสบ – มีอาการแสบตา คันตา น้ำตาไหล ขยี้ตาบ่อย จนขอบตาช้ำ สีคล้ำ โดยพบบ่อยร่วมกับอาการเยื่อบุโพรงจมูกอักเสบภูมิแพ้ 4. โรคหืด – เกิดจากทางเดินหายใจที่บวม ตีบแคบลง ซึ่งถูกกระตุ้นโดยปฏิกิริยาภูมิแพ้หรือสาเหตุอื่น ๆ ร่วมด้วย จะมีอาการหายใจเสียงดัง “วี้ด” หอบ แน่นหน้าอก อาจเกิดอาการในตอนกลางคืน ขณะออกกำลัง หรือขณะเป็นหวัด อ่านเพิ่มเติมที่ -> ยาต้านฮิสตามีน สำหรับเด็ก ควรใช้อย่างไรดี? อ้างอิง : รพ. พญาไท #อินโฟกราฟิก #อินโฟกราฟิกเพื่อสุขภาพ 4 โรคภูมิแพ้พบบ่อยในเด็ก

5 สัญญาณอันตรายจากผิวหนัง ที่สาว ๆ ไม่ควรมองข้าม!

  สาว ๆ ส่องกระจกเพื่อเช็กดูความสวยกันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ลองเช็กดูผิวของคุณด้วย เพราะบางทีผิวอาจส่ง สัญญาณอันตรายจากผิวหนัง ว่าคุณมีโรคร้ายซ่อนอยู่ก็ได้นะ ดูอย่าง Eva Longoria ดาราสาวคนสวยสิ มีปัญหาใต้ตาคล้ำจนต้องพยายามโบ๊ะด้วยคอนซีลเลอร์เยอะ ๆ แต่พอเจอไฟแล้วมันฟ้องอ่ะ ถ้า : ใต้ตาแพนด้ามาก โบ๊ะอายครีมก็ไม่ช่วย สัญญาณเตือน : เชื่อว่าสาเหตุแรกที่สาว ๆ นึกถึงก็คือ นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่นักวิจัยจาก Sydney’s Nature Care College เตือนว่า บางทีใต้ตาที่ดำคล้ำมาก ๆ และผิวคล้ำขึ้น ไม่สดใส อาจเกิดจากไตกรองของเสียได้ไม่ดีพอก็ได้ คุณควร : กำจัดปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้ใต้ตาดำออกไปเสียก่อน เช่น เข้านอนให้เร็วขึ้น พักผ่อนให้เต็มที่ หากยังไม่ดีขึ้นหรือยังไม่สบายใจก็ไปเจาะเลือดเพื่อตรวจดูค่าการทำงานของไตกันสักนิด ถ้า : อยู่ดี ๆ ผิวก็เหลืองอย่างกับพอกขมิ้น สัญญาณเตือน : อย่าดีใจคิดว่าผิวสวย เพราะนี่อาจหมายความว่าตับอักเสบ และทำงานผิดปกติ 5 สัญญาณอันตรายจากผิวหนัง ที่สาว ๆ ไม่ควรมองข้าม!

อาหารเพื่อสุขภาพ ที่ควรกินเพื่อร่างกายที่แข็งแรง ห่างไกลโรค I GedGoodLife

  อาหารเพื่อสุขภาพ ที่ควรกิน 1. ผลไม้ ผักรวมกากใย ห้ามคั้นเอาแต่น้ำ และเอากากทิ้ง กากเป็นตัวสำคัญในการช่วยชีวิตที่สำคัญในการปรับเปลี่ยนจุลินทรีย์ในลำไส้ให้เป็นกลุ่มดี ผลิตของดี ขจัดของเสีย ฉะนั้นท้องผูกเป็นข้อเสีย แต่การดีท็อกซ์ล้างลำไส้แม้อาจช่วยท้องผูก แต่ก็จะไม่เหลือจุลินทรีย์ที่ดีไปด้วย 2. ส่งเสริมการกินพริกหยวก พริกหวาน รวมพริกขี้หนู มีสารในกลุ่มนิโคติน ป้องกัน และชะลอโรคอัลไซเมอร์ พาร์กินสันได้ 3. กินถั่วที่มีเปลือกช่วยชีวิตได้ ตั้งแต่ถั่วลิสง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เชสนัท วอลล์นัท อัลมอนด์ และอื่น ๆ แต่ไม่ใช่อบเนย เกลือเยอะกลับตายเร็วขึ้น 4. น้ำมันมะกอก (Extra Virgin olive oil) กินกับสลัด (ไม่ใช่เอามาผัดกับข้าว) 4 ช้อนโต๊ะต่อวัน เอามาใส่ข้าวต้มโรยกระเทียมเจียวก็รสชาติใช้ได้ 5. กาแฟที่มีคาฟีอิน และช็อกโกแล็ตดำ (dark chocolate) ที่มีโกโก้ 70% ขึ้นไปช่วยหัวสมอง จรดเท้า – ดาร์กช็อกโกแลต ลดอ้วน ลดโรค รับวันวาเลนไทน์ อาหารเพื่อสุขภาพ ที่ควรกินเพื่อร่างกายที่แข็งแรง ห่างไกลโรค I GedGoodLife

