โรคภูมิแพ้ เป็นโรคที่คนสมัยนี้เป็นกันเยอะมาก บางคนรักษามานาน แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น กลับมีอาการแย่ลง ที่ทำให้อาการของภูมิแพ้ไม่ดีขึ้น อาจจะเป็นเพราะ ” ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับภูมิแพ้ “ ก็ได้นะ แล้วความเชื่ออะไรบ้าง ที่เราอาจจะยังเข้าใจผิดอยู่? มาเช็กกันให้รู้ไปเลยว่าชัวร์ หรือ มั่วกันแน่
- โรคภูมิแพ้คืออะไร ทำไมถึงเป็น มีอาการอะไรบ้าง? และข้อควรรู้เรื่องภูมิแพ้
- วิธีตรวจภูมิแพ้ มีกี่ประเภท ตรวจแบบไหนเหมาะกับเรา?
- เมื่อมีอาการแพ้ฝุ่น ควรกินยาแก้แพ้อย่างไรดี?
ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับภูมิแพ้
เชื่อว่า! ภูมิแพ้หายขาดได้
ความจริง : โรคภูมิแพ้ ส่วนใหญ่เป็นโรคเรื้อรัง ที่ไม่หายขาด เมื่อถูกกระตุ้นด้วยสารก่อภูมิแพ้ที่ร่างกายแพ้ ก็ทำให้กลับมามีอาการได้ แต่สำหรับภูมิแพ้บางชนิด โดยเฉพาะหากเป็นในเด็ก เช่น แพ้อาหาร หรือหอบหืดในเด็ก เมื่อโตขึ้น เด็กบางคนอาจจะหายเป็นปกติได้ แต่ส่วนใหญ่ภูมิแพ้ในผู้ใหญ่จะไม่หายขาด ทำได้เพียงควบคุมอาการแพ้ โดยหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ หรือเมื่อมีอาการแพ้ ก็ต้องใช้ยาแก้แพ้ ยาต้านฮีสตามีน หรือ ยาบรรเทาอาการคัน เพื่อรักษาอาการที่แพ้
ภูมิแพ้เป็นโรคเรื้อรังที่มักจะอยู่กับเราไปตลอด ต้องรู้จักปรับตัว เรียนรู้ที่จะอยู่กับภูมิแพ้ ดูแลร่างกายให้แข็งแรง ก็อาจจะทำให้อาการภูมิแพ้ไม่กำเริบขึ้นมา
เชื่อว่า! ภูมิแพ้อาหาร ค่อย ๆ กินอาหารที่แพ้ แล้วจะหายได้เอง
ความจริง : เป็นความเชื่อที่ผิด และเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ เพราะการค่อย ๆ กินอาหารที่แพ้หากมีอาการแพ้มาก เช่น หายใจไม่ออก หายใจติดขัด ช่วยเหลือไม่ทันอาจเสียชีวิตได้เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามทางการแพทย์จะมีการทดสอบการแพ้อาหาร (Oral Food Challenge Test) โดยให้ผู้ป่วยลองรับประทานอาหารที่สงสัยเริ่มจากปริมาณน้อย ๆ และค่อย ๆ เพิ่มปริมาณ เพื่อดูปฏิกิริยาการแพ้ที่เกิดขึ้น แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางภูมิแพ้ เพราะผู้ป่วยอาจจะเกิดปฏิกิริยาการแพ้รุนแรงได้ระหว่างที่ทำการทดสอบ
เชื่อว่า! ภูมิแพ้ไม่ต้องใช้ยา แค่ออกกำลังกายก็รักษาภูมิแพ้หายได้
ความจริง : สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้ มีคำแนะนำว่าไม่มียาที่รักษาให้หายขาดได้ แต่การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะค่อย ๆ สร้างภูมิให้กับร่างกาย และอาจจะทำให้อาการภูมิแพ้ค่อย ๆ ดีขึ้นได้
แต่การหยุดยา แล้วใช้การออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว สำหรับคนป่วยบางคนโดยเฉพาะคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ เช่น โรคหืด ควรรักษาอาการให้ดีขึ้น ก่อนที่จะไปใช้การออกกำลังกาย เพราะอาจจะทำให้มีอาการหลอดลมไว หลอดลมตีบ อาการหอบหืดกำเริบ ดังนั้นหากจะเริ่มออกกำลังกาย ควรปรึกษาแพทย์ และยังจำเป็นต้องใช้ยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ไม่ควรหยุดยาเอง
เชื่อว่า! กินยาภูมิแพ้ต่อเนื่อง เสี่ยงกับโรคตับ โรคไต
ความจริง : ความเชื่อที่ว่าไม่อยากกินยา เพราะกลัวยาไปสะสมในตับ ในไตนั้น เป็นความเชื่อที่ผิด เพราะยาในปัจจุบัน มีประสิทธิภาพสูง แต่ผลข้างเคียงน้อย หากเป็นภูมิแพ้ที่ยังควบคุมอาการไม่ได้ เช่น โรคหืด หากหยุดใช้ยา อาจส่งผลต่ออาการที่รุนแรงขึ้นของโรคหืด อาจอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ คนไข้ที่เป็นภูมิแพ้ สามารถใช้ยาได้ เพราะแพทย์จะเลือกยาที่เหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละรายอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลว่ายาจะไปสะสมที่ตับ ที่ไต
กินอาหารเสริมรักษาภูมิแพ้ได้ ?
