เจ็บคอมีเสมหะไม่มีไข้ อันตรายไหม พร้อมวิธีแก้อาการไอที่ถูกต้อง

27 มิ.ย. 24

 

ดร. นิติ สันแสนดี
อาจารย์พิเศษ ผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์สุขภาพ

อาการเจ็บคอมีเสมหะ ไม่มีไข้ อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือการระคายเคืองจากสิ่งแวดล้อม การดูแลตัวเองเบื้องต้นและการพักผ่อนให้เพียงพอสามารถช่วยบรรเทาอาการได้ อาการเจ็บคอและมีเสมหะโดยไม่มีไข้ส่วนใหญ่ไม่ใช่อาการที่อันตราย แต่การสังเกตและดูแลอาการให้ดีเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการฟื้นฟูสุขภาพ

อาการไอ เกิดจากอะไร

อาการไอเป็นกลไกการป้องกันของร่างกายเพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอมหรือเสมหะออกจากทางเดินหายใจ อาจเกิดจากการระคายเคือง การติดเชื้อ หรือโรคประจำตัว

เคือง การติดเชื้อ หรือโรคประจำตัว

สาเหตุของอาการไอ

อาการไออาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย การระคายเคืองจากสารเคมี หรือการแพ้ง่ายต่อสิ่งต่าง ๆ เช่น เกสรดอกไม้และฝุ่น การติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนโรคหวัด

หลอดลมอักเสบ โรคภูมิแพ้ โรคกรดไหลย้อน การสูดดมสารระคายเคือง โรคปอดเรื้อรัง อีกทั้งการสูบบุหรี่หรือการสูดดมสารระคายเคืองก็อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการไอได้

ไอแล้วเจ็บท้อง มีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง

การไออย่างรุนแรงและต่อเนื่องสามารถทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องหดเกร็งและปวดเมื่อยได้การไอจนเจ็บท้องมักเป็นผลมาจากการใช้กล้ามเนื้อท้องมากเกินไปเมื่อไอแล้วเจ็บท้อง อาจเกิดจากการไอรุนแรงหรือบ่อยเกินไป

อาการไอ อาจสัญญาณเตือนโรคร้าย

อาการไอต่อเนื่องหรือที่มีลักษณะผิดปกติอาจเป็นสัญญาณของโรคร้าย เช่น โรคปอดหรือโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ควรตรวจสอบอาการอย่างรอบคอบ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยอาจแบ่งกลุ่มอาการได้ ดังนี้

1. อาการไอ จากไซนัสอักเสบ

เกิดจากการอักเสบของเยื่อบุโพรงไซนัส ทำให้มีเสมหะไหลลงคอและกระตุ้นอาการไอ ไซนัสอักเสบทำให้    เกิดการอักเสบในโพรงไซนัส ส่งผลให้อาการไอเกิดขึ้นจากการระคายเคืองในหลอดลม

2. อาการไอ จากมะเร็งปอด

อาการไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด หรือไอร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น น้ำหนักลด อ่อนเพลีย การไอเรื้อรังหรือไอที่มี    เสมหะสีเลือดอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงโรคมะเร็งปอด ซึ่งต้องการการตรวจสอบทางการแพทย์ทันที

อาการไอจากโพรงจมูกอักเสบ เกิดจากอะไร

เกิดจากการอักเสบของเยื่อบุโพรงจมูก ทำให้มีน้ำมูกไหลลงคอและกระตุ้นอาการไอ การอักเสบในโพรงจมูกสามารถทำให้มีการผลิตเสมหะมากขึ้น ซึ่งอาจเลื่อนลงไปในลำคอ ทำให้เกิดอาการไอ

ผลกระทบจากอาการไอ

ผลกระทบจากอาการไอสามารถทำให้คุณภาพชีวิตลดลง อาจทำให้รู้สึกไม่สบาย อีกทั้งอาจส่งผลต่อกิจวัตรประจำวันและการนอนหลับ

1. กระทบต่อสุขภาพจิต

อาการไอเรื้อรังอาจทำให้เกิดความเครียด วิตกกังวล และรบกวนการนอนหลับ อาการไอเรื้อรังอาจทำให้เกิดความเครียดและวิตกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ ทำให้สุขภาพจิตแย่ลง

