ภูมิแพ้ ใครที่เป็นอยู่ คงรู้ตัวว่าต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังขนาดไหน จะกินก็ต้องเลือก จะออกไปข้างนอกก็กลัวแพ้ฝุ่น แพ้อากาศ! จะว่าไปแล้ว การเป็นภูมิแพ้นี่มันทำให้ชีวิตมืดมนจริง ๆ!! แต่อย่าเพิ่งกังวลไป เพราะวันนี้ GEDgoodlife มี “วิธีดูแลตนเองให้ห่างไกลจากภูมิแพ้” มาฝากชาวภูมิแพ้กันแล้ว อ่านจบแล้วก็อย่าลืมไปปฎิบัติตามกันด้วยนะ จะได้หายจากภูมิแพ้กัน!
- เคลียร์ทุกข้อสงสัย! โรคภูมิแพ้ รู้สาเหตุรักษาตรงจุด ก็มีโอกาสหายได้
- เทียบอาการให้ชัด! ไอภูมิแพ้ กับ ไอลองโควิด แตกต่างกันยังไง?
- ทำความรู้จักกับ ยาแก้แพ้ คืออะไร มีกี่ชนิด และวิธีใช้
ทำไมเราถึงเป็น โรคภูมิแพ้ กันนะ?
ก่อนจะไปรู้จักวิธีดูแลภูมิแพ้ เรามาคุยกันก่อนว่า “ทำไมเราถึงเป็นภูมิแพ้?” แม้สาเหตุที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ยังไม่ปรากฎเป็นที่แน่ชัด แต่ทางการแพทย์ชี้ว่า มีปัจจัยอยู่ 3 ประการ ที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ ได้แก่
ปัจจัยที่ 1. พันธุกรรม บ้านไหนที่พ่อหรือแม่ คนใดคนหนึ่งเป็นภูมิแพ้ พบว่าเด็กก็มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ไปด้วย ร้อยละ 20-40 กรณีที่ทั้งพ่อและแม่เป็นโรคภูมิแพ้ทั้ง 2 คน เด็กก็มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้สูงขึ้น ถึงร้อยละ 50-80 อย่างไรก็ตามพบเด็กร้อยละ 15 เป็นโรคภูมิแพ้ โดยที่พ่อแม่ไม่มีประวัติโรคภูมิแพ้
ปัจจัยที่ 2. สิ่งแวดล้อม ไม่แปลกใจว่าทำไมคนเราถึงเป็นภูมิแพ้กันมากขึ้นในปัจจุบัน นั่นก็เพราะสภาพอากาศที่เลวร้ายลง มีทั้งเขม่าควันดำ ควันไฟ ฝุ่นละออง โดยเฉพาะ ฝุ่นPM2.5 ที่มีแต่ทวีคูณมากขึ้นทุกปี มิหนำซ้ำมลพิษเหล่านี้ยังก่อให้เกิดโรคร้ายแรงทางระบบทางเดินหายใจอีกด้วย เช่น มะเร็งปอด หลอดลมอักเสบ ถุงลมโป่งพอง เป็นต้น
ปัจจัยที่ 3. โภชนาการ เชื่อหรือไม่ว่า เด็กทารก ที่ไม่ได้รับนมแม่แต่กำเนิด มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคภูมิแพ้ โรคหืด รวมทั้งโรคภูมิแพ้อื่น ๆ ได้สูงกว่าเด็กที่ได้รับนมแม่เป็นระยะเวลา 6 เดือนขึ้นไป ส่วนอาหารที่มักกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ ได้แก่ ถั่วลิสง ถั่วยืนต้น นมวัว ไข่ ถั่วเหลือง แป้ง สาลี อาหารทะเล เป็นต้น
วิธีดูแลตนเองให้ห่างไกลจากภูมิแพ้
สำหรับใครที่เป็นภูมิแพ้ จำไว้เลยว่า “การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาและป้องกันโรคภูมิแพ้” สามารถทำตามได้ดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่มีสารก่อภูมิแพ้ เช่น หญ้า เกสรดอกไม้ ไรฝุ่น ขนสัตว์เลี้ยง อาหารทะเล ถั่วลิสง ไข่ นม เป็นต้น
- สวมหน้ากากอนามัย หรือแว่นตาป้องกัน เมื่อสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้
- ทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดปริมาณฝุ่นละออง และไรฝุ่น
- ซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว เป็นประจำ
- ติดตั้งเครื่องกรองอากาศ ที่สามารถดักจับฝุ่นในบ้าน รวมถึง PM2.5 ได้
- เลี้ยงสัตว์เลี้ยงในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ควรเลี้ยงไว้ในห้องนอน
- ปลูกต้นไม้ที่ช่วยดูดซับสารก่อภูมิแพ้ เช่น ต้นเยอบีร่า ต้นพลูด่าง เป็นต้น
นอกจากการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้แล้ว ยังมีวิธีอื่น ๆ ที่สามารถช่วยป้องกันภูมิแพ้ได้ เช่น
- การออกกำลังกายอย่าสม่ำเสมอ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
- การนอนพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และยังช่วยบรรเทาอาการแพ้ได้อีกด้วย
- ไม่เครียดเกินไป นั่งสมาธิทำจิตใจให้สงบบ้าง เพราะความเครียดส่งผลให้เกิดภูมิแพ้ได้
ดูแลสุขภาพทั่วไป การดูแลสุขภาพทั่วไป เช่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและสามารถต่อสู้กับโรคภูมิแพ้ได้ดีขึ้น
อุ่นใจกว่าเมื่อมี ยาแก้แพ้ชนิดไม่ง่วง
ช่วงที่มีฝุ่นพิษ PM2.5 ระบาดหนัก หรืออากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ผู้ป่วยภูมิแพ้มักมีอาการน้ำมูกไหล ไอ จาม เกิดผด ผื่น คัน เนื่องจากภูมิแพ้กันเยอะ จึงต้องใช้ “ยาแก้แพ้” ต่อเนื่องยาวนานหลายวัน ซึ่งทางการแพทย์จะแนะนำให้ใช้ “ยาแก้แพ้ชนิดไม่ง่วง” มากกว่า “ชนิดที่กินแล้วง่วง” เพราะมีความปลอดภัยกว่า
โดยยาแก้แพ้ชนิดไม่ง่วงที่นิยมใช้กันในปัจจุบันก็คือ “ยาแก้แพ้ลอราทาดีน” เป็นยาแก้แพ้รุ่นใหม่ ที่ปลอดภัย ใช้งานง่าย กินเพียง 1 เม็ดต่อวันก็สามารถบรรเทาอาการแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากมีข้อสงสัยอยากสอบถามเพิ่มเติมเรื่องโรคภูมิแพ้ หรือสุขภาพอื่น ๆ สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้ ฟรี! ที่ —> “ชีวิตดีดี with ask expert”
อ้างอิง : 1. medparkhospital