ปัญหามลพิษ และ ฝุ่นละอองPM2.5 ยังคงเป็นปัญหาต่อเนื่องระดับโลกมาจนถึงปัจจุบันนี้ ฉะนั้น หน้ากากอนามัย หรือ อุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจ จึงเป็นฮีโร่สำหรับมนุษย์โลกเลยทีเดียว เพราะ นอกจากจะช่วยป้องกันฝุ่น มลพิษได้แล้ว หน้ากากอนามัยยังมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ อีกด้วยนะ งั้นมาดูประโยชน์ และวิธิใช้หน้ากากอนามัยให้ถูกต้องกันเลย
ทำไมถึงต้องมี หน้ากากอนามัย ไว้ติดตัว
• นอกบ้านมีแต่ฝุ่นสารพัดพิษ
ไม่ใช่แค่ฝุ่นตัวพีค ๆ อย่าง PM2.5 เท่านั้น แต่ยังมีฝุ่น PM10 ซึ่งเป็นฝุ่นละอองที่พบได้ทั่วไปจากการก่อสร้าง การทำถนน การกวาดฝุ่นดินบนพื้น เกสรดอกไม้ ฯลฯ อีกด้วย พวกนี้ล้วนแต่เป็นสาเหตุของอาการระคายเคือง คัดจมูก บางคนที่เป็นภูมิแพ้ร่วมด้วย อาจจะมี น้ำมูกไหล ถ้าเป็นหนักหน่อย ก็อาจถึงขั้นต้องพึ่งพา ยาแก้หวัด ลดน้ำมูก เพื่อช่วยบรรเทาอาการ ให้สามารถทำงานได้อย่างปกติสุข
• ป้องกันการติดเชื้อโรคทางอากาศ
สิ่งที่ผ่านเข้าสู่โพรงจมูกของคุณได้ ไม่ได้มีแค่ฝุ่น แต่ยังมีเชื้อโรคร้าย ที่ล่องลอยอยู่ในอากาศอีกด้วย เช่น โคโรนาไวรัส หรือ โควิด-19 เป็นต้น หากคุณไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย เวลาออกไปข้างนอก เชื้อโรคร้ายที่แพร่กระจายอยู่ในอากาศ ก็อาจจะแทรกซึมเข้ามาตามระบบทางเดินหายใจ โชคดีหน่อย คุณอาจจะเป็นแค่ ไข้หวัดธรรมดา แต่ถ้าโชคร้าย คุณก็อาจจะถูกรางวัลใหญ่ ได้รับเชื้อโคโรนาไวรัส หรือ โควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ ไข้หัด คออักเสบ ปอดบวม ปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ หรือ วัณโรค ก็ได้ ใครจะไปรู้ได้
• ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปสู่คนอื่น
เราไม่อยากได้เชื้อโรคจากคนอื่น คนอื่นก็ไม่อยากได้เชื้อโรคจากเราเช่นกัน ดังนั้นใครที่กำลังมี ไข้หวัด ไม่สบาย ไอ จาม การสวมหน้ากากอนามัยไว้ ก็จะช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค ไปสู่คนอื่น ๆ ได้ การสวมหน้ากากอนามัย จะเป็นการป้องกันสองทาง ทั้งไม่แพร่เชื้อต่อ และไม่รับเชื้อเพิ่ม ดีต่อสุขภาพมากกว่าเป็นไหน ๆ
• ป้องกันภัยนอกอาคารแล้ว อย่าลืมระวังภัยในอาคารด้วย
ไม่ใช่แค่ภายนอกอาคารบ้านเรือนเท่านั้นที่มีฝุ่นมาก หากคุณต้องเข้าไปในพื้นที่ที่มีฝุ่นเยอะเป็นพิเศษ มีคนจำนวนมาก หรือมีความเสี่ยงที่จะเจอกับเชื้อโรคมากมาย ก็อย่าคิดว่าคุณจะรอดพ้นจากอาการ คัดจมูก น้ำมูกไหล ไปง่าย ๆ ในพื้นที่ต่าง ๆ ด้านล่างนี้ แม้ว่าคุณจะอยู่ในอาคาร คุณก็ควรสวมหน้ากากอนามัยเช่นกัน
– โรงไม้
– เขตก่อสร้าง
– ร้านขายผ้า
– โรงงานตัดเย็บ
– โรงพยาบาล
– ร้านขายสัตว์เลี้ยง (โดยเฉพาะนก)
พื้นที่เหล่านี้ มีมาตรฐานความปลอดภัยอยู่แล้วส่วนหนึ่ง แต่คุณไม่จำเป็นต้องเพิ่มความเสี่ยงให้ตัวเองก็ได้ การสวมหน้ากากอนามัยเอาไว้ จะดีต่อร่างกายมากกว่า เพราะถ้าเกิดเจ้าของที่หย่อนมาตรฐานลง หรือภูมิคุ้มกันของร่างการคุณเกิดอยู่ในช่วงอ่อนแอพอดี ถึงจะอยู่แต่ในอาคารก็ไม่รอดเหมือนกัน
ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ มารู้จักวิธีการสวมหน้ากากอนามัยให้ถูกต้องกันดีกว่า
1. เลือกขนาดให้เหมาะกับใบหน้า เด็กใช้หน้ากากสำหรับเด็ก ผู้ใหญ่ใช้หน้ากากสำหรับผู้ใหญ่
2. เพื่อความสะอาด ล้างมือให้สะอาดก่อนสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง
3. อย่าสัมผัสด้านสีขาว (ส่วนที่สัมผัสกับใบหน้า) ให้จับจากด้านนอกของหน้ากากเท่านั้น
4. สวมหน้ากากอนามัยให้คลุมทั้งจมูก และปาก ให้ด้านที่มีลวดอยู่ด้านบน ด้านมีสีออกด้านนอก (รอยจีบพับลงอยู่ด้านหน้า)
5. กดลวดด้านบนให้พอดีกับรูปจมูก
6. ปรับสายคล้องหู หรือศีรษะให้กระชับแนบสนิทไปกับใบหน้า อย่าให้มีช่องว่าง
7. ควรเปลี่ยนหน้ากากอนามัยทุกวัน ไม่นำมาใช้ซ้ำ ยกเว้นกรณีที่ใช้หน้ากากผ้า สามารถนำไปซักและตากให้แห้งสนิท จึงจะนำมาใช้ซ้ำได้
8. เมื่อเลิกใช้ หรือต้องการเปลี่ยนหน้ากากแผ่นใหม่ ต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง
9. ทิ้งหน้ากากอนามัยในภาชนะที่มีฝาปิดสนิท หรือถังขยะติดเชื้อ
ถึงแม้หน้ากากอนามัยจะมีประโยชน์ แต่ก็ไม่สามารถป้องกันได้ 100% สุดท้าย หากคุณยังประสบปัญหา เป็นหวัด มีอาการ คัดจมูก มี น้ำมูกไหล กินยาไปแล้ว แต่ก็ยังไม่หายสักที เราขอแนะนำให้ไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง จะได้ทำการรักษาที่ถูกต้องต่อไปได้ทันท่วงที
เมื่อไหร่ควรเปลี่ยน หน้ากากอนามัย
- เพื่อสุขอนามัยที่ดีที่สุด ควรเปลี่ยนหน้ากากอนามัยทุกวัน
- เมื่อต้องทำงานในสถานที่ที่มีฝุ่นละอองมาก เช่น ก่อสร้าง, ทำงานกลางแจ้ง ก็ควรเปลี่ยนทุกวัน
- ถ้าไม่อยากเปลี่ยนทุกวัน ให้สังเกตสีของหน้ากาก ถ้ามีสีเข้มกว่าสีปกติก็ควรเปลี่ยนได้เลย
- หน้ากากอนามัย ไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกิน 3 วัน
- เมื่อหน้ากากขาด ชำรุด