วิธีดูแลตัวเองให้หายจากไข้หวัด ใน 24 ชั่วโมง

  หากตื่นขึ้นมาด้วยอาการครั่นเนื้อครั้นตัว ไอ หรือจาม ดูเหมือนคุณจะโดน ไข้ หวัด เล่นงานเข้าซะแล้ว! จะทำอย่างไรให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้ก่อนถึงเวลาเข้านอนอีกรอบล่ะ ตามมาดู วิธีดูแลตัวเองให้หายจากไข้หวัด ใน 24 ชั่วโมง กันเลย! 8 โมง : วินิจฉัยโรคด้วยตัวเอง หากไม่มั่นใจว่าควรหยุดงานหรือไม่ ลองหาเทอโมมิเตอร์มาวัดดู ถ้าอุณหภูมิสูงกว่า 37.5 องศา มีอาการไอ หรือเวียนหัว ก็ควรโทรบอกที่ออฟฟิศ ขืนยังฝืนร่างกายอยู่ อาจป่วยในระยะยาวได้ การพักผ่อนอย่างเพียงพอในวันนี้ จะช่วยให้คุณทำงานได้ 100% ในวันรุ่งขึ้น 9 โมง : ดื่มให้เยอะ การรักษาร่างกายให้ชุ่มชื้นด้วยการดื่มน้ำ ถือเป็นจุดเริ่มที่ดีในการรักษา ไข้หวัด อาจเริ่มวันด้วยน้ำส้ม หรือไม่ก็วิตามินซี 2-3 เม็ด ตามด้วยดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ วิตามินซีช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และอย่าลืมดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วระหว่างวัน น้ำช่วยขจัดของเสียออกจากร่างกาย ยิ่งหากเป็นไข้เหงื่อออกเยอะ ก็ควรชดเชยน้ำที่ร่างกายเสียไป แล้วยิ่งหากมีอาการไมเกรนอยู่แล้วด้วย การขาดน้ำจะยิ่งทำให้คุณรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่ วิธีดูแลตัวเองให้หายจากไข้หวัด ใน 24 ชั่วโมง

ศีรษะมีรังแค เมื่อโดนหน้าและร่างกายจะขึ้นผื่น ทำไงดี?

มีคำถามจากทางบ้าน ถามเข้ามาใน ASK EXPERT ว่า “บนศีรษะมีคล้าย ๆ รังแค ตกโดนใบหน้า หรือร่างกายจะมีผื่นขึ้น ทำไงดีคะ?” วันนี้ GEDgoodlife ขอไขข้อข้องใจให้กระจ่าง พร้อมแนะ วิธีกำจัดรังแค มาให้ด้วยเลย มาติดตามกัน รังแค คืออะไร? รังแค (Dandruff) คือ แผ่นสีขาว หรือ สะเก็ดสีขาวบนหนังศีรษะ ซึ่งเกิดจากการหลุดลอกของเซลล์ผิวหนังชั้นบนสุด หากมีอาการคันร่วมด้วย การเกาก็จะยิ่งทำให้สะเก็ดหลุดลอก มากขึ้น และหากไปแกะก็จะทำให้เกิดแผลบนหนังศีรษะได้ หากมีรังแคมาก ๆ นอกจากจะทำให้เสียความมั่นใจ ภาพลักษณ์ดูไม่ดีกับคนที่พบเจอแล้ว รังแค อาจเป็นสัญญาณเตือนว่ามี อาการแพ้ ผิวหนังอักเสบ หรือความผิดปกติกับหนังศีรษะ อาจทำให้มีอาการคัน ผื่นแพ้ ขึ้นที่ศีรษะ ตามผิวหนัง ผิวหน้าได้ จากสถิติพบว่ารังแคมักเกิดขึ้นตั้งแต่อายุก่อน 20 ปี โดยทั่วไปวัยรุ่นจะเริ่มมีรังแค และเมื่ออายุ 50 ปี จะสังเกตพบว่ารังแคเริ่มหายไป สาเหตุของรังแค ภาวะโรคหนังศีรษะอักเสบ (Seborrheic dermatitis) เป็นโรคผิวหนังที่พบได้บ่อย มักจะพบที่หนังศีรษะ ศีรษะมีรังแค เมื่อโดนหน้าและร่างกายจะขึ้นผื่น ทำไงดี?

