เมื่อพูดถึงการกินเพื่อลดน้ำหนัก ให้หุ่นผอมเพรียว ใครหลาย ๆ คน คงนึกถึงการงดอาหารที่เต็มไปด้วยไขมัน แล้วน้ำหนักจะลดลง แต่ทราบหรือไม่ว่า ในปัจจุบันมีวิธี “กินไขมันเพื่อลดไขมัน” ด้วยนะ! นั่นก็คือวิธีกินแบบ คีโตเจนิค (Ketogenic Diet) น่าแปลกใจใช่ไหมล่ะ? งั้นมาทำความรู้จักวิธีลดน้ำหนักแบบคีโต ด้วยการกินไขมันกันเลยดีกว่า… ลุย ลด โลด!
การลดน้ำหนักแบบ คีโตเจนิค คืออะไร?
คีโต หรือ คีโตเจนิค (Ketogenic Diet, Keto Diet) คือ แผนการลดน้ำหนัก หรือวิธีลดน้ำหนักด้วยการกินไขมันเยอะ ๆ แล้วกินคาร์โบไฮเดรต (หรือเรียกสั้น ๆ ว่า คาร์บ) ให้น้อยที่สุด
โดยแบ่งเป็นสัดส่วนดังนี้
– ไขมันดี (high fat) 60-75% (125 กรัม/วัน )
– โปรตีน (low protein) 15-30% (1 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม)
– คาร์โบไฮเดรต (low carbohydrate) 5-10% (25-50 กรัม/วัน)
ข้อควรรู้ : 1 ช้อนโต๊ะ หนักประมาณ 15 กรัม // 1 ช้อนชา หนักประมาณ 5 กรัม
เมื่อร่างกายได้รับไขมัน (Fat) มากขึ้น คาร์โบไฮเดรต (carbohydrate) น้อยลง ระบบเผาผลาญของร่างกาย ก็จะเข้าสู่สภาวะเลียนแบบการอดอาหาร หรือ Fasting ผลที่ได้ตามมา คือ ร่างกายเราจะดึงไขมันที่เก็บสะสมไว้ในส่วนที่ลดยาก ๆ เช่น สะโพก ต้นขา ต้นแขน และพุง มาใช้เผาผลาญเป็นพลังงานแทนน้ำตาลกลูโคส
เมื่อร่างกายเราดึงไขมันออกมาใช้แทนน้ำตาล ตับ (Liver) และตับอ่อน (pancreas) ก็จะทำงานดีขึ้น และไม่จำเป็นต้องหลั่ง ฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) ออกมาเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
เมื่อร่างกายเข้าสู่สภาวะนี้ เราจะเรียกว่า “ร่างกายอยู่ในสภาวะคีโตซีส หรือ Ketosis”
เชื่อหรือไม่!? การกินคีโตแรกเริ่มนั้น เป็นวิธีที่ใช้รักษาเด็กที่มีอาการชัก (Seizure disorders) มาตั้งแต่ยุค 1920s (คริสต์ศักราช 1920-1929) และผู้ป่วยเริ่มสังเกตเห็นว่า น้ำหนักตนเองลดลงอย่างมีนัยยะ การกินแบบคีโตเพื่อใช้ลดน้ำหนัก จึงถูกพัฒนา และกลายมาเป็นโปรแกรมลดน้ำหนักที่ฮิตไปทั่วโลก (เริ่มประมาณปี 2017-2018) จนถึงปัจจุบันนี้นั่นเอง
อ้างอิง : womenshealthmag.com, news-medical.net, thestandard.co
กินแต่ไขมัน ทำไมถึงลดน้ำหนักได้ล่ะ?
หลายคนคงจะมึนงง และสงสัยว่า กินไขมันแล้วมันจะไปลดน้ำหนักได้ยังไง? ข้อมูลมั่วหรือเปล่า!? มาดูเหตุผลกันเลยดีกว่า…
เมื่อเราลดปริมาณการกินคาร์โบไฮเดรต ลงอย่างมาก ร่างกายเราก็จะหาแหล่งพลังงานใหม่มาแทนที่เพื่อเผาผลาญ ซึ่งก็คือ ไขมันที่มีอยู่นั่นเอง และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมกินไขมันจึงทำให้น้ำหนักลดได้
ฉะนั้น ทิปส์สำคัญของการกินแบบคีโต ก็คือ การกินไขมันเยอะ ๆ และลดคาร์โบไฮเดรต เช่น แป้ง น้ำตาล เพื่อให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้เยอะ ๆ นั่นเอง
คีโตเจนิค เริ่มกินยังไง กินอะไรได้บ้าง?
