โรคภูมิแพ้ผิวหนัง เป็นโรคที่มีอาการกำเริบเป็นระยะ ๆ เป็น ๆ หาย ๆ คนที่เป็นโรคนี้จะมีโอกาสรักษา หายขาดได้ไหม ทำยังไงให้เลิกทรมานจากโรคนี้เสียที! Ged Good Life มีคำตอบรออยู่แล้ว มาติดตามกันเลย
ทำความรู้จักกับ โรคภูมิแพ้ผิวหนัง
โรคภูมิแพ้ผิวหนัง, โรคผื่นผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ (Skin Allergy / Atopic dermatitis / Eczema) เป็นโรคที่พบในเด็กได้ประมาณ 10-20% มากกว่าผู้ใหญ่ ซึ่งพบที่ 1-3% เท่านั้น เป็นโรคที่มีอาการกำเริบเป็นระยะ ๆ เป็น ๆ หาย ๆ ซึ่งเชื่อว่าเกิดจากพันธุกรรม เพราะส่วนใหญ่คนที่เป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนัง มักจะมีประวัติภูมิแพ้ในครอบครัว เช่น โรคหืด โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้อากาศ เป็นต้น
โรคภูมิแพ้ผิวหนัง เกิดจากอะไร?
สาเหตุที่แท้จริงยังไม่ทราบแน่นอน เชื่อว่าเกิดจากพันธุกรรม ซึ่งทำให้ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองผิดไปจากปกติ เมื่อมีปัจจัยกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม ก่อให้เกิดผื่นที่ผิวหนัง
ปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้ ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังกำเริบ
– สิ่งแวดล้อม ละอองเกสร ไรฝุ่น แมลง ขนสัตว์
– สารเคมี สบู่ ผงซักฟอก ที่มีฤทธิ์เป็นด่างจะละลายไขมัน ทำให้ผื่นผิวหนังอักเสบเป็นมากขึ้นได้
– แพ้อาหาร เด็กที่เป็นเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง อาจเกิดจากได้รับการกระตุ้นจากอาหาร อาหารที่แพ้บ่อย ได้แก่ ไข่ นม ถั่ว
– เชื้อโรค เช่น แบคทีเรีย เชื้อรา ทำให้เกิดผื่นขึ้นได้
– ฤดูกาล บางคนเป็นช่วงอากาศหนาว อากาศแห้ง ชื้น แต่บางคนก็อาการกำเริบช่วงหน้าร้อน ที่เหงื่อออกเยอะ ทำให้ผิวอักเสบ เกิดผื่นคัน
โรคภูมิแพ้ผิวหนัง มีอาการอย่างไร?
อาการที่สังเกตได้เอง คือ จะมีผื่นบวม ผื่นแดง หรือผิวแห้งแตก เป็นขุย คันมาก ยิ่งเกายิ่งคัน อาจจะมีตุ่มน้ำด้วย
อาการของ ภูมิแพ้ผิวหนัง แบ่งเป็น 3 ระยะ
ระยะเฉียบพลัน
- มีผื่นบวมแดง และคัน
- มีตุ่มแดง ตุ่มน้ำ
- อาจมีน้ำเหลืองไหลซึมออกมา
ระยะกึ่งเฉียบพลัน
- ผื่นแดงคัน ตุ่มแดง มีขุย
- อาจมีตุ่มน้ำบ้าง แต่ไม่มีน้ำเหลืองไหลซึมออกมา
ระยะเรื้อรัง
- ผื่นจะไม่แดงมาก แต่จะเป็นสีน้ำตาลแดง
- อาจนูนหนา คัน มีขุย เห็นร่องผิวหนังชัดเจน
โรคภูมิแพ้ผิวหนัง มักเกิดบริเวณไหน?