ความจริง : ปัจจุบันมีโฆษณาชวนเชื่อ เกี่ยวกับอาหารเสริมต่าง ๆ ที่ช่วยป้องกัน รักษาโรคภูมิแพ้ได้ แต่ในทางการแพทย์ ยังไม่มีคำแนะนำว่าอาหารเสริมชนิดใดจะช่วยป้องกัน รักษาภูมิแพ้ได้ มีแต่คำแนะนำทั่วไปในการดูแลสุขภาพ สุขอนามัย คือ รับประทานให้ครบ 5 หมู่ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอเมื่ออาการภูมิแพ้ควบคุมได้ดี
ความเชื่อ ยารักษาอาการแพ้ ทำให้ง่วง
ความจริง : ปัจจุบันไม่ได้มีแต่ยาแก้แพ้ที่ทำให้ง่วง เหมือนเช่นในอดีต ยาแก้แพ้ หรือ ยาต้านฮีสตามีน (antihistamines) แบ่งเป็น 2 กลุ่ม
- กลุ่มแรก ยาต้านฮีสตามีนกลุ่มดั้งเดิม หรือยาต้านฮีสตามีนกลุ่มที่ทำให้ง่วงซึม
- กลุ่มที่สอง ยาต้านฮีสตามีนกลุ่มที่ไม่ทำให้ง่วงซึม
โดยยาต้านฮีสตามีนแบบที่ไม่ทำให้ง่วงซึม ออกฤทธิ์เช่นเดียวกับยาต้านฮีสตามีนกลุ่มดั้งเดิม แต่ยาในกลุ่มนี้ผ่านเข้าสมองได้น้อยมากจึงทำให้ง่วงซึมน้อยกว่า ยาแก้แพ้กลุ่มนี้ เช่น ลอราทาดีน (Loratadine) จัดเป็นยาแก้แพ้ที่ปลอดภัย และไม่ทำให้ง่วงซึม
การดูแลตัวเองเมื่อเป็น “ภูมิแพ้”
หาให้ได้ว่าแพ้อะไรกันแน่ เมื่อสงสัยว่าตัวเองมีอาการแพ้ ส่วนใหญ่ตอนแรกหลายคนมักจะยังไม่แน่ใจว่าตัวเองแพ้อะไรกันแน่ หรือ บางครั้งอาจจะเข้าใจผิดสิ่งที่ทำให้แพ้ เช่น บางคนมีอาการแพ้ อาการคัน เมื่อกินกุ้ง กินอาหารทะเล อาจจะไม่ได้แพ้สารไคโตซานที่อยู่ในกุ้ง แต่อาจจะแพ้สารเคมีที่แช่อาหารทะเล ดังนั้น หากอยากรู้ว่าแพ้อะไรกันแน่ จะได้ป้องกันตัวเองได้ถูก อาจจะไปตรวจหาภูมิแพ้ สารก่อภูมิแพ้ ซึ่งทำได้หลายวิธี
เลี่ยงของที่ทำให้แพ้ วิธีป้องกันภูมิแพ้ที่ดีที่สุด คือการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ หรือ ของที่ทำให้มีอาการแพ้ หากรู้ว่าแพ้ เช่น แพ้ฝุ่น แพ้ขนสัตว์ แพ้เกสรดอกไม้ แพ้อาหารทะเล ก็พยายามเลี่ยง เพื่อไม่ให้ภูมิแพ้กำเริบ
อย่าลอง อย่าเสี่ยง การรักษาภูมิแพ้ อย่าพยายามกระตุ้นด้วยของที่ทำให้แพ้ด้วยตัวเอง เช่น บางคนจะลองกินของที่ทำให้แพ้เอง แต่ทำแบบนั้นเสี่ยงมาก เพราะอาการแพ้อาจจะกำเริบหนัก รุนแรงได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์ และรักษาโดยแพทย์
กินยาแก้แพ้ คนที่มีอาการแพ้ เป็นภูมิแพ้ ควรมียาติดตัวเสมอ แต่หากมีอาการแพ้ที่ไม่รุนแรง กะทันหัน เช่น อาการคัน อาการไอ จาม จากการแพ้ เช่น แพ้อากาศ แพ้อาหาร สามารถซื้อยาแก้แพ้ หรือ ยาต้านฮีสตามีน (Antihistamine) เพื่อรักษาอาการคัน อาการแพ้ ได้เองจากร้านขายยา ยาแก้แพ้ที่ปลอดภัย ไม่ทำให้ง่วง เช่น ยาลอราทาดีน (Loratadine) ซึ่งช่วยรักษาอาการคัน ระคายเคืองจากการแพ้ได้
ปรึกษาแพทย์ หากป่วยเป็นภูมิแพ้ ที่รบกวนการใช้ชีวิต เจ็บป่วยบ่อยไม่หาย ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อรักษาอย่างถูกต้อง