รู้หรือไม่!? ในปัจจุบันในประเทศไทย มีผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ มากขึ้นถึง 3 – 4 เท่า เมื่อเทียบกับ 10 ปีที่ผ่านมาเลยทีเดียว! และโรคนี้ก็สามารถเป็นได้ทุกวัย ทุกอาชีพ และทุกฤดูกาล ทุกคนจึงควรใส่ใจ และรู้จักวิธีดูแลป้องกันจากโรคนี้กันให้ดี… วันนี้ GEDgoodlife จะพามาทำความรู้จักกับ 4 โรคภูมิแพ้ ยอดฮิตของคนไทย พร้อมบอกถึงสาเหตุ อาการ และวิธีรักษา มาติดตามกันได้เลย!
– ภูมิแพ้ คืออะไร มีสาเหตุ อาการอะไรบ้าง หายขาดได้หรือไม่? พร้อมวิธีรักษาภูมิแพ้
– 4 โรคภูมิแพ้พบบ่อยในเด็ก
– ยาแก้แพ้ มีกี่ชนิด และควรเลือกอย่างไรดี?
ทำไมคนไทยถึงป่วยเป็นภูมิแพ้กันมากขึ้น?
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า จากสถิติของสมาคมโรคภูมิแพ้และอิมมูโนวิทยาแห่งประเทศไทย พบโรคภูมิแพ้ในเด็กไทยสูงถึงร้อยละ 38 และพบในผู้ใหญ่ประมาณร้อยละ 20 ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มากขึ้นถึง 3-4 เท่า เมื่อเทียบกับ 10 ปีที่ผ่านมา
สาเหตุหลักที่ทำให้คนไทยเป็นภูมิแพ้มากขึ้น คือ กรรมพันธุ์ การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมจากสังคมชนบทเป็นสังคมเมือง คนในเมืองอยู่บ้านมาก ไม่ออกกำลังกายทำให้ร่างกายอ่อนแอ เกิดการติดเชื้อได้ง่าย เด็กกินนมแม่น้อยลง รับประทานอาหารจานด่วนมากขึ้น ทำให้ได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน มลภาวะจากอุตสาหกรรม การจราจร และการสูบบุหรี่
นอกจากนี้ยังนิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในบ้าน การตกแต่งบ้านด้วยการปูพรม ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของฝุ่นละออง และการติดเครื่องปรับอากาศทำให้อากาศถ่ายเทไม่สะดวก ทำให้เชื้อไรฝุ่นเจริญเติบโตได้ดี
4 โรคภูมิแพ้ ยอดฮิตของคนไทย!
ข้อมูลจาก ราชวิทยาลัยโสต ศอ นาสิกแพทย์แห่งประเทศไทย ได้ระบุไว้ว่า อุบัติการณ์ของโรคภูมิแพ้โดยเฉพาะ โรคหืด และโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ เพิ่มขึ้นอย่างมากทั่วโลก และประเทศไทยมีอุบัติการณ์ของโรคภูมิแพ้ที่คนไทยเป็นกันบ่อยที่สุด ดังนี้
1. โรคภูมิแพ้อากาศ : ร้อยละ 23-50
โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือ โรคภูมิแพ้อากาศ (Allergic Rhinitis) คือ โรคที่ร่างกายเราตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นที่เราหายใจเข้าไป แล้วเกิดการอักเสบของเยื่อบุโพรงจมูก พบมากในประเทศไทย เกิดได้ทุกเพศทุกวัย เป็นโรคที่มีอาการเรื้อรัง และเป็นหนึ่งในสาเหตุของโรค ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ โรคหืด เป็นต้น
สาเหตุ : พันธุกรรม, ฝุ่นละออง มลภาวะเป็นพิษ pm2.5, ไรฝุ่นในบ้าน, แมลงสาบ, สัตว์เลี้ยง เช่น ขนหมา ขนแมว, ควันบุหรี่ ควันรถ ควันธูป, เกสรดอกไม้, อากาศเย็น, สารเคมี น้ำหอม
อาการ : มีอาการคันในจมูก คอ ตา และตามผิวหนัง, จาม เจ็บคอ, น้ำมูกใสไหล, แน่นจมูก หายใจไม่สะดวก มีน้ำมูกไหลลงคอ เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติม ->
- โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้อากาศ หรือ โรคภูมิแพ้จมูก สาเหตุ อาการ วิธีรักษา
- 6 ตัวการก่อภูมิแพ้ คนไทยแพ้มากที่สุด!
2. โรคหืด : ร้อยละ 10-15
โรคหลอดลมอักเสบจากภูมิแพ้ หรือ โรคหืด (Asthma) เป็นโรคเรื้อรังระบบทางเดินหายใจซึ่งเกิดจากการอักเสบของผนังหลอดลมเรื้อรัง ทำให้หลอดลมของผู้ป่วยมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ และสิ่งแวดล้อมมากกว่าปกติ
สาเหตุ : พันธุกรรม, สิ่งแวดล้อม สภาพอากาศ, สารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ, ติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ, การออกกำลังกาย, ความเครียด
อาการ : ไอเรื้อรัง หายใจมีเสียงวี้ด เหนื่อยหอบ แน่นหน้าอก หายใจติดขัด เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติม -> โรคหอบหืด รู้ทันอาการ เซฟชีวิตคุณได้!
3. โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง : ร้อยละ 15
โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (skin allergy, Contact Dermatitis) เป็นโรคเรื้อรังระบบทางเดินหายใจซึ่งเกิดจากการอักเสบของผนังหลอดลมเรื้อรัง ทำให้หลอดลมของผู้ป่วยมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ และสิ่งแวดล้อมมากกว่าปกติ
สาเหตุ : พันธุกรรม, สิ่งแวดล้อม สภาพอากาศ, สารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ สารเคมี, แพ้อาหาร, เชื้อโรค, ฤดูกาล เช่น อากาศหนาว อากาศแห้ง
อาการ : มีผื่นบวม ผื่นแดง หรือผิวแห้งแตก เป็นขุย คันมาก ยิ่งเกายิ่งคัน อาจจะมีตุ่มน้ำด้วย
อ่านเพิ่มเติม -> โรคภูมิแพ้ผิวหนัง ทำไงให้หายเสียที!? สาเหตุ อาการ วิธีรักษา
4. โรคแพ้อาหาร : ร้อยละ 5
โรคแพ้อาหาร (Food allergy) คือ ภาวะที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายเกิดการตอบสนองต่อโปรตีนในอาหาร หรือส่วนประกอบของอาหารที่แพ้ ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ อาหารที่มักแพ้บ่อย ได้แก่ นมวัว ไข่ แป้ง สาลี ถัวลิสง ในผู้ใหญ่มักพบการแพ้จาก อาหารทะเล
สาเหตุ : ความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย, พันธุกรรม
อาการ : อาหารไม่ย่อย ท้องเสีย คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง คันปาก ปากบวม คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม ผื่นแบบลมพิษ คันตามตัว เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติม -> ภูมิแพ้อาหาร ต้องใส่ใจกว่าที่คิด กินผิดอาจถึงชีวิตได้! สาเหตุ อาการ วิธีรักษา
วิธีรักษา-ป้องกัน จากโรคภูมิแพ้ต่าง ๆ
1. การหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ คือสิ่งสำคัญที่สุด ในการรักษา ป้องกันภูมิแพ้ เช่น
- ถ้าแพ้ฝุ่นควัน ให้เลี่ยงด้วยการไม่ไปในที่มีฝุ่นควันเยอะ หรือใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ
- ถ้าแพ้อาหารชนิดใด ก็ให้เลี่ยงอาหารชนิดนั้น เช่น แพ้กุ้ง แพ้ปู ก็ควรหลีกเลี่ยงไม่กินอีก
- ถ้าแพ้ขนสัตว์ ก็ไม่ควรเลี้ยงสัตว์เลี้ยงไว้ในบ้าน หรือถ้าอยากเลี้ยงก็ไม่ควรนำเข้ามานอนในห้องนอนด้วย
2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เสริมภูมิคุ้มกัน
มีผู้ป่วยภูมิแพ้หลายคน ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เจออะไรก็แพ้ได้ง่าย เมื่อได้ออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ เช่น วิ่งระยะไกล, เตะฟุตบอล, เทนนิส, แบดมินตัน จะทำให้ความไวของเยื่อบุจมูก และหลอดลมลดลง ทำให้มีภูมิต้านทานต่อหวัด ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้อาการภูมิแพ้
3. หมั่นทำความสะอาดบ้านอยู่เสมอ
การทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ โดยเฉพาะในห้องนอน เตียงนอน จะช่วยกำจัดไรฝุ่นที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้อากาศ โรคหืด ภูมิแพ้ผิวหนังได้ และการทำความสะอาดบ้าน ยังช่วยป้องกันไม่ให้มี แมลงสาบ หนึ่งในตัวการก่อภูมิแพ้ เข้ามาอาศัยในบ้านอีกด้วย
4. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
เมื่อมีอาการภูมิแพ้กำเริบ โดยเฉพาะ ภูมิแพ้อากาศ มีอาการ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล การนอนเยอะ ๆ จะช่วยให้อาการแพ้ดีขึ้นได้อย่างชัดเจน และการนอนพักผ่อนอย่างเพียงพอเป็นประจำจะช่วยให้เซลล์ และฮอร์โมนในร่างกายทำงานได้เป็นปกติ ร่างกายก็แข็งแรง พร้อมซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ อาการแพ้ก็ลดลง
5. กินอาหารที่มีประโยชน์ และดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย
ควรเน้นกินอาหารที่เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย โดยเฉพาะผัก ผลไม้ ที่มีวิตามินซีสูง เพื่อช่วยต้านทานโรคหวัด สามารถลดผลกระทบของฮิสตามีนที่มีต่อร่างกาย
6. กินยาแก้แพ้
วิธีที่จะช่วยบรรเทาอาการแพ้ได้เร็วที่สุด ก็คือ การกินยาแก้แพ้ และควรเลือก ยาแก้แพ้ชนิดที่ไม่ง่วง เพราะมีความปลอดภัยมากกว่าชนิดที่ทำให้ง่วง และไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ยาลอราทาดีน เป็นต้น เมื่อมีอาการแพ้ สามารถกินได้เลย เพียงวันละ 1 เม็ด สำหรับผู้ใหญ่ และเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป
นอกจากการกินยาแก้แพ้แล้ว ยังสามารถใช้ยาพ่นจมูก, ยาทาผิวหนัง, ยาสูด หรือพ่นคอ, ยาหยอดตา เพื่อบรรเทาอาการแพ้ที่ตรงจุด หรือเข้าพบแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัย อาจต้องได้รับการฉีดวัคซีนภูมิแพ้ หรือรักษาโดยการผ่าตัด เป็นต้น
อ้างอิง : 1. โรงพยาบาลราชวิถี 2. ราชวิทยาลัยโสต ศอ นาสิกแพทย์แห่งประเทศไทย