วิธีป้องกันฝุ่น PM2.5 ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง

  1. สวมหน้ากากอนามัย N95 หรือหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ 2. ดูแลรักษาบ้านให้สะอาดอยู่เสมอ และติดตั้งเครื่องฟอกอากาศไว้ภายในบ้าน 3. เช็คสภาพอากาศอยู่เสมอ 4. หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง 5. พกยาแก้แพ้ชนิดติดตัว 6. พบแพทย์เมื่อร่างกายผิดปกติ ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไข้หวัด อาการไอ ปวดท้อง ภูมิแพ้  ได้ฟรี! ตลอด 24 ชั่วโมง ถามเลย ที่นี่ ติดตามGedGoodLife ช่องทางอื่น ๆ ได้ที่… Facebook : GEDGoodLife Nutroplex : nutroplexclub Twitter      : @gedgoodlife Line          : @gedgoodlife Youtube   : GEDGoodLife ชีวิตดีดี

ปวดไหล่ ปวดบ่า ปวดเรื้อรัง อย่าคิดว่าเป็นเรื่องปกติ!!

  ปวดไหล่ ปวดบ่า เป็นอาการที่เชื่อว่าแทบทุกคนที่อายุมากขึ้น ต้องได้สัมผัสกับอาการนี้กันมาบ้าง อาจจะมากน้อยแตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่อาการนี้ จะพบเจอได้มากในกลุ่มคนทำงานที่ต้องนั่งอยู่หน้าจอนาน ๆ… หลายคนกล่าวขานอาการปวดไหล่ ปวดบ่า ปวดหลัง เหล่านี้ว่า “กลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม” แต่จริง ๆแล้ว อาการปวดไหล่ ปวดบ่า สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนทุกอาชีพ โดยเฉพาะคนที่มีท่าทางการเดิน ยืน นอน นั่ง ที่ไม่ถูกต้อง ล้วนส่งผลกับอาการปวดจนลุกลามเป็นอาการปวดเรื้อรังได้ สำหรับอาการปวดไหล่ ปวดบ่า หากเป็นอาการปวดที่มาจากกล้ามเนื้อก็คงไม่น่าเป็นห่วง สามารถดูแลแก้ไขได้ แต่อาการปวดที่หากไม่ได้เกิดจากแค่ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อธรรมดา แต่เกิดจากสาเหตุของหมอนรองกระดูก บริเวณกระดูกต้นคอเสื่อม หรือผิดปกติ อันนี้เป็นเรื่องแล้วค่ะ ดังนั้นหลายคนที่มีอาการ ปวดไหล่ ปวดบ่า เรื้อรัง อาจจะต้องไปให้หมอทำการวินิจฉัยรักษาให้รู้แน่ชัดว่า เป็นอาการจากการนั่งทำงาน อาการออฟฟิศซินโดรม หรือมีปัญหาจากกระดูกต้นคอเสื่อม หมอนรองกระดูกผิดปกติกันแน่ เพราะหากมีปัญหาที่หมอนรองกระดูก จำเป็นต้องทำการรักษาอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะหายดี โดยหากเป็นในช่วงเริ่มต้น หรืออาการไม่มาก หมออาจจะให้ยาเพื่อรักษา แต่บางครั้งอาจจะจำเป็นต้องทำการผ่าตัดร่วมด้วย แต่ส่วนใหญ่คนไข้ที่มีอาการปวดไหล่ ปวดบ่าเรื้อรังมานาน แต่ไม่ไปรักษา เพราะไม่คิดว่าอาการที่ตัวเองเป็นนั้นรุนแรงถึงขั้นเป็นหมอนรองกระดูกทับไขสันหลัง ซึ่งกว่าจะมาถึงมือหมออาการก็เป็นหนักมากแล้ว ดังนั้นถ้ามีอาการปวดไหล่ ปวดบ่าเรื้อรังไม่หายสักที ปวดไหล่ ปวดบ่า ปวดเรื้อรัง อย่าคิดว่าเป็นเรื่องปกติ!!