2. กระทบต่อสุขภาพกาย

การไออย่างรุนแรงอาจทำให้เจ็บหน้าอก เจ็บคอ และปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ

3. กระทบต่อผู้อื่น

อาการไอสามารถแพร่กระจายเชื้อโรคไปยังผู้อื่นได้อาการไอสามารถแพร่เชื้อหรือทำให้คนรอบข้างรู้สึกไม่สะดวก ควรดูแลสุขอนามัยและสวมแมสก์เมื่อมีอาการไอ การไออาจทำให้เกิดการเจ็บปวดหรือการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาร่างกายอื่น ๆ ได้

ไอแบบไหน ต้องรีบไปพบแพทย์ด่วน

หากมีอาการไอที่เรื้อรังเป็นเวลานาน ไอมีเสมหะสีเลือด หรือไอที่มีอาการเจ็บหน้าอก ควรไปพบแพทย์ทันทีเพื่อวินิจฉัยอย่างถูกต้อง เช่น ไอเป็นเลือด หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก ไอเรื้อรังนานกว่า 2 สัปดาห์ มีไข้สูง

รวมวิธีแก้อาการไอเบื้องต้น

วิธีแก้อาอารไอเบื้องต้น คือ การดื่มน้ำมากๆ และใช้เพิ่มความชื้นในอากาศสามารถช่วยลดอาการไอได้ ส่วนการหลีกเลี่ยงสารที่เป็นปัจจัยกระตุ้นเป็นสิ่งสำคัญ เช่น ฝุ่นและควัน ดื่มน้ำอุ่นมาก ๆ กลั้วคอด้วยน้ำเกลือ พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงสารระคายเคือง ใช้เครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศ

ควรกินยาอะไรดี เมื่อมีอาการไอ

การเลือกยารักษาอาการไอควรขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการไอและลักษณะของอาการ โดยทั่วไป ยารักษาอาการไอสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิดหลัก ได้แก่

1.ยาลดหรือระงับอาการไอ (Cough suppressants or antitussives)

ยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง ควบคุมและบรรเทาอาการไอโดยลดการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น เหมาะสำหรับไอแห้ง ไม่มีเสมหะ แต่ไม่ควรใช้ในเด็กเนื่องจากข้อมูลความปลอดภัยไม่เพียงพอ และไม่ควรใช้ในผู้ที่มีเสมหะ อาการไอเพราะอาจทำให้เสมหะเหนียวข้น เสี่ยงต่อการอุดกั้นทางเดินหายใจ ตัวอย่างยา ได้แก่ เดกซ์โทรเมทอร์แฟน (Dextromethorphan) โคเดอีน (Codeine) และทิงเจอร์ฝิ่น ซึ่งช่วย บรรเทาอาหารไอ แต่ต้องระมัดระวัง เนื่องจากอาจทำให้ เสพติดและมีผลข้างเคียง เช่น ง่วงซึม ปวดท้อง ท้องผูก และกดการหายใจ ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง

2. ยาขับเสมหะ (Expectorants)

ยาขับเสมหะเป็นยาที่กระตุ้นการขับเสมหะโดยกระตุ้นการทำงานของเยื่อบุระบบทางเดินหายใจให้กำจัดเสมหะและเพิ่มปริมาณสารคัดหลั่งในระบบทางเดินหายใจ ทำให้เสมหะเหลวขึ้นและขับออกได้ง่าย วิธีแก้อาการไอประเภทนี้คือการใช้ยา เช่น ไกวเฟนิซิน (Guaifenesin), เทอร์พินไฮเดรต (Terpin hydrate) และแอมโมเนียม คลอไรด์     (Ammonium chloride) ซึ่งช่วยลดความเหนียวของเสมหะ ทำให้อาการไอทุเลาลง

3. ยาละลายเสมหะ (Mucolytics)

ยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์โดยตรงต่อโครงสร้างของเสมหะ เป็นยาที่ออกฤทธิ์เข้าไปย่อยโปรตีน หรือเกิดปฏิกิริยาทางเคมี ทำลายการรวมตัวกันของโปรตีนที่จับตัวเป็นก้อนเสมหะเหนียวข้น รวมถึงลดแรงตึงผิวของเสมหะจึงช่วยลดความเหนียวของเสมหะ ทำให้ร่างกายกำจัด หรือขับเสมหะออกได้ง่ายขึ้น ใช้สำหรับบรรเทาอาการไอแบบมีเสมหะ และในบางครั้งมักใช้ยากลุ่มนี้ร่วมกับกลุ่มยาขับเสมหะ ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้ที่พบในท้องตลาด เช่น