โรคนี้เกิดขึ้นได้กับผิวหนังทุกส่วนของร่างกาย แต่ที่เกิดขึ้นบ่อยในเด็กทารก คือ ใบหน้า ซอกคอ ด้านหน้าของแขน ขา ส่วนผู้ใหญ่ ที่พบบ่อย คือ ด้านในข้อพับแขน ขา หรือด้านนอกของข้อเข่า ข้อศอก รอบคอ
การรักษาผื่นภูมิแพ้ผิวหนังด้วยยา
– ยาสเตียรอยด์ชนิดทา โดยแนะนำให้ใช้ยาทาเสตียรอยด์ที่มีฤทธิ์อ่อน ถึงปานกลาง ซึ่งความแรงต่างกันไปตามบริเวณผื่น และอายุ ทาวันละ 2 ครั้ง เมื่ออาการจะดีขึ้น ควรลด หรือหยุดใช้ยา
– ยาทาลดการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ซึ่งแพทย์จะสั่งยาให้ ไม่ควรซื้อยามาใช้เองเพราะจะมีผลข้างเคียงในระยะยาว
– กินยาแก้แพ้ ได้แก่ ยาต้านฮีสตามีน ยาแก้แพ้ เพื่อลดอาการผื่นคัน
– กินยาฆ่าเชื้อ กรณีที่มีการติดเชื้อร่วมด้วย แพทย์อาจให้กินยาปฎิชีวนะ หรือยาสเตียรอยด์ชนิดรับประทานกรณีที่อาการผื่นรุนแรงมาก
วิธีสังเกต ผื่นผิวหนังที่เกิดจากโรคภูมิแพ้
ผู้ป่วยมักมีผื่นคันร่วมกับมีประวัติภูมิแพ้ของตนเอง และครอบครัว เช่น โรคภูมิแพ้อากาศ โรคหอบหืด มีประวัติการแพ้อาหาร มักมีผื่นผิวหนังอักเสบเรื้อรัง เป็น ๆ หาย ๆ มีการกระจายของผื่นที่มีลักษณะเฉพาะของโรค คือ มีผื่นคันบริเวณใบหน้า ซอกคอ และด้านนอกของแขนขาในวัยทารก และเด็กเล็ก
ส่วนในเด็กโต หรือผู้ใหญ่ มักพบผื่นดังกล่าวบริเวณข้อพับแขนขา นอกจากนี้ยังอาจมีอาการร่วมอื่น ๆ เช่น ผิวแห้ง กลากน้ำนม ขนคุด และเส้นลายมือชัดลึก เป็นต้น
ภูมิแพ้ผิวหนัง เป็น ๆ หาย ๆ รักษาให้หายขาดได้ไหม?
หลายคนที่ต้องเจอกับอาการภูมิแพ้ผิวหนัง เดี๋ยวเป็น เดี๋ยวหาย บางคนเป็นมาเป็นสิบปีก็ยังไม่หาย คงรู้สึกว่าเป็นโรคเรื้อรังที่ทำให้ชีวิตลำบาก และเป็นที่น่าเสียดายที่ โรคภูมิแพ้ผิวหนัง ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ หากได้รับสารระคายเคือง สารก่อภูมิแพ้ ก็ทำให้เกิดอาการขึ้นได้เสมอ แต่เราสามารถดูแลตัวเองให้แข็งแรง เพื่อไม่ให้อาการภูมิแพ้กลับมาได้
วิธีดูแลตัวเองให้ห่างไกล ภูมิแพ้ผิวหนัง
– สังเกตพฤติกรรมตัวเอง หลายคนที่มีอาการภูมิแพ้ผิวหนัง เป็น ๆ หาย ๆ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองแพ้อะไร ต้องคอยหมั่นสังเกตตัวเอง ว่าอาการกำเริบขึ้นตอนไหน ตอนกินอะไร ทำอะไร อากาศแบบไหน ซึ่งทั้งพฤติกรรม และ ส่ิงแวดล้อมรอบตัว ล้วนมีผลต่อการเกิด ภูมิแพ้ผิวหนัง ได้ทั้งนั้น
– ดูแลความสะอาดเสมอ พยายามอาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกาย และล้างมืออยู่เสมอ
– หลีกเลี่ยงสารระคายเคือง ที่จะทำให้แพ้ คันมากขึ้น เช่น ไรฝุ่น ขนสัตว์ สารเคมี
– ระวังอาหารที่จะทำให้แพ้ อาหารบางชนิด เป็นตัวกระตุ้นให้อาการแพ้ ผื่นคัน มากขึ้น เช่น นมวัว ไข่ ถั่วเหลือง
– ระวังไม่ให้ป่วย ดูแลร่างกายให้แข็งแรง กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย ระวังไม่ให้เจ็บป่วย เพราะหากป่วย อาจทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง ซึ่งส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอ และอาจเกิดภูมิแพ้ผิวหนังขึ้นได้เช่นกัน
– อาบน้ำอย่างถูกวิธี หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อน ซึ่งอาจทำให้ผิวแห้ง แตกเป็นขุย ใช้สบู่อ่อน ๆ ที่ไม่มีน้ำหอม ไม่มีสารกันเสีย ที่ระคายเคืองกับผิว ไม่อาบน้ำนานเกินไป คือ ไม่ควรเกิน 5-10 นาที
– บำรุงผิวให้ชุ่มชื่น ทาครีม หรือโลชั่นทุกครั้ง หลังอาบน้ำเพื่อให้ความชุ่มชื้นกับผิว ป้องกันผิวแห้ง ระคายเคือง แต่ต้องเลือกโลชั่นที่อ่อนโยนกับผิว ไม่มีสารกันเสีย หรือ น้ำหอม
– หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าที่รัดมาก เนื้อหยาบหนา หรือผ้าขนสัตว์ ซึ่งทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว
– ระวังสารเคมีในผงซักผอก เลือกใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม ผงซักฟอกที่ไม่มีสารเคมี หรือน้ำหอมแรงๆ
– ระวังไม่ให้เหงื่อออกเยอะ ถ้าแพ้เหงื่อ อาจจะต้องระวังไม่ให้เหงื่อออกเยอะ หรือรีบอาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกาย อย่างปล่อยให้เหงื่อออกนาน