“Plant-based Food” วิถีใหม่เพื่อสุขภาพดี แบบไม่ขาดความอร่อย

28 มิ.ย. 24

Plant-based Food

เชื่อว่าหลายท่านในนี้คงเคยได้ยินคำว่า “Plant-based Food” กันมาไม่มากก็น้อย ซึ่งที่จริงแล้ว Plant-based Food นั้นเกิดขึ้นมานมนานแล้ว แต่จะเป็นที่รู้จักในวงจำกัด เช่นในกลุ่มของคนที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ ทานมังสวิรัติ หรือ กลุ่ม Vegan และเพิ่งจะเป็นที่กล่าวถึงในวงกว้างเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่โลกมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย อาทิ โรคระบาดในคนและสัตว์ สภาวะความเปลี่ยนแปลงของอากาศบนโลก ที่มีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงวิถีชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ภายในอาคารมากขึ้น ความเคร่งเครียดจากงานและสังคม จนทำให้ปัญหาสุขภาพเป็นสิ่งที่ผู้คนในยุคปัจจุบันให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ

ในวันนี้เราจะชวนทุกคนมาทำความเข้าใจ และรู้จักกับ “Plant-based Food” กันให้ดียิ่งขึ้น เพื่อสร้างวิถีการกินใหม่ ที่ความความฝันในการมีสุขภาพดีแบบไม่ขาดความอร่อยอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

3 เรื่อง ที่คนมักเข้าใจผิด เกี่ยวกับ Plant-based Food

เรื่องที่ 1 หลายท่านฟังจากชื่ออาจคาดเดาว่า มันคืออาหารเจดี ๆ นี่เอง ซึ่งต้องขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า Plant-based Food นั้นเป็นอาหารที่มีส่วนผสมวัตถุดิบจากพืชเป็นหลักแต่ไม่ใช่ทั้งหมด (ประมาณ 95% ) ดังนั้นจึงไม่ใช่เจ ดังที่หลายคนเข้าใจ โดยพืชส่วนใหญ่ที่นำมาใช้นั้น เป็นพืชที่ให้โปรตีนสูง เช่น ถั่ว เห็ด สาหร่าย ข้าวโอ๊ต อัลมอนต์ รวมถึงพืช ที่มีหัว อย่างเช่น บีทรูท เป็นต้น

เรื่องที่ 2 ที่คนอาจจะยังไม่เข้าใจ คือ Plant-based Food ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นบน พื้นฐานความเชื่อทางศาสนา ไม่มีจุดมุ่งหมายเพื่อตอบสนองกลุ่มลัทธิความเชื่อใด ๆ ไม่ใช่อาหารมังสวิรัติ และก็ไม่ใช่อาหาร Vegan ที่ต่อต้านการละเมิดชีวิตสัตว์ การเลี้ยงสัตว์เพื่อการบริโภค และไม่สนับสนุนการนำสัตว์มาใช้เป็นเครื่องมือทางการค้าไม่ว่าในรูปแบบใด ๆ เพราะ Plant-based Food เกิดขึ้นจากความตื่นตัวของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจในเรื่องสุขภาพ และสิ่งแวดล้อมผ่านอาหารที่รับประทานเข้าไปในร่างกายมากขึ้นล้วน ๆ

เรื่องที่ 3 คือ การที่หลายคนเคยแต่ได้ยินชื่อแต่ไม่เคยเห็นของจริง ๆ หรือลิ้มลองรสชาติ และมักคิดว่า Plant Based Food โดยเฉพาะ ในกลุ่ม Plant Based Meat จะหน้าตาดูแย่พอ ๆ กับรสชาติของเนื้อสัตว์เทียมที่เคยได้ชิมมาในอดีต

ซึ่งต้องขอยืนยันว่า Plant Based Food นั้นถือเป็นการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เข้าอกเข้าใจผู้บริโภคอย่างถ่องแท้ เพราะทราบดีว่าแม้ต้องการทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพแต่ชีวิตจะขาดรสชาติ และความอร่อยไม่ได้ โดยเฉพาะขึ้นชื่อว่าอาหารแล้ว รูปลักษณ์ภาพนอกย่อมต้องมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ารสชาติเมื่อได้ลิ้มลอง

