แม้ว่า มะเร็งกล่องเสียง (Laryngeal Cancer) จะไม่เป็นที่พูดถึงเท่ากับมะเร็งชนิดอื่น ๆ มากนัก และมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้สูงกว่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังน่ากลัวไม่น้อยไปกว่ามะเร็งชนิดอื่นเลย เพราะมะเร็งกล่องเสียง สามารถส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างมาก ไม่ว่าเป็นการสูญเสียความสามารถในการพูด หรือทานอาหาร…
มาทำความเข้าใจกับโรคมะเร็งกล่องเสียงกันให้ดีกว่านี้อีกสักนิด เพื่อที่จะได้สังเกตว่า คุณมีอาการบ่งชี้เบื้องต้นของ มะเร็งกล่องเสียง อย่าง ไอเรื้อรัง หรือเสียงแหบนานๆ อยู่รึเปล่า
มะเร็งกล่องเสียง คืออะไร?
กล่องเสียง เป็นอวัยวะที่มีหน้าที่ในการออกเสียง ช่วยในการหายใจ และกลืนอาหาร เมื่อมีเนื้อร้ายอย่าง มะเร็งกล่องเสียง เกิดขึ้นที่บริเวณเนื้อเยื่อบุผิวของกล่องเสียง จึงทำให้กล่องเสียงไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ และทำให้ผู้ที่ป่วยเป็น มะเร็งกล่องเสียง ออกเสียง หายใจ และกลืนอาหารได้ยากลำบากยิ่งขึ้น โดยปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็งกล่องเสียง คือ
สูบบุหรี่ – การสูบบุหรี่ เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่สุดสำหรับ มะเร็งกล่องเสียง โดยผู้ที่สูบบุหรี่จัด จะมีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 20 เท่า
ดื่มแอลกอฮอล์ – แอลกอฮอล์สามารถกระตุ้นเยื่อบุกล่องเสียงให้เปลี่ยนเป็นเซลล์มะเร็งได้
การอักเสบเรื้อรังของเยื่อบุกล่องเสียง – เช่น คอ หรือหลอดลมที่เกิดการอักเสบเรื้อรัง
มลพิษทางอากาศ – การสูดดมอากาศที่เป็นพิษ เช่น ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ฝุ่น ควัน และสารเคมี จากโรงงานอุตสาหกรรม
ติดเชื้อไวรัส – ติดเชื้อไวรัส จะทำให้เซลล์เกิดการเปลี่ยนแปลง และมีการแบ่งเซลล์ผิดปกติ
การฉายรังสี – การฉายรังสีก้อนเนื้อบริเวณคอสามารถก่อให้เกิดเซลล์มะเร็งได้
พันธุกรรม – เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดมะเร็งกล่องเสียง สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้
อาการของมะเร็งกล่องเสียง
อาการของมะเร็งกล่องเสียงจะขึ้นอยู่กับขนาด และตำแหน่งของก้อนมะเร็ง มีอาการโดยทั่วไปดังนี้
- เสียงแหบเรื้อรัง และมีการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ เกี่ยวกับเสียง
- กลืนอาหารลำบาก กลืนแล้วเจ็บ หรือมีอาการสำลัก
- ไอ ไอเรื้อรัง อาจมีเสมหะปนเลือดในผู้ป่วยบางราย รู้สึกคล้ายคัดจมูก หายใจไม่ออก หรือมี น้ำมูกไหลลงคอ
- เจ็บคอเรื้อรัง รู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่ที่คอ
- หายใจมีเสียงฮื๊ด เป็นเสียงแหลมที่แสดงว่าทางเดินหายใจแคบลงหรือถูกขัดขวาง
- หายใจลำบาก หรือติดขัด
- ลมหายใจเหม็น
- มีก้อนโตที่คอ
- เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
- ปวดหู
การตรวจหาโรคมะเร็งกล่องเสียง
วิธีการตรวจว่า คุณเป็นโรคมะเร็งกล่องเสียงหรือไม่ สามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้
