ไหนใครเป็นบ้าง วัน ๆ ก็อยู่แค่ในบ้าน แต่ดันป่วยมีอาการ น้ำมูกไหล ไอ จาม ฮัดชิ่ววว ได้ตลอดทั้งวัน!? บางคนไปหมอก็ไม่หาย กินยาก็พอบรรเทา แต่วันต่อมาก็เป็นอีก… นั่นก็เพราะว่า ในบ้านที่เราอาศัยอยู่ มีสารก่อภูมิแพ้มากมายหลบซ่อนอยู่เงียบ ๆ คอยทำร้ายเราได้ทั้งวัน!! อย่ารอช้า ตามมาดูกันเลยว่า 10 จุดเสี่ยงในบ้าน กระตุ้นโรคภูมิแพ้ มีอะไรบ้าง เมื่อรู้แล้วรีบทำความสะอาดโดยด่วน!
- 4 โรคภูมิแพ้ ยอดฮิตของคนไทย! สาเหตุ อาการ วิธีรักษา
- ไรฝุ่น ภัยเงียบ ร้ายลึก สาเหตุของโรคภูมิแพ้!
- โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้อากาศ หรือ โรคภูมิแพ้จมูก – สาเหตุ อาการ วิธีรักษา
ทำความรู้จักกับ โรคภูมิแพ้ กันสักนิด
โรคภูมิแพ้ (Allergy) เป็นภาวะผิดปกติที่เกิดจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่ไวต่อสิ่งกระตุ้น เช่น ฝุ่น ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ ซากแมลงสาบ และขนแมว ขนสุนัข โดยสารก่อภูมิแพ้ (Allergen) เหล่านี้จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายกับร่างกายในคนปกติ แต่ในคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ ร่างกายจะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รุนแรงกว่า และทำให้ร่างกายเกิดอาการต่าง ๆ เช่น จาม น้ำมูกไหล คัดจมูก เยื่อบุตาขาวแดง คันตา น้ำตาไหล หอบ ไอ มีผื่นคันสีแดง
ไรฝุ่น ตัวการร้ายก่อภูมิแพ้ในบ้าน!
รู้หรือไม่? ในห้องนอนของเรา มีตัวไรฝุ่นอาศัยอยู่นับล้านตัวเลยทีเดียว! ไรฝุ่น พบมากตามที่นอน ผ้าปูที่นอน หมอน ผ้าห่ม พรม และผ้าม่าน ผู้ป่วยภูมิแพ้ไรฝุ่น จะมีอาการจาม คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ จาม น้ำตาไหล คันตา คันตามผิวหนัง หอบหืดในเวลากลางคืน หรือหลังตื่นนอน โดยอาการเหล่านี้ เรียกเป็นชื่อโรคได้ว่า โรคภูมิแพ้ในระบบทางเดินหายใจ หรือ โรคแพ้อากาศ, โรคหอบหืด, และเยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้
10 จุดเสี่ยงในบ้าน กระตุ้นโรคภูมิแพ้
1. เตียงนอน
ห้องนอน คือแหล่งสะสมไรฝุ่นชั้นดี! ไม่ว่าจะเป็นที่นอน ผ้าปูที่นอน หมอน มุ้ง ผ้าห่ม ใครที่ตื่นนอนมามีอาการ จาม น้ำมูก น้ำตาไหล อยู่เป็นประจำ อาจบ่งชี้ได้ว่า คุณกำลังเป็นภูมิแพ้ไรฝุ่นอยู่ก็ได้ วิธีแก้ไขคือ นำเครื่องนอนทุกชนิด ออกไปตากแดดจัด ๆ เป็นประจำทุกสัปดาห์ อย่างน้อยครั้งละ 30 นาที แสงแดดจัดจะจำกัดไรฝุ่นลงได้ หรือใช้เครื่องนอนที่มีคุณสมบัติป้องกันไรฝุ่นที่ได้มาตรฐาน ก็จะช่วยได้เช่นกัน
2. เฟอร์นิเจอร์จากกำมะหยี่ หรือผ้า
โซฟา เก้าอี้ ที่ทำมาจากกำมะหยี่ หรือผ้า คือแหล่งสะสมของฝุ่นได้เป็นอย่างดี ผู้ป่วยภูมิแพ้ จึงควรหลีกเลี่ยงเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากผ้า ให้ใช้วัสดุที่ทำจากหนังแทน และหมั่นทำความสะอาดอยู่เป็ประจำ
3. ต้นไม้ภายในบ้าน
ละอองเกสรดอกไม้ เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ได้ ฉะนั้นใครที่เป็นภูมิแพ้อยู่ ไม่ควรปลูกต้นไม้ หรือดอกไม้ที่มีเกสรเยอะ เช่น ดอกเดซี่ ต้นเบญจมาศ ดอกทานตะวัน ช่อดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม เป็นต้น
4. พรม และผ้าเช็ดเท้า
แหล่งสะสมฝุ่น และไรฝุ่น ชั้นเลิศ ควรหมั่นทำความสะอาดบ่อย ๆ รวมถึงติดตั้งพัดลมดูดอากาศในห้องน้ำ เพื่อถ่ายเทอากาศไม่ให้อับชื้น เวลาทำความสะอาด ควรสวมใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นเข้าจมูกจนคัดจมูก หายใจไม่ออก