จึงเป็นสาเหตุสำคัญว่าทำไม Plant Based Meat จึงต้องพยายามทำให้เหมือนอาหารจริงมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น รูป รส กลิ่น สีสัน ตลอดจนถึงสัมผัส จนคนกินแยกความแตกต่างไม่ออก เพื่อมุ่งหวังให้ในอนาคตผู้บริโภคจะหันมาใช้วัตถุดิบชนิดนี้ทดแทนเนื้อสัตว์จริง ๆ ทั้งหมด

Plant-based Food ดีต่อสุขภาพอย่างไร?

Plant-based Food ถือเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปครั้งใหญ่ หลังจากที่มีความพยายามจะชักชวนให้คนหันมารับประทานอาหารจากพืชมากกว่าเนื้อสัตว์มาช้านาน แต่ก็ดูจะไม่ได้รับกระแสตอบรับเท่าที่เกิดขึ้นกับ Plant-based Food ในเวลานี้ ที่ได้อาศัยความก้าวหน้า และเทคโนโลยีในการผลิตอาหารยุคใหม่ มาประยุกต์ใช้ในการผลิตเนื้อเทียม โดยการนำยีสต์ และโปรตีนที่สังเคราะห์ได้จากรากของพืชตระกูลถั่วมาเข้าสู่กระบวนการหมัก จนทำให้เกิดฮีม (Heme) และนำกลับไปใส่ในโปรตีนจากพืช ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการ 3D-Printing ในการสร้างชั้นเนื้อและโครงสร้าง จนกลายมาเป็น Plant Based Meat พระเอกคนสำคัญในกระแสความตื่นตัวของ Plant-based Food ดังที่เห็นอยู่ทุกวันนี้

ซึ่งถือเป็นสินค้าที่เข้าอกเข้าใจผู้บริโภคได้อย่างอย่างแท้จริง โดยเฉพาะในเรื่องรสชาติ ที่ช่วยให้คนทานยังคงได้รับความอร่อยที่เหมือนได้ทานเนื้อของจริง แต่คุณค่าทางโภชนาการต่าง ๆ นั้น ได้มาจากพืชล้วน ๆ จึงสามารถเพิ่มสมรรถนะของร่างกายได้ดีเยี่ยมโดยเกิดผลเสียน้อย หรือแทบจะเรียกว่าไม่มีเลย ตัวอย่างเช่น การใช้ Plant Based Meat ในกลุ่มนักกีฬาเพาะกายช่วยสร้างกล้ามเนื้อได้ดีกว่า และมีปริมาณไขมันน้อยกว่าเนื้อสัตว์มาก เมื่อเทียบในอัตราส่วนที่พอ ๆ กัน

ซึ่งนอกจากจะเหมาะสำหรับการใช้รับประทานแทนเนื้อสัตว์ในคนปกติที่ห่วงใยสุขภาพได้แล้ว Plant-based Food ยังตอบโจทย์ สำหรับการเลือกใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับปรุงอาหารสำหรับผู้ป่วย หรือผู้ที่อยู่ในการควบคุมดูแลอาหาร หรือผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสุขภาพ ที่ทั้งคนป่วย หรือคนปกติรับประทานได้อย่างปลอดภัย

จากงานวิจัยที่บริษัทผู้ผลิตต่าง ๆ ได้ทำการเก็บข้อมูลนั้นพบว่า Plant-based Food นั้นช่วยทั้งป้องกัน บรรเทา และชะลอการเกิดโรคได้ เช่น โรคหัวใจ หลอดเลือดหัวใจ ลดการเป็นอัลไซเมอร์ โรคเบาหวานประเภทที่สอง รวมถึงโรคอ้วนได้ เพราะเป็นวัตถุดิบที่ไม่มีคอเลสเตอรอล รวมถึงมีใยอาหาร หรือที่รู้จักกันในชื่อเรียกว่า ไฟเบอร์สูง ช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย ทั้งยังทำให้อิ่มนาน ร่างกายดูดซึมสารอาหารเหล่านั้นไปใช้ได้โดยทันที โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อยดังที่เกิดขึ้นในเนื้อสัตว์ต่าง ๆ