• โดยเบื้องต้น แพทย์จะเริ่มจากการตรวจประวัติคนไข้ และตรวจดูสภาพร่างกายภายนอกก่อน โดยจะคลำดูช่วงคอเหนือกระดูกไหปลาร้า เพื่อตรวจโรคต่อม และก้อนอื่น ๆ รวมถึงเสียงกรอบแกรบที่กล่องเสียง ส่องดูช่องปาก และคอหอยที่สามารถมองเห็นได้ และใช้กระจกส่องลงไปที่กล่องเสียงเพื่อตรวจดูเนื้องอก
• ถ้าแพทย์สงสัยว่ามีก้อนมะเร็ง จะต้องทำการตัดเนื้อต้องสงสัยเพื่อส่งไปตรวจหาเซลล์มะเร็ง
• ก่อนการส่องกล้องตรวจกล่องเสียง และการตัดชิ้นเนื้อ จะมีการตรวจเลือด ปัสสาวะ คลื่นไฟฟ้าหัวใจ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการดมยาสลบ
• อาจมีการตรวจพิเศษอื่น ๆ เช่น เอ็กซเรย์ปอด เอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) ตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อให้ทราบว่าเป็นมะเร็งระยะที่เท่าไร หรือมีการแพร่กระจายไปที่ใดบ้าง
การรักษามะเร็งกล่องเสียง
แนวทางการรักษา จะขึ้นอยู่กับตำแหน่ง ชนิด และระยะของเนื้องอก ซึ่งอาจรวมการผ่าตัด รังสีบำบัด หรือเคมีบำบัด หรือหลายวิธีรวมกัน โดยแพทย์เฉพาะทางด้านต่าง ๆ เช่น หมอหูคอจมูก และหมอโรคมะเร็ง สำหรับคนไข้ที่มีอาการรุนแรง อาจต้องตัดกล่องเสียงบางส่วน หรือทั้งหมด
มะเร็งกล่องเสียงรักษาหายได้หรือไม่?
แม้ว่ามะเร็งกล่องเสียง จะถูกจัดให้เป็นโรคที่มีความรุนแรงปานกลาง แต่ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ ซึ่งโอกาสในการรักษาให้หายขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น…
• ระยะโรค
• ส่วนของกล่องเสียงที่เกิดโรค
• อายุ
• สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย
สำหรับผู้ป่วยมะเร็งกล่องเสียงระยะแรก หากรับการรักษาด้วยการฉายรังสีจนหายขาด ก็จะสามารถรักษากล่องเสียงเอาไว้ และผู้ป่วยจะสามารถพูดได้ตามปกติ ส่วนการรักษาด้วยการผ่าตัด อาจทำให้ผู้ป่วยมีเสียงแหบบ้าง แต่ก็จะสามารถทานอาหารได้ตามปกติ
สำหรับผู้ป่วยมะเร็งกล่องเสียงในระยะลุกลาม และต้องใช้การรักษาหลายวิธีร่วมกัน เช่น ผ่าตัดกล่องเสียงออกทั้งหมด ร่วมกับการฉายรังสี หรือใช้เคมีบำบัดร่วมด้วย หลังผ่าตัด ผู้ป่วยมักทานอาหารได้เป็นปกติ แต่จะพูดไม่ได้ และต้องฝึกการพูดแบบไม่มีกล่องเสียง หรือใช้อุปกรณ์ช่วยพูด ขึ้นอยู่กับแพทย์จะพิจารณาแนวทางการรักษา
แม้ว่ามะเร็งกล่องเสียง จะเป็นโรคที่มีความรุนแรงปานกลาง และสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่นั่นหมายความว่า ผู้ป่วยจะต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีเท่านั้น เราจึงควรสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตัวเองอยู่เสมอ และรีบไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจรักษาที่เหมาะสม ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
ติดตามGedGoodLife ช่องทางอื่น ๆ ได้ที่…
Facebook : GEDGoodLife
Nutroplex : nutroplexclub
Twitter : @gedgoodlife
Line : @gedgoodlife
Youtube : GEDGoodLife ชีวิตดีดี