5. เครื่องปรับอากาศ
ในเครื่องปรับอากาศมีเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัสอยู่มาก ถ้าหากปล่อยให้สกปรก ไม่ล้างทำความสะอาดเลย (สังเกตได้จากเปิดแอร์แล้วมีกลิ่นอับเหม็น หรือมีฝุ่นเกาะเยอะ) ก็จะเป็นแหล่งรวมของสารก่อภูมิแพ้ได้เป็นอย่างดี รวมถึงหากเปิดแอร์เย็นจนเกินไป ความเย็นก็สามารถก่อภูมิแพ้ได้เช่นกัน หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่า แพ้อากาศเย็น นั่นเอง
6. หนังสือ
ฝุ่นผงที่ลอยมาในอากาศตกลงที่ด้านบนของชั้นหนังสือ เมื่อเราจับหนังสือที่ติดฝุ่นมาอ่าน ก็จะกระตุ้นให้เป็นภูมิแพ้ได้ จึงควรหมั่นทำความสะอาดชั้นวางหนังสือบ่อย ๆ ด้วยไม้ปัดฝุ่น ผ้าขี้ริ้วชุบน้ำหมาด ๆ และอย่าลืมทำความสะอาดด้านหลังชั้นหนังสือด้วยล่ะ
7. ของเล่นเด็ก และตุ๊กตา
ควรเลือกของเล่นที่ล้างน้ำได้ โดยนำมาล้างน้ำร้อนสัปดาห์ละครั้ง เก็บของเล่นในตู้ หรือกล่องที่มีฝาปิด ตุ๊กตาควรเลือกแบบที่ซักในน้ำร้อนได้ และซักทำความสะอาดทุกสัปดาห์ รวมถึงต้องเป่าให้แห้ง เพื่อไม่ให้เกิดเชื้อรา
8. ห้องน้ำ
เชื้อราชอบขึ้นที่กระเบื้องปูพื้น และผนังห้องน้ำเป็นอย่างยิ่ง ควรทำห้องน้ำให้แห้ง และสะอาดอยู่เสมอ ซ่อมแซมจุดที่มีน้ำรั่วไหล ใช้พัดลมดูดอากาศเพื่อระบายความชื้น และทำความสะอาดพื้นห้องน้ำ ด้วยน้ำยาขจัดคราบเป็นประจำ
9. ห้องครัว
อีกหนึ่งสถานที่โปรดของที่เชื้อรา เพราะเย็นชื้น และมีเศษอาหาร ที่เป็นอาหารของเชื้อราอยู่ ต้องปิดถังขยะให้มิดชิด ป้องกันไม่ให้แมลงสาบ เข้าไปหาอาหารและเพาะพันธุ์ เพราะซากแมลงสาบก็เป็นสารก่อภูมิแพ้อย่างหนึ่งได้
10. สัตว์เลี้ยง
ขนและรังแคจากผิวหนังของสัตว์เลี้ยง คือสารก่อภูมิแพ้อีกประเภท ที่พบได้ง่าย นอกจากนี้ น้ำลาย ปัสสาวะ และอุจจาระของสัตว์เลี้ยง ต่างก็มีสารโปรตีน ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารก่อภูมิแพ้ได้ทั้งสิ้น จึงไม่ควรให้สัตว์เลี้ยงเข้าห้องนอน หมั่นทำความสะอาดบ้านบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้สิ่งเหล่านี้ตกค้างสะสมในบ้าน และอย่าลืมล้างมือทุกครั้ง หลังจากเล่นกับสัตว์เลี้ยงด้วย
เห็นไหมล่ะว่า… สารก่อภูมิแพ้อยู่ใกล้ตัวเราแค่ปลายจมูก จะไม่ให้ ไอ จาม หรือคัดจมูกบ่อยได้ยังไง ฉะนั้น จงอย่าขี้เกียจ ลุกขึ้นมาทำความสะอาดบ้านกันเถอะ จะได้ห่างไกลจากโรคภูมิแพ้ พร้อมมีสุขภาพดีดีอยู่เสมอ และที่สำคัญ อย่าลืมออกกำลังกาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอต่อวัน เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ไว้ต่อสู้กับสารก่อภูมิแพ้
มียาแก้แพ้ติดบ้านไว้ อุ่นใจกว่า!
ใครที่เป็นภูมิแพ้บ่อย ๆ ควรมี ยาแก้แพ้ ติดบ้านไว้อยู่เสมอ เมื่ออาการภูมิแพ้ถามหา ก็สามารถกินได้เลยทันที โดยยาแก้แพ้ที่ปลอดภัย คือ ยาแก้แพ้ที่มีส่วนผสมของตัวยาลอราทาดีน รับประทานเพียงวันละ 1 เม็ด ไม่ทำให้ง่วงนอน เพียงเท่านี้ก็สามารถบรรเทาอาการแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากมีอาการภูมิแพ้กำเริบหนัก และไม่รู้ตัวเองว่าเป็นภูมิแพ้อะไรกันแน่ ควรเข้าพบแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยต่อไป
อ้างอิง : 1. คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล 2. IQAir