การกินแบบคีโตเจนิกสำหรับผู้ที่เริ่มต้น สิ่งที่ต้องนึกถึง และเคร่งครัดที่สุดเป็นอันดับแรกเลย คือ การลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตให้ต่ำมาก ๆ ไว้ก่อน แล้วกินไขมันให้เยอะ ๆ เข้าไว้
* บางคนที่สุดโต่งอาจจะเลือกทานคาร์โบไฮเดรต (คาร์บ) เป็น 0% เลย นั่นคือ การทานแค่เนื้อสัตว์ และไขมัน
แหล่งไขมัน หรือผักผลไม้ที่ควรกิน มีดังนี้
- ปลาแซลมอน ปลาทู ปลาทูน่า ปลาเทราต์ เป็นต้น ปลาพวกนี้จะมีไขมันดีสูง
- เนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว เนื้ออกไก่ และเนื้อหมู (ระวัง!เนื้อที่ถูกหมัก หรือปรุงด้วยน้ำตาล)
- ไข่แดง
- ผลิตภัณฑ์นม เช่น นมวัว ชีส และเนยสด เป็นต้น
- พืชตระกูลถั่ว และเมล็ดธัญพืช เช่น เมล็ดเจีย และเมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน และเมล็ดแตงโม เป็นต้น
- น้ำมันมะกอก และน้ำมันมะพร้าวที่ร่างกายดูดซึมได้เลย
- ผัก ผลไม้ต่าง ๆ เช่น ดอกกะหล่ำ บร็อคโคลี่ เห็ด แตงกวา ผักโขม อโวคาโด มะเขือเทศ
อาหารที่กินได้พอเหมาะ อย่ากินเยอะ มีดังนี้
- ไส้กรอก ลูกชิ้น
- ถั่ว เช่น อัลมอนด์ วอลนัท และถั่วลิสง เป็นต้น
- ผักถั่วชนิดต่าง ๆ เช่น ถั่วลันเตา สะตอ
- ผักหัวที่มีเน็ตคาร์บน้อย (หัวไชเท้า)
- พริกชนิดต่าง ๆ
- ผลิตภัณฑ์จากวัว เช่น ครีม โยเกิร์ต นม(ต้องทานน้อย ๆ)
อาหารที่ ควรหลีกเลี่ยง ถ้าคิดจะมาสายคีโต ได้แก่
- อาหารที่มีไขมันทรานส์ ขนมอบ เบเกอรี่ วิปปิ้งครีม นมข้นหวาน นมข้นจืด อาหารทอดซ้ำ เป็นต้น อาจดูฉลากให้แน่ใจก่อนทาน เพราะ ไม่ใช่ทุกอย่างที่กล่าวมาจะมีไขมันทรานส์ทั้งหมด
- น้ำตาลจากทุกแหล่ง เช่น น้ำผึ้ง ข้าวโพด น้ำเชื่อม
- ถั่วที่มีแป้งเยอะ เช่น ถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วดำ เป็นต้น
- ผักหัวต่าง ๆ ที่มีแป้งเยอะ เช่น มันฝรั่ง มันชนิดต่าง ๆ
- ธัญพืชชนิดต่าง ๆ
แบบว่าใจร้อน! อยากรู้ว่ากิน คีโตเจนิค ลดน้ำหนักได้เร็วไหม?
การทานคีโตไม่กี่สัปดาห์ จะเริ่มเห็นว่าน้ำหนักของเราจะค่อย ๆ ลดลง โดยน้ำหนักจะลดเร็วมากในช่วงแรก บางคนอาจลดถึง 4 – 10 กิโลกรัม ภายใน 2 อาทิตย์ (ขึ้นอยู่กับร่างกายแต่ละคน) แล้วจะค่อย ๆ ลงอย่างสม่ำเสมอ และควรชั่งน้ำหนักตัวเองเก็บสถิติไว้อยู่เสมอ
ในแต่ละสัปดาห์ของการกินคีโต จะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเราบ้าง?
