แพ้มาตลอด อยากจะชนะบ้างทำไงดี? คำถามคาใจของคนเป็นภูมิแพ้ โรคที่ไม่ได้เป็นอันตรายมากนัก แต่ก็เป็นโรคที่รังควาญใจอยู่เป็นประจำ และเป็นโรคที่คนไทยเราเป็นกันเยอะมากจริง ๆ วันนี้ GED good life จึงขอแนะนำ 8 วิธีชนะภูมิแพ้ แบบง่าย ๆ ตามคำแนะนำของแพทย์มาฝาก แล้วอย่าลืมนำไปปฏิบัติตามกัน จะได้เลิกแพ้ กลายเป็นผู้ชนะบ้างเสียที!
– โรคภูมิแพ้คืออะไร ทำไมถึงเป็น มีอาการอะไรบ้าง? และข้อควรรู้เรื่องภูมิแพ้
– กินยาแก้แพ้เป็นประจำ อันตรายไหม? แบบกินแล้วง่วง กับไม่ง่วง เลือกแบบไหนดีกว่ากัน?
– ภูมิแพ้อากาศ และฝุ่น รักษายังไง กินยาอะไรได้บ้างครับ?
8 วิธีชนะภูมิแพ้ ได้ผลจริง ภูมิแพ้หายชัวร์!
วิธีที่ 1 : เลี่ยงสิ่งที่แพ้
การหลีกเลี่ยงสิ่งที่เราแพ้ ถือเป็นวิธีชนะภูมิแพ้ที่ดีที่สุด สำคัญที่สุด และเป็นคำแนะนำจากแพทย์ทั่วโลก ยกตัวอย่างเช่น เมื่อรู้ตัวเองว่าเป็นคนแพ้ฝุ่น ก็ต้องหลีกเลี่ยงฝุ่น ด้วยการไม่ออกไปยังสถานที่ที่มีฝุ่นมาก ใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ ถ้าแพ้รังแคแมว รังแคหมา (หรือที่มักเข้าใจว่า แพ้ขนสัตว์) ก็ต้องเลี่ยงการเลี้ยงแมว และหมาไว้ในบ้าน เป็นต้น แต่ถ้าไม่ทราบว่าตัวเองแพ้อะไร อาจใช้วิธีสังเกตว่า สัมผัสกับอะไรแล้วมีอาการแพ้ต่าง ๆ เกิดขึ้น ก็แปลว่าเราแพ้สิ่งนั้น
จากงานวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ได้เปิดเผยความชุกของสารก่อภูมิแพ้ (สารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อย) ที่ให้ผลบวกจากการทดสอบทางผิวหนัง ดังนี้
- ไรฝุ่น 64.8%
- เกสรหญ้า 36%
- แมลงสาบ 32.3%
- ฝุ่นบ้าน 31.5%
- รังแคแมว 12.9%
- รังแคหมา 10%
- กุ้ง 6.9%
- ขนสัตว์ปีก 4%
- เชื้อราต่าง ๆ 3.4-1.5%
ฉะนั้นหากใครไม่แน่ใจว่าตัวเองแพ้อะไร ก็ให้หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ตามข้างต้นไว้ก่อนเลย
วิธีที่ 2 : ใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ
หน้ากากอนามัย นอกจากสามารถป้องกันการติดโรคโควิด-19 แล้ว ยังสามารถป้องกันสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เช่น PM2.5 ไรฝุ่น ฝุ่นบ้าน ขนสัตว์ต่าง ๆ เกสรดอกไม้ สารเคมี เป็นต้น ฉะนั้นผู้ที่เป็นภูมิแพ้ จึงควรพกหน้ากากอนามัยติดตัวอยู่เสมอ วิธีเลือกซื้อหน้ากากอนามัยให้ดูที่เป็นเกรดทางการแพทย์ (Medical mask) จะดีที่สุด
วิธีที่ 3 : หมั่นกำจัดไรฝุ่น และฝุ่นบ้าน
ตามที่ได้กล่าวไปแล้วในข้อที่1 ว่า ไรฝุ่น คือสารก่อภูมิแพ้ตัวฉกาจอันดับ 1 เลยทีเดียว ฉะนั้นอย่านิ่งนอนใจ อย่าให้ไรฝุ่นมารบกวนเราได้ทั้งในยามหลับ และยามตื่น หมั่นทำความสะอาดที่นอนอยู่เป็นประจำ ส่วนผ้าปูที่นอน และปลอกหมอน ควรเลือกซื้อแบบป้องกันไรฝุ่นได้ยิ่งดี หรือหมั่นนำไปซักทำความสะอาดอยู่เสมอ
ส่วนฝุ่นในบ้าน อาจติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ ในขนาดที่เหมาะสมกับห้องนอน ห้องนั่งเล่นในบ้าน เพื่อช่วยกำจัดฝุ่น และกรองอากาศให้สะอาด รวมถึงต้องหมั่นทำความสะอาดเช็ดถูบ้านอยู่เสมอ
วิธีที่ 4 : งดเลี้ยงสัตว์มีขนอย่าง หมา แมว
โรคภูมิแพ้ขนสัตว์ หรือ โรคภูมิแพ้สัตว์เลี้ยง (Pet allergy) เป็นอะไรที่ทรมานใจทาสหมา ทาสแมว ไม่น้อยเลยทีเดียว! สารก่อภูมิแพ้จากแมว และหมา จะอยู่ที่ผิวหนัง ขน น้ำลาย และมีขนาดเล็กน้อยกว่า 10-20 ไมครอน ทำให้ล่องลอยอยู่ในอากาศ ติดอยู่ตามตัว หรือเสื้อผ้าได้นาน
