บทความนี้ GED good life จะพาทุกคนไปรู้จักกับ 4 โรคภูมิแพ้ผิวหนังที่พบบ่อย จะมีอะไรบ้าง และแตกต่างกันยังไง ซึ่งโรคภูมิแพ้ผิวหนังนี้ จะมีตั้งแต่อาการตั้งแต่เล็ก ๆ น้อย ๆ ไปจนถึงมีตุ่มน้ำเหลือง ผิวลอกทั้งตัวได้ ส่งผลกะทบต่อคุณภาพชีวิตมากทีเดียว หากใครอยากรู้แล้วอย่ารอช้า มาติดตามกันต่อเลย!
4 โรคภูมิแพ้ผิวหนังที่พบบ่อย
คนที่เป็นภูมิแพ้ผิวหนังมักมีผิวแห้ง มีอาการคันง่าย จึงมักเกาจนเป็นแผลที่ผิวหนัง ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย ปัจจุบันแม้ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดสนิท แต่ก็ถือว่าแนวทางทางการแพทย์สามารถลดความรุนแรงของโรคได้ โรคภูมิแพ้ผิวหนังที่พบบ่อย มีดังนี้
1. ผื่นแพ้สัมผัส (Allergic contact dermatitis)
คือ ภูมิแพ้ผิวหนังที่เกิดขึ้นเมื่อผิวหนังสัมผัสกับสารก่อระคายเคือง หรือสารก่อภูมิแพ้ เช่น เครื่องสำอาง น้ำหอม น้ำยาย้อมผม สารฟลูออไรด์ในยาสีฟัน ทรายแมว สิ่งสกปรกต่าง ๆ เป็นต้น โดยทั่วไปจะแสดงอาการภายใน 1-7 วัน
อาการ – ลักษณะของผื่นจะคล้ายทรายละเอียด และต่อมาอาจจะลอกเมื่อเป็นนาน ๆ จะมีผื่นหนา และมีสีคล้ำขึ้น มีอาการคันมาก ถ้ามีอาการแพ้มากขึ้นก็จะมีน้ำเหลืองซึมออกมา รอยโรคจะเกิดบริเวณที่สัมผัสกับสารที่แพ้ และอยู่นานเป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน
อ่านเพิ่มเติม -> ผื่นแพ้สัมผัส สาเหตุ อาการ วิธีรักษา
2. โรคลมพิษ (Urticaria)
เกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยเมื่อร่างกายมีปฎิกิริยาต่อสารก่อภูมิแพ้ ร่างกายปล่อยสาร “ฮีสตามีน (Histamine)” และสารอื่น ๆ เข้าสู่กระแสเลือดเป็นจำนวนมาก ทำให้หลอดเลือดฝอยขยายตัว มีพลาสมา หรือน้ำเลือดซึมออกมาในผิวหนัง จนทำให้เกิดผื่นนูนแดงที่ผิวหนังขึ้นผื่น ผื่นลมพิษขึ้นได้ทั้งร่างกาย แขน ขา เป็นอาการที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย โดยพบมากที่สุดในช่วงอายุ 20-40 ปี อาการมักอยู่ไม่เกิน 24 ชั่วโมง แต่ก็อาจมีผื่นลมพิษขึ้นมาใหม่อีกได้
อาการ – ผื่นลมพิษจะมีลักษณะวงนูนแดง ขนาด และรูปร่างต่างกัน เช่น วงกลม วงรี วงหยัก ไม่มีขุย เนื้อภายในวงจะนูน และซีดกว่าขอบเล็กน้อย มีอาการคัน มีไข้ร่วมด้วย
อ่านเพิ่มเติม -> โรคลมพิษ คันยิก ๆ รักษายังไงดี?
