ไขข้อสงสัย “โรคหอบ”

23 ม.ค. 25

โชติมา หาญณรงค์
ผู้ชำนาญการด้านเภสัชกรรม

 

“โรคหอบ” หรือที่เรียกทางการแพทย์ว่า โรคหอบหืด (Asthma) เป็นภาวะเรื้อรังที่เกิดจากการอักเสบของทางเดินหายใจ ที่พบได้บ่อยในคนทุกวัย โดยเฉพาะในเด็ก โรคนี้เกิดจากการอักเสบเรื้อรังของทางเดินหายใจ ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้ผู้ป่วยหายใจลำบาก หลอดลมตีบแคบ มีเสียงหวีด ไอเรื้อรัง และมีความไวต่อสิ่งกระตุ้นต่าง ๆ เช่น ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ ควันบุหรี่ อากาศเย็น หรือการออกกำลังกายหนัก เมื่อสัมผัสกับสิ่งกระตุ้นเหล่านี้ หลอดลมจะตีบแคบลง และทำให้เกิดอาการหอบหืด เช่น หายใจลำบาก ไอ มีเสียงหวีดขณะหายใจ และแน่นหน้าอก

โรคหอบเป็นกรรมพันธุ์หรือไม่?

หนึ่งในคำถามที่หลายคนสงสัยว่าโรคหอบหืดสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมไปยังลูกหลานได้หรือไม่? คำตอบคือจากงานวิจัยจำนวนมากชี้ให้เห็นว่า โรคหอบหืดมีความเกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์ในระดับหนึ่ง แต่ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ทำให้เกิดโรค ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้จะต้องเป็นโรคหอบหืดเสมอไป โดยพันธุกรรมมีบทบาทสำคัญในการเกิดโรคหอบหืด หากพ่อแม่มีประวัติเป็นโรคหอบหืดหรือโรคภูมิแพ้ ลูกก็จะมีโอกาสเป็นโรคหอบหืดสูงขึ้น หากพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งเป็นโรคหอบหืด โอกาสที่ลูกจะเป็นโรคนี้จะเพิ่มขึ้นประมาณ 25-50% และหากทั้งพ่อ และแม่เป็น โอกาสจะสูงถึง 50-70% ถ้ามีประวัติครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้ เช่น ภูมิแพ้ผิวหนังหรือแพ้อาหาร ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหอบหืด นอกจากกรรมพันธุ์ ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม และปัจจัยกระตุ้นอื่น ๆ เช่น การสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ อย่างไรก็ตาม สิ่งแวดล้อม การสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ การติดเชื้อไวรัสในทางเดินหายใจ หรือมลพิษในอากาศ มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นทำให้โรคหอบกำเริบหรือพัฒนา

ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคหอบหืด

  • สารก่อภูมิแพ้: สารก่อภูมิแพ้ เช่น ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ ขนสัตว์เลี้ยง และมลพิษทางอากาศ สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการหอบหืดได้
  • การติดเชื้อทางเดินหายใจ: การติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัดใหญ่ สามารถทำให้อาการหอบหืดกำเริบได้
  • การสูบบุหรี่: ทั้งผู้สูบบุหรี่และผู้ที่สูดดมควันบุหรี่มือสอง มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหอบหืดสูงขึ้น
  • ภาวะอ้วน: ภาวะอ้วนมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคหอบหืดในเด็กและผู้ใหญ่
  • การออกกำลังกาย: การออกกำลังกายอย่างหนักอาจกระตุ้นให้อาการหอบหืดกำเริบได้ในบางคน

การดูแลลูกน้อยเมื่อโรคหอบกำเริบ

โรคหอบหืดในเด็กเป็นเรื่องที่พ่อแม่หลายคนกังวล เมื่อลูกน้อยมีอาการหอบกำเริบ การรู้วิธีดูแลอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อบรรเทาอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

หากลูกน้อยมีอาการหอบหืดกำเริบ ผู้ปกครองควรปฏิบัติดังนี้:

  1. ตั้งสติ และควบคุมสถานะการณ์ พร้อมให้กำลังใจลูก เด็กที่มีอาการมักจะรู้สึกตกใจหรือกลัว อาจทำให้อาการแย่ลง พยายามทำให้ลูกสงบ และผ่อนคลาย
  2. ให้ยารักษาตามที่แพทย์สั่ง ยาขยายหลอดลมเป็นยาที่ใช้บรรเทาอาการหอบหืดฉุกเฉิน ให้ลูกน้อยใช้ยาตามที่แพทย์สั่ง และสอนวิธีการใช้ทันทีตามคำแนะนำ หากไม่มีควรรีบนำส่งโรงพยาบาล
  3. หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นในทันที พาลูกออกจากพื้นที่ที่มีสารกระตุ้น เช่น ฝุ่น ควันบุหรี่ หรืออากาศเย็น พาลูกนั่งในที่อากาศถ่ายเทสะดวก หาที่นั่งที่อากาศถ่ายเทสะดวก เช่น หน้าต่าง หรือระเบียง ช่วยให้ลูกน้อยหายใจได้สะดวกขึ้น
  4. นั่งในท่าที่สบาย ให้ลูกนั่งตัวตรง หรือนั่งก้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย เพราะช่วยเปิดทางเดินหายใจ
  5. ติดตามอาการ หากอาการของลูกน้อยไม่ดีขึ้นหลังจากใช้ยา หรือหายใจลำบากมากขึ้น หรือมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น หายใจลำบากมากขึ้น หอบเสียงดัง หรือหน้าเขียว ควรติดต่อแพทย์ทันที รีบนำส่งโรงพยาบาล

การป้องกันและดูแล

  • หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ เช่น ไรฝุ่น ฝุ่นละอองในบ้าน เกสรดอกไม้ ขนสัตว์เลี้ยง ควันบุหรี่ และอากาศเย็น
  • ควบคุมสภาพแวดล้อม ทำความสะอาดสิ่งแวดล้อม ล้างผ้าปูที่นอน หมอน ปลอกหมอน บ่อย ๆ ใช้เครื่องกรองอากาศเพื่อลดฝุ่นละอองและมลพิษในอากาศ ทำให้บ้านควรสะอาด ปราศจากฝุ่นและเชื้อรา
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังกายช่วยให้ปอดแข็งแรง แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มออกกำลังกาย
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ อาหารที่มีประโยชน์ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะผัก และผลไม้ที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
  • พาลูกไปพบแพทย์ตามนัด การติดตามอาการกับแพทย์เป็นประจำจะช่วยให้แพทย์สามารถปรับเปลี่ยนแผนการรักษาได้ตามความเหมาะสม
  • ให้ยาป้องกันตามแพทย์สั่ง หากลูกจำเป็นต้องใช้ยาควบคุม
  • เสริมภูมิคุ้มกัน ด้วยการฉีดวัคซีน เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ และวัคซีนป้องกันปอดอักเสบ
  • ออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อเสริมความแข็งแรงของปอด ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนการออกกำลัง
  • สังเกตอาการของลูกน้อยอย่างใกล้ชิด เช่น ความถี่ของการหายใจ สีหน้า และระดับความอิ่มตัวของออกซิเจน (หากมีเครื่องวัด) เพื่อแจ้งให้แพทย์ทราบ
  • หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลลูกน้อย ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางโรคหืดหรือภูมิแพ้เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมที่สุดสำหรับบุตรหลานของคุณ

คำแนะนำเพิ่มเติม

  • เตรียมยาฉุกเฉิน: ควรพกยาขยายหลอดลมติดตัวลูกน้อยไว้เสมอ เพื่อใช้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
  • สอนลูกให้รู้จักอาการของตัวเอง: สอนลูกให้รู้จักสังเกตอาการของตัวเอง และบอกพ่อแม่เมื่อรู้สึกไม่สบาย
  • ปรึกษาแพทย์: หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลลูกน้อย ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • การดูแลลูกน้อยที่เป็นโรคหอบหืดต้องใช้ความอดทนและความเข้าใจ การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และการดูแลเอาใจใส่ลูกน้อยอย่างใกล้ชิด จะช่วยให้ลูกน้อยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
  • แม้ว่าพันธุกรรมจะมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เราก็สามารถป้องกันและควบคุมโรคหอบหืดได้ โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น เช่น สารก่อภูมิแพ้ และการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง การรักษาโรคหอบหืดมุ่งเน้นไปที่การควบคุมอาการให้ดีขึ้น และป้องกันไม่ให้อาการกำเริบ ซึ่งอาจรวมถึงการใช้ยา การทำกายภาพบำบัด และการหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น