อาการอาจแตกต่างกันออกไป แล้วแต่บุคคล
สัปดาห์ที่ 1 – รู้สึกหิว กระหาย ร่างกายเหมือนขาดพลังงาน รู้สึกหมดแรง น้ำหนักอาจจะหายอย่างรวดเร็ว (แต่มักเป็นน้ำหนักของน้ำ) เมื่อหิว อาจกินเมล็ดฟักทอง กินเนื้อติดมัน และดื่มน้ำมาก ๆ
สัปดาห์ที่ 2 – ยังคงหิวอยู่ เริ่มอยากกินแป้ง และน้ำตาลมาก (carb cravings) ต้องอดทน แต่มีวินัย
สัปดาห์ที่ 3 – เริ่มควบคุมความหิวได้บ้างแล้ว ความอยากแป้งลดลง
สัปดาห์ที่ 4 – จะไม่มีอาการหิว ร่างกายปรับตัวได้แล้ว ความอยากแป้งจะน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
* อาการอาจแตกต่างกันออกไป แล้วแต่บุคคล
ประโยชน์ของการกินคีโต มีมากกว่าแค่ลดน้ำหนัก
การกินคีโตนอกจากจะช่วยให้น้ำหนักลดลง พุงยุบอย่างเห็นได้ชัดแล้ว ยังช่วยเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
- ลดน้ำตาลในเลือด และอินซูลิน (Reduced blood sugar and insulin levels)
- เพิ่มระดับไขมันดี (Increased levels of ‘Good’ HDL cholesterol)
- ลดความดันในเลือดสูง (Lower blood pressure)
- ช่วยรักษาโรคลมชักในเด็ก (Epilepsy)
- ลดภาวะเมตาบอลิกซินโดรม (Effective against metabolic syndrome) ที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และหลอดเลือดสมอง
- ช่วยป้องกันการเกิดสิว (Preventing acne)
กินคีโต มีผลข้างเคียงหรือไม่ ?
การกินคีโต ถือเป็นหลักการกินที่ค่อนข้างปลอดภัย และเหมาะกับคนทั่วไป แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องจำกัดปริมาณการบริโภคคาร์โบไฮเดรตลงอย่างมาก และเพิ่มปริมาณการบริโภคไขมันเยอะ ๆ อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายได้ ดังนี้
– ไข้คีโต (Keto Flu) กระบวนการคีโตซิส หรือการที่ร่างกายหันมาเผาผลาญไขมันแทนน้ำตาลกลูโคส อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัว รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย หรือท้องผูก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปภายใน 1 สัปดาห์
– ขาดน้ำ และแร่ธาตุ ผู้ที่กินอาหารแบบ Keto Diet จะปัสสาวะบ่อย และปัสสาวะมากกว่าปกติ ซึ่งเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำ และแร่ธาตุ จึงควรดื่มน้ำมาก ๆ ทดแทนน้ำที่สูญเสียไป
– โยโย่เอฟเฟค เกิดจากการกินตามหลัก Keto Diet อย่างไม่ต่อเนื่อง ทำให้น้ำหนักผันผวนได้
– ลมหายใจมีกลิ่น รู้สึกขมปากขมคอตลอดเวลา
– นอนไม่หลับ อารมณ์แปรปรวนเหวี่ยงขึ้นลง
– ประจำเดือนอาจมาไม่ปกติ มาแบบขาด ๆ หาย ๆ
– ในบางรายอาจมีผมร่วงมากขึ้น
ผลข้างเคียงที่กล่าวมานี้ ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคนไป
กลุ่มแนะนำสำหรับผู้ที่อยากมีเพื่อนไว้ปรึกษาเรื่องการกินคีโต
ในประเทศไทยจะมีกลุ่มไว้พูดคุย ปรึกษา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในการทาน คีโตเจนิค ใครสงสัย หรืออยากได้กำลังใจในการกินคีโต สามารถเข้าร่วมกลุ่มได้ตามลิงก์ด้านล่างนี้
> คลิกที่นี่ เพื่อเข้ากลุ่มคีโต <<
อ้างอิง :
1. drorawan.com 2. healthline.com 3. thestandard.co 4. ketothailand 5. pobpad.com
ติดตามGedGoodLife ช่องทางอื่น ๆ ได้ที่…
Facebook : GEDGoodLife
Nutroplex : nutroplexclub
Twitter : @gedgoodlife
Line : @gedgoodlife
Youtube : GEDGoodLife ชีวิตดีดี