3. ผื่นภูมิแพ้ (Atopic dermatitis)
เป็นโรคที่มีการอักเสบของผิวหนังอย่างเรื้อรัง เป็น ๆ หาย ๆ โดยโรคนี้พบได้บ่อยในเด็ก แต่สามารถพบในผู้ใหญ่ได้เช่นกัน มักเกิดร่วมกับภูมิแพ้ทางเดินหายใจ เช่น หอบหืด แพ้อากาศ สาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าเกิดจากกรรมพันธุ์เข้าไปเกี่ยวข้องโดยมีสิ่งแวดล้อมเป็นตัวกระตุ้น
อาการ – ผิวหนังแห้งอักเสบ และมีอาการคัน ซึ่งมักคันมากตลอดเวลา โดยเฉพาะเวลากลางคืน นอกจากนี้ยังอาจเกิดเป็นตุ่มน้ำ ตุ่มหนอง มีน้ำเหลืองไหล หากมีการติดเชื้อร่วมด้วย
อ่านเพิ่มเติม -> โรคภูมิแพ้ผิวหนัง ทำไงให้หายเสียที!? สาเหตุ อาการ วิธีรักษา
4. ผื่นผิวหนังจากการแพ้ยา (Cutaneous drug eruption)
อาการไม่พึงประสงค์จากการแพ้ยาที่เกิดความผิดปกติขึ้นกับระบบผิวหนัง รวมทั้ง ผม ขน เล็บ และเยื่อบุ อาการดังกล่าวไม่สามารถคาดเดาได้ และสามารถเกิดขึ้นแม้จะได้รับยาขนาดปกติ หรือไม่จำเป็นต้องได้รับในขนาดสูงก็สามารถเกิดผื่นแพ้ยาได้ การหยุดยาที่สงสัยแล้วทำให้อาการของผื่นดีขึ้น และ/หรือเกิดขึ้นอีกหากมีการใช้ยาซ้ำ
อาการ – มีลักษณะเป็นผื่นขอบนูนแดง มีขอบเขตไม่ชัดเจน พบตามลำตัว แขน ขา มักพบอาการคันร่วมด้วย ในระยะนี้ผื่นมีขนาดเล็ก แล้วจะค่อย ๆ ขยายออก มีขอบยกนูนที่ชัดเจนตรงกลางผื่นจะมีสีซีดจาง มักมีรูปร่างไม่แน่นอน ผื่นแพ้ยาลักษณะนี้สามารถเกิดอาการหลังจากได้รับยาประมาณ 5 นาที – 1 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม… อาการผดผื่นคัน มีหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น ผื่นที่เกิดหลังจากเป็นไข้ หรืออากาศร้อนจัด อีสุกอีใส ยุงกัด อาหารเป็นพิษ โรคประจำตัวอื่น ๆ เป็นต้น ไม่จำเป็นต้องเกิดจากภูมิแพ้ผิวหนังเสมอไป เมื่อมีอาการจึงควรหาสาเหตุ หรือพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้องต่อไป
เราจะป้องกัน และรักษาโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังได้อย่างไร ?
ต้องเข้าใจว่า โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง เป็นโรคเรื้อรัง เป็น ๆ หาย ๆ เป้าหมายของการรักษาโรคนี้จึงเป็นการควบคุมอาการต่าง ๆ ของโรค ป้องกันไม่ให้โรคกำเริบ และอยู่ในช่วงสงบนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยหลีกเลี่ยงปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น ไรฝุ่น ขนสัตว์ ละอองเกสร หรือสิ่งที่เราแพ้
- หลีกเลี่ยงอากาศร้อนจัด หรือหนาวจัด และไม่ควรอาบน้ำนานเกินไป
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ หรือการสัมผัสสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น สบู่ ผงซักฟอก น้ำยาทำความสะอาด สารเคมี
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้บ่อย เช่น ไข่ นมวัว แป้งสาลี อาหารทะเล
- หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเครียด
- หลีกเลี่ยงยาชนิดต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ทางผิวหนัง
ส่วนการรักษาผื่นภูมิแพ้ขึ้นอยู่กับระยะ และความรุนแรงของโรค
- ระยะเฉียบพลัน มีตุ่มน้ำ และน้ำเหลือง ควรใช้ผ้าพันแผลชุบน้ำเกลือที่สะอาดประคบแผลให้น้ำเหลืองแห้งก่อนจึงตามด้วยการทายา ยาที่ได้ผลเร็วคือยาสเตียรอยด์ เมื่อผื่นหายแล้วต้องหยุดยา ไม่ควรซื้อยาสเตียรอยด์มาทานเอง เพราะจะมีผลข้างเคียงในระยะยาว
- ระยะผิวหนังอักเสบเรื้อรัง ควรใช้ยาที่ไม่มีสเตียรอยด์ทา และทานยาต้านฮีสตามีนอาจช่วยลดอาการคัน
- ระยะที่มีอาการรุนแรงมาก แพทย์อาจพิจารณาให้รับประทานยาสเตียรอยด์ หรือฉายแสงอัลตราไวโอเลต ที่เรียกว่า Phototherapy ซึ่งช่วยกดภูมิในร่างกาย ไม่ให้ไวต่อสิ่งแวดล้อม และผลข้างเคียงน้อยกว่าการรับประทานยาสเตียรอยด์
“ลอราทาดีน” ยาแก้แพ้ชนิดใหม่ ไม่ทำให้ง่วงนอน
ยาต้านฮิสตามีน หรือยาแก้แพ้ (Antihistamine) เป็นยาที่ใช้รักษาอาการภูมิแพ้ทางผิวหนัง ในอดีตยาแก้แพ้จะมีอาการข้างเคียงคือ ทำให้ง่วงนอน… แต่ในปัจจุบันมียาแก้แพ้ตัวใหม่ ที่มีชื่อว่า “ลอราทาดีน – Loratadine” ไม่ทำให้ผู้รับประทานเกิดอาการง่วงนอน (หรืออาจง่วงน้อย) รับประทานเพียงวันละ 1 เม็ด มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยสูง แต่ควรขอคำแนะนำจากแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา
อ่านเพิ่มเติมเรื่องยากลอราทาดีน ที่นี่ -> รู้มั้ย ลอราทาดีน คือยาอะไร รักษาอาการอะไรได้บ้าง?
อ้างอิง : 1.. bumrungrad 2. bangkokhospital 3. mccormickhospital