Plant-based Food จึงเป็นอาหารที่สามารถทานได้โดยไม่จำกัด อายุ เพศ และเงื่อนไขทางด้านสุขภาพ สามารถรับประทานได้ตั้งแต่ เด็กแรกเกิด ไปจน ถึงผู้สูงอายุอย่างปลอดภัย

Plant-based Food ช่วยทำให้ลดน้ำหนักได้จริงหรือไม่?

ข้อนี้คงไม่ต้องอธิบายยืดยาวมากนัก เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายใต้นิยามของ Plant-based Food ทำมาจากวัตถุดิบที่ให้ปริมาณแคลอรี่ที่น้อยคอเลสเตอรอลต่ำ จากผลการศึกษาในงานวิจัยหลายชิ้นพบกว่า Plant Based food มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคอ้วน และควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี

โดยผลการศึกษาจากสถาบันทางการแพทย์ และมหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกา ปี 2018 ได้พบว่าคนที่กินอาหารแบบ Plant-based Food ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 16 สัปดาห์ โดยไม่ทานเนื้อสัตว์ใด ๆ สามารถลดน้ำหนักลงได้ 6.5 กิโลกรัม และยังสามารถกำจัดไขมัน และส่งผลต่อปัญหาเรื่องอินซูลีนได้มากกว่าคนที่กินเนื้อสัตว์ปกติ

อยากเริ่มรับประทาน Plant-based Food ควรเริ่มอย่างไรดี?

จากกระแสความนิยมที่เพิ่มมากขึ้นในทั่วโลกเวลานี้ ทำให้ผลิตภัณฑ์อาหารจากพืช (Plant-based Food) โดยเฉพาะในกลุ่ม Plant-based Meat มีจำหน่ายในรูปแบบที่หลากหลาย และเข้าถึงได้ง่าย อีกทั้งยัง สามารถทำเป็นอาหารได้หลากหลายเมนูด้วยขั้นตอนง่าย ๆ มีรสชาติที่อร่อยไม่แพ้เนื้อสัตว์จริง

สำหรับผู้ที่ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับการทานอาหารจากพืชล้วน ๆ อาจเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน โดยรับประทานเนื้อสัตว์น้อยลง และเปลี่ยนมาใช้เนื้อสัตว์ที่ทำจากพืชแทน ในรูปแบบค่อยเป็นค่อยไป เช่นอาจทาน Plant-based Meat แทนการทานเนื้อสัตว์ สัปดาห์ละสองถึงสามวัน และ ค่อยๆ เพิ่มจำนวน เพื่อให้ไม่รู้สึกโหยหา และสร้างความกดดันกับตนเองมากเกินไป

ซึ่งสิ่งสำคัญที่อยากฝากไว้คือ การรับประทานที่หลากหลาย เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหาร และคุณค่าทางโภชนาการ แร่ธาตุ และ กรดอะมิโนที่จำเป็นครบถ้วน ซึ่งต้องขอแอบกระซิบดัง ๆ ว่านอกจาก Plant-based Meat ที่เป็นที่กล่าวถึงอย่างมากแล้ว ปัจจุบันได้มีแบรนด์ผู้ผลิตสาย Plant-based Food ทั้งใน และต่างประเทศมากมายที่คิดค้นสินค้าแปลกใหม่ ออกมาท้าทายความต้องการของผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็จะยิ่งทำให้วิถีการกินแบบ Plant-based Food เติบโตไปได้อย่างยั่งยืน จนในที่สุดสามารถบรรลุอุดมการณ์ที่ได้วางไว้ตั้งแต่เริ่มแรก คือการเปลี่ยนให้คนหันมาบริโภคพืชแทนสัตว์ไปตลอด

