อาการภูมิแพ้หลายคนคงเคยสัมผัสมาแล้วในช่วงชีวิตหนึ่ง ซึ่งบางคนอาจจะมีอาการเฉพาะบางช่วงเวลาของแต่ละปี เช่น ภูมิแพ้หน้าฝน เป็นต้น จากงานวิจัยพบว่าอาการภูมิแพ้ของคนจำนวนไม่น้อยกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ มักเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน และฤดูหนาว รวมถึงในช่วงรอยต่อระหว่างฤดูดังกล่าว และอีกกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ มักจะมีอาการตลอดช่วงระยะเวลาทั้งปี
รวมถึงยังพบว่าในกลุ่มคนที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปีลงมา มักเกิดอาการภูมิแพ้ได้ง่ายกว่าช่วงวัยที่มากกว่า เมื่อต้องสัมผัสอากาศเย็นในห้องที่มีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ และจากการศึกษายังค้นพบอีกว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ฤดูฝน เป็นช่วงที่มีอาการภูมิแพ้ หรือ ภูมิแพ้หน้าฝน มากกว่าช่วงเวลาอื่น ๆ ก็เพราะสภาพความชื้นในอากาศ ที่มีสูงกว่าปกติ รวมถึง ฝุ่นละอองจากสารชีวภาพต่าง ๆ ซึ่งได้แก่
1. สารจากเกสรดอกไม้ ซึ่งตามสถิติพบว่าเป็นอันดับต้น ๆ ที่ทำให้เกิดอาการแพ้ และพบบ่อยมากที่สุดโดยเฉพาะช่วงฤดูฝน ละอองจากเกสรดอกไม้จะมีมากกว่าฤดูอื่น
อ่านบทความเพิ่มเติม : ภูมิแพ้เกสรดอกไม้ สาเหตุ อาการ และวิธีรักษา
2. หญ้า เป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้มากยิ่งขึ้น ยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีทั้ง ละอองเกสรดอกไม้ และหญ้า แล้วละก็ อาการแพ้ก็จะปรากฏตามร่างกายได้รุนแรงกว่าเดิม
3. วัชพืช เศษวัสดุ และละอองจากวัชพืช เพียงเสี้ยวเล็ก ๆ แต่กลับมีอานุภาพ ทำให้มีอาการแพ้ที่รุนแรงที่สุด ดังที่คนที่เคยสัมผัส และเกิดอาการแพ้มาคงทราบดี
4. เชื้อรา ร่าเริง และเติบโตรวดเร็วในช่วงฤดูฝนมากที่สุด เป็นสารก่อภูมิแพ้ที่พบได้บ่อยตามผิวสัมผัสในสถานที่อับชื้น และแสงส่องถึงได้น้อย
5. ข้อสุดท้าย แต่ความร้ายไม่ท้ายสุด คือเจ้าไรฝุ่น ที่หลานท่านคงเข็ดขยาดเมื่อได้ยินเพียงแค่ชื่อ มักพบมากในอากาศชื้น เช่นในฤดูฝน และมักจะซ่อนตัวอยู่กับ พรม เตียง เสื้อผ้า เสื้อขนสัตว์ ได้อย่างแนบเนียนจนกว่าจะรู้ตัวก็มีอาการน้ำมูกไหล ไอจามไม่หยุดแล้ว
ซึ่งปัญหาเหล่านี้ได้สร้างความก่อกวนทั้งทางร่างกาย และสภาพจิตใจให้กับผู้คนจำนวนไม่น้อย เกิดอาการน้ำมูกไหล ระคายเคืองตา ไอ จาม ไม่สบายตัว จนก่อความรำคาญ จนทำให้หลายท่านรู้สึกความสุขลดหายไป ทุกครั้งเมื่อสายฝนโปรยปลาย แต่อย่างไรก็ดี อาการภูมิแพ้นี้สามารถบรรเทาให้ดีขึ้นได้โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน
วันนี้ GED good life ได้รวบรวม 10 เคล็ดลับสำหรับคนเป็นภูมิแพ้หน้าฝน ที่จะทำให้คุณหลงรักฤดูฝนอย่างที่ไม่เคยรัก มาฝากให้นำไปใช้กัน ซึ่งจะมีรายละเอียดและเรื่องราวอย่างไรนั้น มาตามไปชมพร้อมกันได้เลย
10 เคล็ดลับสำหรับคนเป็น “ภูมิแพ้หน้าฝน”
1. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายถือเป็นเคล็ดลับในการดูแลสุขภาพ ที่ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางสายหลักสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลรักษาสุขภาพในระยะยาว โดยในปัจจุบันก็มีวิธีการออกกำลังกายที่หลากหลายให้เลือกตามความสนใจส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง การปั่นจักรยาน หรือการเต้นแอโรบิค
แต่ไม่ว่าจะเป็นวิธีการใดก็ตามสิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจคือการออกกำลังกายควรทำแต่พอดี ไม่หนักจนเกินไป หรือไม่เบาจนไม่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพ รวมถึงควรพิจารณาตามเงื่อนไขความสะดวก และเวลาเพื่อให้สอดคล้องไปกับวิถีชีวิตของคุณได้อย่างลงตัวมากที่สุด
โดยเฉพาะการออกกำลังกายในช่วงฤดูฝน ก็ควรเลือกกิจกรรมออกกำลังกายในอาคารเพื่อหลีกเลี่ยงสภาพอากาศที่ร้อนชื้น รวมถึงละอองฝนที่อาจทำให้อาการภูมิแพ้ของคุณนั้นทรุดลง เท่านี้ก็จะทำให้คุณมีพฤติกรรมการออกกำลังจนเกิดเป็นอุปนิสัยได้ไม่ยากเลย
2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ หรือหาเครื่องป้องกันหากต้องมีการสัมผัส
สำหรับผู้ที่ทราบว่าตนเองมีอาการตอบสนองไวต่อสารบางประเภทแล้ว สิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย คือการหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ หรือมีเครื่องป้องกัน หากจำเป็นต้องมีการสัมผัส ซึ่งจะเป็นการควบคุมอาการที่ต้นเหตุ ได้ดีกว่าการแก้ปัญหาจากปลายเหตุ เช่น ถ้าท่านทราบว่ามีอาการแพ้สารจากเกสรดอกไม้ หญ้า และวัชพืช ซึ่งช่วงฤดูฝน ละอองจากเกสรดอกไม้จะมีมากกว่าฤดู รวมถึงหญ้าและวัชพืชก็เจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้มากและรุนแรงยิ่งขึ้น
ดังนั้นก่อนเข้าถึงฤดูฝนจึงควรทำการกำจัดวัชพืช และถางหญ้าที่รกออกให้โล่งเตียนเสียก่อน และหาเครื่องป้องกันเมื่อจำเป็นต้องมีการสัมผัสสารกระตุ้นภูมิแพ้เหล่านั้น รวมถึงหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมในสิ่งแวดล้อมที่จะกระตุ้นการสัมผัสเกสร หญ้า และวัชพืช ในช่วงฤดูดังกล่าว
3. นอนหลับพักผ่อนอย่างมีคุณภาพ
ยาอายุวัฒนะอีกขนานที่ ไม่ต้องเสียเงินจำนวนมากมายซื้อหามา และเกือบทุกคนสามารถทำได้ที่บ้านตนเอง นั่นก็คือการนอนหลับพักผ่อนอย่างมีคุณภาพ ซึ่งก็มีเคล็ดลับที่หลายท่านอาจไม่เคยทราบ นั่นก็คือการหลับ และตื่นให้เป็นเวลา ไม่ทำกิจกรรมอื่นในที่นอน เช่นการใช้โทรศัพท์มือถือ เพราะจะทำให้นาฬิกาของการนอนสับสน
ไม่ควรออกกำลังกายใกล้เวลานอน ควรหลีกเลี่ยงอาหารหนักในมื้อเย็น รวมถึงควรมีระยะเวลาการนอนหลักพักผ่อนต่อเนื่องได้ยาวนานไม่ต่ำกว่า 7 ชั่วโมง เพื่อให้การนอนหลับนั้นมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งเชื่อว่าเคล็ดลับข้อนี้หลายคนคงทำตามได้อย่างไม่ยากอย่างแน่นอน ยิ่งวันที่อากาศสดชื่นเย็นสบายจากสายฝนแล้วละก็ เชื่อว่าทุกท่านคงไม่อยากลุกออกจากเตียง
4. ฝึกสมาธิ ลดความเครียด วิตกกังวล
มีงานวิจัยมากมายได้กล่าวถึงคุณประโยชน์ของการฝึกทำสมาธิ เพราะไม่ว่าคุณจะเชื้อชาติ หรือนับถือศาสนาใดก็ตามการทำสมาธิถือเป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้โดยไม่ขัดต่อหลักการทางศาสนาใด ๆ