    • คาร์โบซิสเทอีน (Carbocysteine) ออกฤทธิ์โดยการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของเสมหะ ทำให้เสมหะมีลักษณะใสขึ้น พร้อมที่จะถูกกำจัดออกไปได้ และมีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบ จึงมักนิยมใช้ในผู้ที่เป็นหลอดลมอักเสบ
    • อะเซทิลซิสเทอีน (Acetylcysteine) หรือเอ็น-อะเซทิลซิสเทอีน (N-acetylcysteine)
    • บรอมเฮกซีน (Bromhexine)
    • แอมบร็อกซอล (Ambroxol)

อาการเจ็บคอมีเสมหะไม่มีไข้ อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ติดเชื้อไวรัส ระคายเคือง การไอเป็นกลไกป้องกันร่างกายขับเสมหะหรือสิ่งระคายเคือง การไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด หรือไอร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น น้ำหนักลด อ่อนเพลีย อาจเป็นสัญญาณโรคร้าย การไอส่งผลกระทบต่อสุขภาพกาย จิต และผู้อื่น หากไอเรื้อรังนานกว่า 2 สัปดาห์ ไอเป็นเลือด หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก หรือมีไข้สูง ควรรีบพบแพทย์

เอกสารอ้างอิง

  1. ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย. แนวทางการดูแลรักษาโรคติดเชื้อเฉียบพลันระบบหายใจในเด็ก พ.ศ. 2562. กรุงเทพฯ: ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย; 2562.
  2. American Academy of Allergy, Asthma, and Immunology (AAAAI). Asthma management in children Internet. cited year month day. Available from: https://www.aaaai.org
  3. Carbocisteine. In: Lacy CF, et al., editors. Drug information handbook. 24th ed. Hudson: Lexi-Comp Inc.; 2015-2016. p. 357.
  4. Expectorants. In: Drug facts and comparisons 2017. Nevada: Wolters Kluwer Health; 2017. p. 1331-1332.
  5. Global Initiative for Asthma (GINA). Global strategy for asthma management and prevention Internet. 2023 cited year month day. Available from: https://ginasthma.org
  6. Mayo Clinic. Asthma overview and care for children Internet. cited year month day. Available from: https://www.mayoclinic.org
  7. World Health Organization (WHO). Asthma: key facts and management guidelines Internet. cited year month day. Available from: https://www.who.int

 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

askexpert

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้ประเภทนี้จะช่วยจดจำข้อมูลคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ท่านใช้เข้าชมเว็บไซต์ ข้อมูลการลงทะเบียนหรือ log in ข้อมูลการตั้งค่าหรือตัวเลือกที่ท่านเคยเลือกไว้บนเว็บไซต์ เช่น ภาษาที่แสดงบนเว็บไซต์ ที่อยู่สำหรับจัดส่งสินค้า เพื่อให้ท่านสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องให้ข้อมูลหรือตั้งค่าใหม่ทุกครั้งที่ท่านเข้าใช้เว็บไซต์ ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้ประเภทนี้ ท่านอาจใช้งานเว็บไซต์ได้ไม่สะดวกและไม่เต็มประสิทธิภาพ
    Cookies Details

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์เเละด้านฟังก์ชั่น

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อให้เราสามารถวัดผล ประเมิน ปรับปรุง และพัฒนาเนื้อหาสินค้า/บริการและเว็บไซต์ของเราเพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของท่าน ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้ประเภทนี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ประเมิน และพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

  • คุกกี้โฆษณา

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและสร้างโปรไฟล์เกี่ยวกับตัวท่าน เพื่อให้เราสามารถวิเคราะห์และนำเสนอเนื้อหา สินค้า/บริการ และ/หรือ โฆษณาที่เหมาะสมกับความสนใจของท่านได้ ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้ประเภทนี้ ท่านอาจได้รับข้อมูลและโฆษณาทั่วไปที่ไม่ตรงกับความสนใจของท่าน
    Cookies Details

Save