สรุป

โรคหอบหืดเป็นโรคที่มีความซับซ้อน เกิดจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน ทั้งพันธุกรรมและสภาพแวดล้อม แม้โรคหอบหืดมีความเกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์ในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้เป็นปัจจัยเดียวที่กำหนดว่าลูกจะเป็นโรคนี้ การรู้ถึงปัจจัยเสี่ยงวิธีการป้องกันโรคหอบหืด และ การดูแลสิ่งแวดล้อมและลดปัจจัยเสี่ยงในชีวิตประจำวันมีบทบาทสำคัญในการป้องกันและลดความรุนแรงของโรค นอกจากนี้ การปรึกษาแพทย์และการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ลูกน้อยเติบโตอย่างมีสุขภาพแข็งแรงแม้มีความเสี่ยงจากกรรมพันธุ์สามารถดูแลสุขภาพของตนเองและลูกหลานได้อย่างเหมาะสม

เอกสารอ้างอิง

  1. Global Initiative for Asthma (GINA). (2023). Global strategy for asthma management and prevention. Retrieved from https://ginasthma.org
  2. World Health Organization (WHO). Asthma: Key facts and management guidelines. Retrieved from https://www.who.int
  3. Mayo Clinic. Asthma overview and care for children. Retrieved from https://www.mayoclinic.org
  4. American Academy of Allergy, Asthma, and Immunology (AAAAI). (n.d.). Asthma management in children. Retrieved from https://www.aaaai.org
  5. ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย. แนวทางการดูแลผู้ป่วยเด็กที่มีโรคหืด. Retrieved from https://www.thaipediatrics.org
  6. สมาคมโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด และอิมมูโนวิทยาแห่งประเทศไทย. ข้อมูลสำหรับประชาชนเกี่ยวกับโรคหอบหืด. Retrieved from https://www.taaai.or.th

 

คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

askexpert

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้ประเภทนี้จะช่วยจดจำข้อมูลคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ท่านใช้เข้าชมเว็บไซต์ ข้อมูลการลงทะเบียนหรือ log in ข้อมูลการตั้งค่าหรือตัวเลือกที่ท่านเคยเลือกไว้บนเว็บไซต์ เช่น ภาษาที่แสดงบนเว็บไซต์ ที่อยู่สำหรับจัดส่งสินค้า เพื่อให้ท่านสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องให้ข้อมูลหรือตั้งค่าใหม่ทุกครั้งที่ท่านเข้าใช้เว็บไซต์ ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้ประเภทนี้ ท่านอาจใช้งานเว็บไซต์ได้ไม่สะดวกและไม่เต็มประสิทธิภาพ
    Cookies Details

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์เเละด้านฟังก์ชั่น

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อให้เราสามารถวัดผล ประเมิน ปรับปรุง และพัฒนาเนื้อหาสินค้า/บริการและเว็บไซต์ของเราเพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของท่าน ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้ประเภทนี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ประเมิน และพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

  • คุกกี้โฆษณา

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและสร้างโปรไฟล์เกี่ยวกับตัวท่าน เพื่อให้เราสามารถวิเคราะห์และนำเสนอเนื้อหา สินค้า/บริการ และ/หรือ โฆษณาที่เหมาะสมกับความสนใจของท่านได้ ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้ประเภทนี้ ท่านอาจได้รับข้อมูลและโฆษณาทั่วไปที่ไม่ตรงกับความสนใจของท่าน
    Cookies Details

Save