เปิดเทอมใหม่ทีไร ลูกเป็นหวัดทุกที!

โดย แพทย์หญิงวรยา ขัตติพัฒนาพงษ์

เปิดเทอมใหม่ทีไร ลูกเป็นหวัดทุกที! ปัญหาโลกแตกของพ่อแม่หลายๆ คน เมื่อลูกต้องกลับไปโรงเรียนเจอเพื่อนๆ แล้วก็มักจะกลับมาพร้อมกับน้ำมูกไหล ไอ จาม ไม่สบายตัว ไม่ใช่แค่เรื่องอากาศเปลี่ยนแปลง แต่การที่เด็กๆ มาอยู่รวมกัน ภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรงพอ และการระบาดของโรคตามฤดูกาล ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เด็กๆ เป็นหวัดหรือโรคระบบทางเดินหายใจได้ง่ายขึ้น

ไข้หวัด vs ภูมิแพ้ ต่างกันอย่างไร?
หลายคนอาจสงสัยว่าลูกเป็นหวัดหรือเป็นภูมิแพ้กันแน่? ทั้งสองโรคมีอาการคล้ายกันหลายอย่าง เช่น น้ำมูกไหล คัดจมูก จาม แต่สาเหตุและลักษณะเฉพาะของอาการแตกต่างกันดังนี้:
หวัด: เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย มักมีไข้ เจ็บคอ ไอ และอ่อนเพลียร่วมด้วย อาการมักดีขึ้นภายใน 7-10 วัน
ภูมิแพ้: เกิดจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น ละอองเกสร รังแคสัตว์ มักมีอาการคัน จาม น้ำมูกใส และคันตา อาการมักเป็นๆ หายๆ ขึ้นอยู่กับการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้

 

 

วิธีป้องกันลูกน้อยไม่ให้ป่วย

สอนลูกล้างมือให้ถูกวิธี: ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาด หรือใช้เจลแอลกอฮอล์

ใส่หน้ากากอนามัย: เมื่อมีอาการน้ำมูกไหล ไอ จาม ควรใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ

หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้: หากลูกมีอาการแพ้ ควรสังเกตและหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดอาการแพ้

เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: ให้ลูกรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ

 

การดูแลเมื่อลูกเป็นหวัดหรือภูมิแพ้
เมื่อลูกน้อยเริ่มมีอาการป่วย สิ่งสำคัญคือการดูแลและบรรเทาอาการอย่างถูกต้อง เพื่อให้ลูกหายเร็วขึ้นและกลับมาสดใสแข็งแรงดังเดิม

หากลูกเป็นหวัด:
พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

ดื่มน้ำมากๆ: ช่วยบรรเทาอาการคอแห้งและช่วยขับเสมหะ

ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ: ช่วยลดความเหนียวข้นของน้ำมูก ทำให้ง่ายต่อการขับออก

ทานยาลดน้ำมูก: สำหรับเด็กอายุมากกว่า 2 ปี สามารถทานยาลดน้ำมูกเพื่อบรรเทาอาการคัดจมูกได้ (ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน)

ทานยาลดไข้: หากมีไข้สูง ควรทานยาลดไข้ตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร

เช็ดตัวลดไข้: ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัวเพื่อช่วยลดไข้

พบแพทย์: หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หรือมีอาการรุนแรง เช่น หายใจลำบาก ไข้สูงไม่ลด ควรรีบพาไปพบแพทย์

หากลูกเป็นภูมิแพ้:

หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้: สังเกตว่าลูกมีอาการแพ้อะไร และพยายามหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้นั้นๆ

ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ: ช่วยชะล้างสารก่อภูมิแพ้และลดอาการคัดจมูก

ทานยาแก้แพ้: ตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร

พบแพทย์: หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรง เช่น หายใจลำบาก แน่นหน้าอก ควรรีบพาไปพบแพทย์

ข้อควรระวัง:

ไม่ควรให้เด็กทานยาปฏิชีวนะเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะหวัดส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งยาปฏิชีวนะไม่สามารถรักษาได้

หากลูกมีอาการแพ้รุนแรง เช่น หายใจลำบาก หน้าบวม ปากบวม ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที

การดูแลลูกน้อยเมื่อป่วยเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจและทำอย่างถูกต้อง เพื่อให้ลูกน้อยหายป่วยเร็วๆ และกลับมาแข็งแรงได้ในเร็ววันค่ะ

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

Subscription

  • This field is for validation purposes and should be left unchanged.
Ask the Expert Close