โดยวิธีการที่เป็นที่นิยมได้แก่ การกำหนดรู้ลมหายใจ เข้า-ออก เพื่อให้จิตเราอยู่กับสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน คือลมหายใจ ไม่ฟุ้งซ่านไปเรื่องอื่น ๆ โดยเมื่อคุณหายใจออกก็ให้คุณเริ่มนับหนึ่งในใจ ต่อไปก็เป็นสองสามสี่ตามลำดับ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกว่าความคิดของคุณกำลังล่องลอยออกไปที่อื่น ให้คุณกลับมาตั้งต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง ซึ่งทั้งหมดนี้ควรเป็นไปโดยธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องไปบังคับการหายใจ แค่ปล่อยให้มันรับรู้อย่างสบาย ๆ
สิ่งสำคัญที่หลายคนมักมองข้ามคือ การทำอย่างสม่ำเสมอ อาศัยเวลาเพียงแค่ครั้งละ 5-10 นาที คุณก็จะสามารถรู้สึกสดชื่น และเบิกบานจากการทำสมาธิได้แล้ว สำหรับฤดูฝนช่วงเข้าพรรษานี้ ก็เป็นโอกาสดี ๆ ที่หลายท่านเลือกจะกำหนดกิจกรรมที่ต้องทำเป็นประจำเพื่อการพัฒนา และฝึกฝนอุปนิสัยดี ๆ ให้กับตนเอง การเลือกทำสมาธิอย่างต่อเนื่อง และเคร่งครัดก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับหน้าฝนครั้งนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว
5. ดูแลรักษาความสะอาดภายในที่พักอาศัย
ความสะอาดของที่พักอาศัย ส่งผลโดยตรงต่ออาการภูมิแพ้โดยเฉพาะอาการภูมิแพ้ในระบบทางเดินหายใจของคุณอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะ ไรฝุ่น และเชื้อรา เป็นสารก่ออาการภูมิแพ้ที่คนส่วนมากได้รับผลกระทบกันอาศัย สภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาด ชื้นและอับ ในการเจริญเติบโต
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝน เครื่องนอนทุกชิ้นควรหมั่นซักทำความสะอาดด้วยน้ำร้อนทุก 2 สัปดาห์ และนำไปตากแดดจัด หรือใช้เตารีดรีดทุกครั้งก่อนนำไปใช้งาน ตลอดจนอาจใช้ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนที่ผลิตเพื่อป้องกันไรฝุ่นโดยเฉพาะก็จะสามารถช่วยลดโอกาสในการเจริญเติบโตของพวกไรฝุ่นได้เป็นอย่างดี
6. หลีกเลี่ยงการเผชิญสภาวะอากาศที่รุนแรง
ดังที่กล่าวมาในตอนต้น สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วกะทันหัน ในช่วงเปลี่ยนฤดู จากร้อนไปฝน และปลายฤดูฝนไปจนเข้าฤดูหนาว ทำให้ผู้คนจำนวนมากมีอาการภูมิแพ้ประจำฤดูกาล รวมถึงการอยู่ในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศที่หนาวจัด ร้อนจัด ชื้นจัด ก็เป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้อาการภูมิแพ้ของคุณแย่ลง และอาจกินระยะเวลาในการรักษาฟื้นตัวที่ยาวนาน
ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการเผชิญสภาวะอากาศที่รุนแรงดังกล่าว รวมถึงมีการเตรียมตัวเตรียมพร้อม หาเสื้อผ้าอุปกรณ์กันฝน พกติดกระเป๋าหรือติดรถไว้ให้พร้อมในช่วงของการเปลี่ยนแปลงฤดูดังกล่าว
7. งดการสูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แม้ว่ายังไม่มีงานวิจัยใด ๆ ยืนยันออกมาโดยชัดเจนว่า การสูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะส่งผลโดยตรงต่อการเกิดภูมิแพ้ แต่แน่นอนว่า สองสิ่งนี้ไม่ได้มีผลดีต่อสุขภาพโดยรวมของคุณทั้งในปัจจุบันและอนาคต ดังนั้นหาก คุณเป็นผู้หนึ่งที่เผชิญกับอาการภูมิเป็นประจำ การงดการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างเด็ดขาด ก็ถือเป็นอีกสิ่งจำเป็นที่จะช่วยลดโอกาสการเกิดอาการภูมิแพ้ของคุณในระยะยาวได้