แนะนำแบรนด์ Plant-based Food ที่น่าสนใจ

ในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์กลุ่ม Plant-based Food โดยเฉพาะ เนื้อสัตว์ที่ทำจากพืช สามารถหาซื้อได้ ตามช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในซูเปอร์มาร์เก็ตสมัยใหม่ต่าง ๆ หรือ ทางช่องทางออนไลน์จากแบรนด์ผู้ผลิตต่าง ๆ อาทิ

ฮาร์เวสตู กูร์เมต์ (HARVEST GOURME) จากค่ายผู้ผลิตอาหารยักษ์ใหญ่ที่มีแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารในมือมากมาย ที่เปิดแนวรบตลาดอาหารจากพืช เพื่อช่วงชิงความเป็นผู้นำในกลุ่มอาหารประเภทนี้ โดยในปัจจุบันทาง ฮาร์เวสตู กูร์เมต์ ก็ได้มีผลิตภัณฑ์อาหารจากพืชที่หลากหลาย ไว้เอาใจสายเนื้อเพื่อสุขภาพ เช่น เนื้อเบอร์เกอร์, เนื้อสับ, เนื้อไก่ย่าง และ ไก่ชุบเกล็ดขนมปัง ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามานี้ ทำมาจาก ถั่วเหลือง บีทรูท และ แครอท

Beyond Meat ฟู้ดเทคสตาร์ตอัพสัญชาติอเมริกัน ในราคาพรีเมี่ยม ที่กล้าท้าให้คุณลอง ว่าเนื้อที่ไม่ได้ทำจากเนื้อ แต่ทำจากพืชล้วน ๆ ได้แก่ถั่วลันเตา มันฝรั่ง และข้าว ! จะอร่อยถึงใจแค่ไหน ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีวางจำหน่ายตอนนี้ ก็หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสเต็ก ไส้กรอก หรือเนื้อบด ทุกอย่างสามารถแทนที่เนื้อสัตว์ในเมนูต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว ชนิดที่แยกกันแทบไม่ออกว่าจานไหนเนื้อแท้จานไหน เนื้อทิพย์ หาซื้อได้ที่ Vallia Market ที่เดียว

More Meat แบรนด์ไทยเจ้าแรกในการทำ Plant-based Meat กลุ่ม Ready to Eat ในราคาที่ผู้บริโภคคนไทยสามารถจับต้องได้ ซึ่งวัตถุดิบหลักที่ใช้เนื้อ ได้จากถั่วเหลือง และเห็ดแครง ซึ่งตัวอย่างสินค้า ที่อยากแนะนำให้ลอง เช่น เมนูลาบทอดเสิร์ฟพร้อมข้าวสวยพร้อมรับประทาน ที่เพียงอุ่นร้อน ก็ได้อร่อยกับรสชาติลาบหมูทอด ที่ทำจากพืช ไร้ไขมันเจือปน

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องราวอันน่าสนใจของ นวัตกรรมอาหารยุคใหม่ที่ กำลังจะมาปฏิวัติอุตสาหกรรมอาหารโลกในอนาคต ตราบใดที่มนุษย์ยังปรารถนาที่จะมีสุขภาพดี อายุยืน ยาว โดยที่ไม่ต้องแลกกับการอดอาหารรสชาติอร่อย ๆ เราก็เชื่อว่า Plant-based Food ยังสามารถมีอนาคตโลดแล่น เป็นความหวังของสายกิน ที่อยากกินของอร่อยที่ไม่ทำร้ายสุขภาพไปอีกนาน

อ้างอิง : ncbi.nlm.nih.gov

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไข้หวัด อาการไอ ปวดท้อง ภูมิแพ้ ได้ฟรี! ตลอด 24 ชั่วโมง ถามเลย ที่นี่