ไข้ทับระดู (Period Flu) อาการเป็นอย่างไร รักษายังไงได้บ้าง?

  ไข้ทับระดู (Period Flu) คือ การมีไข้ขณะมีประจำเดือน เพราะคำว่า ระดู หมายถึง เลือดประจำเดือน โดยผู้หญิงในช่วงที่มีประจำเดือน ร่างกายมักจะอ่อนแอลง ภูมิต้านทานการติดเชื้อลดลง โอกาสที่จะเกิดการติดเชื้อจึงง่ายกว่าปกติ ไข้ทับระดูในอดีต เป็นโรคที่ค่อนข้างน่ากลัวเป็นแล้วอาจจะเสียชีวิตได้ เพราะเทคโนโลยีการแพทย์ต่าง ๆ ไม่ทันสมัย เวลาเจ็บป่วย เป็นไข้ หรือติดเชื้อ ก็อาจจะรุนแรง จนเสียชีวิตได้เลยทีเดียว สาเหตุของไข้ทับระดู – ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง เนื่องจากขณะมีประจำเดือนร่างกาย มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศหญิง เช่น เอสโตเจนและโปรเจสเตอโรน ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ระบบร่างกายเสียสมดุล – มีภูมิต้านทานลดน้อยลง เป็นช่วงที่ร่างกายอ่อนแอ ภูมิต้านทานการติดเชื้อลดลง จึงมีโอกาสที่จะเกิดเจ็บป่วย เป็นไข้ หรือติดเชื้อง่ายกว่าปกติ – รักษาความสะอาดไม่ดี ช่วงมีประจำเดือน มีโอกาสติดเชื้อในมดลูก และปีกมดลูกได้มากกว่าปกติอีกด้วย โดยเฉพาะหากรักษาความสะอาดอวัยวะเพศ ช่องคลอดไม่ดี ไข้ทับระดู สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ ได้แก่ 1. ไข้ทับระดู ที่ไม่มีสภาวะอื่นแอบแฝง – มีอาการคล้ายไข้หวัดทั่วไป ไม่รุนแรง – มีไข้ – ไข้ทับระดู (Period Flu) อาการเป็นอย่างไร รักษายังไงได้บ้าง?

askexpert

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้ประเภทนี้จะช่วยจดจำข้อมูลคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ท่านใช้เข้าชมเว็บไซต์ ข้อมูลการลงทะเบียนหรือ log in ข้อมูลการตั้งค่าหรือตัวเลือกที่ท่านเคยเลือกไว้บนเว็บไซต์ เช่น ภาษาที่แสดงบนเว็บไซต์ ที่อยู่สำหรับจัดส่งสินค้า เพื่อให้ท่านสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องให้ข้อมูลหรือตั้งค่าใหม่ทุกครั้งที่ท่านเข้าใช้เว็บไซต์ ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้ประเภทนี้ ท่านอาจใช้งานเว็บไซต์ได้ไม่สะดวกและไม่เต็มประสิทธิภาพ
    Cookies Details

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์เเละด้านฟังก์ชั่น

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อให้เราสามารถวัดผล ประเมิน ปรับปรุง และพัฒนาเนื้อหาสินค้า/บริการและเว็บไซต์ของเราเพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของท่าน ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้ประเภทนี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ประเมิน และพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

  • คุกกี้โฆษณา

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและสร้างโปรไฟล์เกี่ยวกับตัวท่าน เพื่อให้เราสามารถวิเคราะห์และนำเสนอเนื้อหา สินค้า/บริการ และ/หรือ โฆษณาที่เหมาะสมกับความสนใจของท่านได้ ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้ประเภทนี้ ท่านอาจได้รับข้อมูลและโฆษณาทั่วไปที่ไม่ตรงกับความสนใจของท่าน
    Cookies Details

Save