8. หมั่นล้างโพรงจมูก
ฤดูฝนเป็นช่วงเวลาที่คนส่วนมากมักจะมีอาการภูมิแพ้ รวมถึงไข้หวัดทั้งหนัก และเบา ทำให้สองอาการนี้บ่อยครั้งแทบแจกออกจากกันได้ยาก การล้างจมูกด้วยน้ำเกลืออนามัยอุ่น ๆ ช่วยทำให้คุณรู้สึกโล่งโปล่งสบายในโพรงจมูกได้อย่างฉับพลัน และถือเป็นวิธีการในการชำระล้างเอาสิ่งแปลกปลอมที่ทำให้เกิดการอักเสบ หรือแพ้ในโพรงจมูกคุณออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ดังนั้นท่านที่มีอาการภูมิแพ้ทางเดินหายใจอยู่เป็นประจำควร ทำการล้างโพรงจมูกอยู่เป็นประจำ ตลอดช่วงระยะเวลาที่อาการภูมิแพ้กำเริบ โดยควรศึกษาวิธีการล้างที่ถูกต้องรวมถึงเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้คุณภาพ และปลอดภัยในการทำการล้างทุกครั้งเท่านั้นคุณก็จะไม่รู้สึกแย่เวลามีอาการภูมิแพ้ทางเดินหายใจ
ซึ่งเคล็ดลับข้อนี้สามารถช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้ทั้งจากอาการภูมิแพ้และอาการไข้หวัดที่มักจะเป็นๆ หาย ๆ ในช่วงวสันตฤดู
9. เลือกใช้ยาที่มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย
สำหรับท่านที่เป็นโรคภูมิแพ้ มีอาการ ไอ จาม น้ำมูกไหล อยู่เป็นประจำ ควรมีการเตรียมพกยาแก้แพ้ที่มีคุณภาพสูงติดตัวไว้เสมอ เพราะอาการแพ้ของคุณอาจเกิดขึ้นจากสิ่งกระตุ้นภายในอย่างเฉียบพลัน เช่นการเผชิญกับฝน หรือ ความหนาวในห้องปรับอากาศ อย่างไม่ทันให้ตั้งตัว จนทำให้เกิดอาการแพ้ไอจาม เป็นผื่นคันตามใบหน้า รอบดวงตา หรือส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งยาแก้แพ้บางชนิดในท้องตลาดอาจก่อให้เกิดอาการง่วงซึม ทำให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
ดังนั้นจึงควรเตรียมยา ที่ได้คุณภาพประสิทธิภาพ และไม่ก่อให้เกิดอาการง่วงซึมอย่าง ตัวยา ลอราทาดีน (Loratadine) ซึ่งเป็นยาแก้แพ้ที่ได้ผลเต็มประสิทธิภาพ สามารถรับประทานตอนกลางวันในขณะทำงานหรือกิจกรรมระหว่างวันได้ เพียงวันละแค่ 1 เม็ด ก็จะช่วยให้อาการแพ้ต่าง ๆ ไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคุณอีกต่อไป
10. เคร่งครัด และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
ประการสุดท้าย แต่มีความสำคัญไม่แพ้ทุกเรื่องที่กล่าวมา นั่นคือการ มีวินัย และเคร่งครัดในการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ที่ดูแลอาการของคุณอย่างสม่ำเสมอ เพราะโรคภูมิแพ้ อาจไม่สามารถทำให้หายขาดได้ และมีแนวโน้วจะกำเริบ และมีอาการรุนแรงขึ้นท่วมกลางฤดูฝน การให้ความสำคัญที่ถูกต้องจึงควรใส่ใจกับวิธีการป้องกันมากกว่าการรักษาที่ปลายเหตุเท่านั้น ควรมีการตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละครั้ง และ ปฏิบัติตามคำแนะนำที่แพทย์ระบุในการรักษาอย่างจริงจัง เพียงเท่านี้ อาการภูมิแพ้ ก็ไม่จำเป็นต้องทำให้คุณต้องแพ้ตลอดไป