ถ้าหากไม่สามารถงดเลี้ยงได้ ต้องหาทางออกด้วยการ หมั่นอาบน้ำหมา แมว อยู่เป็นประจำทุกอาทิตย์ เพื่อกำจัดสารก่อภูมิแพ้ในสัตว์ออกไป ไม่ควรนำมาเลี้ยงบนเตียงนอน และระหว่างที่เล่นกับสัตว์เลี้ยง อาจใช้หน้ากากอนามัยปิดจมูกไว้ เพื่อไม่ให้สารก่อภูมิแพ้เข้าจมูกนั่นเอง
อ่านเพิ่มเติม -> ฟัดด้วยทีไร ฮัดเช่ยทุกที! “ภูมิแพ้ขนสัตว์” สาเหตุ อาการ และวิธีรักษา
วิธีที่ 5 : ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
เชื่อหรือไม่ว่า ผู้ป่วยภูมิแพ้หลายคน สามารถหายจากภูมิแพ้ที่ตนเองเป็นอยู่ได้ ด้วยการออกกำลังกาย เพราะ การออกกำลังกายทำให้ความไวของเยื่อบุจมูก และหลอดลมลดลง ภูมิต้านทานแข็งแรงขึ้น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล แนะนำให้ออกกำลังกายแบบแอโรบิก อย่างสม่ำเสมอ เช่น วิ่ง, เดินเร็ว, ขึ้นลงบันได, ว่ายน้ำ, ขี่จักรยานฝืด, เตะฟุตบอล, เล่นเทนนิส, แบดมินตัน หรือบาสเกตบอล วันละ 30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน
*การออกกำลังกายแบบแอโรบิก คือการออกกำลังกายที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น หายใจเร็วขึ้น
วิธีที่ 6 : นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ จะทำให้คุณมี สุขภาพองค์รวม ที่ดีได้ รวมถึงโรคภูมิแพ้ด้วยเช่นกัน ก่อนนอนควรทำจิตใจให้ผ่อนคลาย ไม่เครียด แล้วจะทำให้หลับสบาย หลับได้ลึกกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม ถ้าหากคุณมีอาการภูมิแพ้ จนส่งผลให้นอนไม่หลับ อาจบ่งบอกได้ว่า อาการภูมิแพ้ของคุณอยู่ในระดับปานกลางถึงรุนแรงแล้ว ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัย และการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
วิธีที่ 7 : ใส่ใจเรื่องการกิน
ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ ควรเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อภูมิคุ้มกันร่างกาย เช่น ผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง หรือ ชาเขียวที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ สามารถยับยั้งการหลั่งสารฮีสตามีนได้ ส่วนผู้ที่ป่วย ภูมิแพ้อาหาร ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มักทำให้แพ้ เช่น กุ้ง ปู นม ไข่ ถั่ว เป็นต้น
วิธีที่ 8 : กินยาแก้แพ้ชนิดไม่ง่วง
ยาแก้แพ้ สามารถบรรเทาอาการแพ้ เช่น จาม น้ำมูกไหล คันจมูก คันตา แสบตา เนื่องจากโรคภูมิแพ้ได้ โดยยาแก้แพ้ในปัจจุบัน สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ทำให้ง่วง กับ กลุ่มที่ไม่ทำให้ง่วง ซึ่งในปัจจุบันนิยมใช้ ยาแก้แพ้ชนิดไม่ง่วง เพราะ มีความปลอดภัยสูง สามารถรักษาอาการแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากไม่แน่ใจเรื่องการใช้ยาแก้แพ้ ควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา
อ่านเรื่องยาแก้แพ้เพิ่มเติม -> ยาแก้แพ้ มีกี่ชนิด และควรเลือกอย่างไรดี?
อ้างอิง : 1. คลินิกโรคภูมิแพ้ โรงพยาบาลรามาธิบดี 2. คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล